ตอนที่ 1695 เจตนาร้าย (3)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1695 เจตนาร้าย (3)

 

จูเก่ออินต้องรู้ใบหน้าที่แท้จริงของผู้อาวุโสเยวแน่ทุกคําพูดที่ซ่อนความนัยของเขาราวกับกําลังเดือนเยว่อว่าหากไม่ทําความจริงที่รับไม่ได้นั่นจะถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าทุกคน

 

เยว่ไม่สนใจว่าชื่อเสียงตัวเองจะเป็นยังไงแต่เขาไม่สนใจน้องสาวของเขาไม่ได้!

 

จือจินยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเขาแต่เยว่อี้จับไหล่จอจินไว้เขาก้าวออกมา พยายามข่มความตื่นตระหนกในใจลงและมองไปที่จูเก่ออิน

 

“ข้าเข้าใจเจตนาของประมุขน้อยจเก่อแล้วท่านอยากให้ข้าขึ้นเวทีประลองใช่ไหม?”

 

“ใช่ ข้าอยากให้เจ้ามีค่าตอบดีๆให้กับปู่เจ้าตอนกลับไปนี่ข้าเจตนาดีนะเนี่ย” จูเก่ออินยิ้มกว้าง

 

“เช่นนั้น เยว่ก็ขอขอบคุณประมุขน้อยจเก่อสําหรับความหวังดีนี้”เยวอี้สูดหายใจเข้าลึกๆ และส่งสายตาบอกจอจินให้วางใจจากนั้นก็หันไปอย่างเด็ดเดี่ยวและเดินขึ้นไปบนเวทีประลองท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน

 

บนเวทีประลอง ศิษย์สองคนที่มีพลังวิญญาณสีครามกําลังต่อสู้ติดพันพวกเขาไม่รู้ถึงความวุ่นวายที่เกิด ขึ้นนอกเวทีแต่จู่ๆพวกเขาก็เห็นร่างที่รวดเร็วจนน่าตกใจปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างพวกเขา

 

แขนทั้งคู่ผลักเด็กหนุ่มทั้งสองออกจากกันกําลังอันมากมายนั้นทําให้เด็กหนุ่มทั้งสองไม่อาจต่อต้านได้พวกเขาถูกผลักออกจากเวทีในชั่วพริบตา!

 

ในตอนที่เด็กหนุ่มทั้งสองตกจากเวทีประลองพวกเขายังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งความเจ็บปวด แล่นไปทั่วร่าง พวกเขาถึงได้สติขึ้นมาทั้งสองลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความโกรธและจ้องไปที่เยว่อี้ซึ่งยืนอยู่คนเดียวบนเวทีประลอง

 

“ไอ้เวร! ทําเหี้ยอะไรวะ!”

 

“แม่ง! อยากตายเรอะ!”

 

ทั้งสองด่าอย่างดุเดือดโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่เยวอี้ที่ยืนอยู่บนเวทีประลองไม่สนใจเสียงโวยวายของพวกเขา เขายืนอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาเย็นชาสายตาของเขามองข้ามทุกคนไปยังจูเก่ออินที่ยืนอยู่กลางฝูงชน

 

นี้คือผลลัพธ์ที่ดูเก่ออันต้องการ

 

“ผู้น้อยเยวอี้ โปรดชี้แนะด้วย” เยว่อถอนสายตากลับมาและประสานมือคารวะ

 

เด็กหนุ่มทั้งสองที่ถูกเยวอี้ผลักตกเวทีอยากจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนเจ้าหนุ่มหน้าขาวที่ไม่รู้กฎนั่นมาก

 

แต่พอเยว่อโค้งตัวคารวะ พลังวิญญาณสีม่วงก็ปกคลุมร่างกายของเขาทันที

 

พลังวิญญาณสีม่วง!

 

แสงวิญญาณสีม่วงส่องสว่างเจิดจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ศิษย์ทั้งสองที่อยากพุ่งขึ้นไปบนเวทีประลองชะงักนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกแม้แต่ก้าวเดียว

 

ใครจะไปคิดว่าเด็กหนุ่มเก็บตัวจากวิหารเงาจันทราคนนี้จะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!

 

วิหารเงาจันทราไม่ได้โดดเด่นท่ามกลางสิบสองวิหารและคนส่วนใหญ่ที่มาวิหารจึงหงครั้งนี้ก็เป็นผู้เยาว์อายุน้อยทั้งนั้นในวัยพวกเขาการที่สามารถบรรลุขั้นวิญญาณสีม่วงได้ก็หมายความว่ามีพรสวรรค์ที่แทบจะท้าทายสวรรค์ได้เลยทีเดียวกระทั่งในวิหารปีศาจเพลิงผู้เยาว์ที่ส่งมาครั้งนี้ก็มีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงแค่คนเดียวคือเฉียว

 

จินตนาการได้เลยว่าในวัยของเยว่อนั้นพลังวิญญาณสีม่วงมีความหมายอย่างไร!

เยวอี้ยึดตัวขึ้นยืนตรงใบหน้าไม่มีความภูมิใจในตัวเองหรือความโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย เขายืนนิ่งเงียบอยู่บนเวทีประลองราวกับรูปปั้นรอคอยการท้าทายจากคนอื่น

 

ศิษย์สองคนที่อยากเล่นงานเขาเมื่อครู่หดหัวหลบไปอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆไม่กล้าส่งเสียงพลังวิญญาณขั้นสีครามของพวกเขาจะไปประลองแข่งขันกับพลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างไร?หาเรื่องโดนกระทืบชัดๆ!

 

“เยวอี้มีพรสวรรค์สูงจริงๆ พลังวิญญาณขั้นสีม่วงหายากมากเลยนะ”เสียงของจูเก่ออินดังขึ้นอีกครั้งเขาเดินออกมาจากฝูงชนและมองเยว่อี้ที่อยู่บนเวทีประลองพร้อมกับหัวเราะ

 

“ในเมื่อไม่มีใครอยากแลกเปลี่ยนคําชี้แนะกับเจ้าเช่นนั้นขาคงต้องฝึกฝนกับคุณชายเยว่เองซะแล้ว” พูดจบจูเก่ออินก็กระทืบเท้าและเหินขึ้นไปบนเวทีประลอง!