ตอนที่ 324 จิ้นหยวน รีบรับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้! / ตอนที่ 325 รู้จักคุณอินด้วยเหรอ?

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 324 จิ้นหยวน รีบรับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้!

 

 

           ห้องที่เฉียวจื่อจี้บอกเป็นห้องน้ำห้องเล็กกะทัดรัดที่ดูเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นปี เธอยังไม่ทันเดินเข้าไปก็ได้กลิ่นเหม็นฉุนจนทำให้แทบอาเจียน

 

 

           เธอเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้ เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูลง ขอบคุณสวรรค์ที่ประตูยังใช้งานได้ดีอยู่

 

 

           เธอล็อกประตูห้องน้ำ หมุนตัวเดินเข้าไปมุมในสุดโดยไม่มีเวลามาสนใจเรื่องความสะอาดแล้ว เธอรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงทันที

 

 

           เธอโชคดีมากที่สวมกางเกงยีนส์ที่มีกระเป๋าหลายที่ จนสามารถซ่อนโทรศัพท์มือถือได้อย่างไร้พิรุธ

 

 

           ที่แท้ ตอนที่เธอล้มทับลงบนโต๊ะนั้น มือเธอสัมผัสเข้ากับวัตถุชิ้นหนึ่ง เธอเหลือบมองถึงเห็นว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือที่เธอกำลังตามหาแทบเป็นแทบตายนั่นเอง

 

 

           เธอดีใจมาก แม้จะไม่รู้ว่ามันถูกวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างประจวบเหมาะได้อย่างไร แต่ชั่ววินาทีที่เธอได้โทรศัพท์มือถือคืนมานั้น เธออดขอบคุณสวรรค์ไม่ได้

 

 

           เธอเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือด้วยมืออันสั่นเทา ปลดล็อกหน้าจอ จากนั้นกดโทรออกหาจิ้นหยวนอย่างรวดเร็ว

 

 

           ใช่แล้ว นาทีนี้นอกจากจิ้นหยวนแล้ว เธอนึกไม่ออกแล้วว่ายังสามารถโทรศัพท์หาใครได้อีก

 

 

           แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จิ้นหยวนถึงไม่ยอมรับสายเสียที

 

 

           แต่ละวินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอร้อนใจดั่งไฟลน

 

 

           “รีบรับสิ ทำไม่ยังไม่รับอีก?” เธอบ่นในใจด้วยความร้อนรน

 

 

           ในที่สุด เสี้ยววินาที่สุดท้ายก่อนที่สายจะถูกตัดไป จิ้นหยวนก็รับสายเสียที น้ำเสียงร้อนรนใจของเขาดังลอดมาตามสาย “ตอนนี้คุณอยู่ไหน? รีบบอกมาเร็ว!”

 

 

           เธอกำลังจะอ้าปากบอกที่อยู่ให้เขารู้ ทันใดนั้น เกิดเสียงดังปังมาจากทางประตูห้องน้ำ จากนั้นประตูห้องน้ำถูกถีบออก เธอกรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ เฉียวจื่อจี้ที่กำลังโกรธจัดยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้อง

 

 

           “คุณเป็นอะไรไป? คุณอยู่ที่ไหน?” จิ้นหยวนได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอแล้วเอ่ยถามด้วยความร้อนรนใจ

 

 

           เฉียวจื่อจี้เดินย่างสามขุมเข้าไปหาเธอ ท่าทางเขาแข็งแรงมาก แตกต่างจากท่าทางที่เธอเห็นในยามแรกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

 

 

           สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับจิ้นหยวนสักคำ เฉียวจื่อจี้แย่งโทรศัพท์มือถือไปจากเธอ เขาปิดเครื่องทันที จากนั้นกระแทกมันลงกับพื้นจนพังยับเยิน แถมท้ายด้วยการใช้เท้ากระทืบมันอย่างแรงจนกระทั่งมันแหลกเละไม่เหลือชิ้นดี

 

 

           ตลอดขั้นตอนการทำลายโทรศัพท์มือถือ เขาจ้องเธอเขม็งด้วยสายตาดุจงูพิษจนเธอรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งร่าง

 

 

           หลังจากเขาทำลายโทรศัพท์มือถือของเธอจนพังยับเยินแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังไม่สาแก่ใจ เขายื่นแขนออกไปกระชากผมเธอ “แกจำเอาไว้เลยนะ ขืนแกยังเล่นตุกติกอีก ฉันจะทำให้แกไม่ได้ผุดได้เกิดอีก!”

 

 

           สายตาโหดเ**้ยมอำมหิตของเขาทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ โดยอัตโนมัติ

 

 

           เห็นท่าทางว่าง่ายของเธอแล้วเขาค่อยรู้สึกพอใจขึ้นมาบ้าง เขาคลายมือออกจากผมเธอ เชยคางเธอขึ้นมองสำรวจใบหน้าเธอ

 

 

           เธอจ้องเขาตาเขม็ง ไม่รู้ว่าทำไมคุณพ่อของเธอถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปแล้ว

 

 

           เฉียวจื่อจี้มองสำรวจใบหน้าเธอสักพักแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “สวยใช้ได้ หวังว่าคุณอินจะพอใจ ไม่งั้นฉันคงต้องขายแกทิ้ง เชื่อเถอะว่าแกไม่อยากถูกขายหรอก”

 

 

           เธอเอ่ยเสียงต่ำ “ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย ทำไม?”

 

 

           เฉียวจื่อจี้ครางเสียงฮึเย็นๆ “ตอนแรกฉันก็ลังเลอยู่เหมือนกัน ถ้าแกยอมช่วยฉันใช้หนี้ทั้งหมดดีๆ ฉันก็จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับแม่แกดีๆ แต่ใครจะไปคิดว่าแกไม่เพียงไม่ช่วยแล้วยังมีเงื่อนไขบ้าบอมากมายอีก เวินเยวี่ยฉิงเป็นเมียฉัน แกยังคิดจะให้แม่แกแต่งงานกับคนอื่นอีกหรือไง? ฝันไปเถอะ ฉันจะถือว่าไม่มีลูกสาวอกตัญญูอย่างแก อย่างมาก ฉันก็แค่มีลูกชายอีกคน!”

 

 

 

 

ตอนที่ 325 รู้จักคุณอินด้วยเหรอ?

 

 

           เฉียวจื่อจี้พูดจบแล้วโยนเธอลงกับพื้นเหมือนโยนขยะชิ้นหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวเดินออกไปจากห้องน้ำ เขาตะคอกเสียงดังมาจากด้านนอก “ออกมาได้แล้ว!”

 

 

           เธอทนความอัปยศอดสูเอาไว้ ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นจากพื้น นับจากนี้เธอจะลบคุณพ่อออกจากใจให้สิ้นซาก

 

 

           คุณพ่อของเธอตายไปแล้วจริงๆ ตายตั้งแต่วันที่ท่านหอบเงินหนีไปวันนั้น ชายตรงหน้าเป็นปีศาจที่มีหน้าตาเหมือนคุณพ่อเท่านั้น

 

 

           เธอสูดหายใจลึก วันนี้เธอคงต้องพึ่งโชคในการหนีเอาตัวรอดเสียแล้ว

 

 

           เธอค่อยๆ เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างกายเขา เขาชี้ไปยังเตียงนอน “ขึ้นไปนอนบนเตียง ถ้ายังกล้าก่อเรื่องอีกก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ”

 

 

           เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เขาโกรธมาก เขาจึงมัดเธอแน่นกว่าเดิม แล้วยังมัดเธอติดกับเตียงอีก ทำให้เธอขยับเขยื้อนตัวไม่ได้อีก

 

 

           คราวนี้ต่อให้เธอเค้นสมองคิดหาวิธีจนตายก็คงเปล่าประโยชน์ เขาครางเสียงฮึเย็นๆ แล้วหมุนตัวเดินออกไป

 

 

           เขาทำพลาดไป เขาโยนโทรศัพท์มือถือของเธอทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ แต่กลับถูกเธอเอาคืนไปจนได้ แถมเธอยังโทรออกสำเร็จอีกต่างหาก เห็นเขาทำตัวโหดร้ายกับเฉียวซือมู่แบบนี้ แต่ความจริงเขาเองก็กังวลใจมากเหมือนกัน เขาเริ่มคิดว่าถ้าเกิดถูกตามจนพบแล้วเขาควรทำอย่างไรดี?

 

 

           เฉียวซือมู่ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลย ทั้งร่างมีเพียงสมองเท่านั้นที่ยังทำงานได้ตามปกติ เธอพยายามชะโงกหน้ามองออกไปนอกห้องแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน แต่กลับมีเสียงพูดคุยกระท่อนกระแท่นดังลอยเข้ามาในห้อง เสียงนั้นเบาเหมือนเสียงคนกำลังคุยโทรศัพท์

 

 

           เธอสูดหายใจลึก เสียใจที่ตนเองไม่ได้ฉวยโอกาสบอกที่อยู่ให้จิ้นหยวนรู้ ไม่รู้ว่าจิ้นหยวนจะหาที่นี่เจอหรือเปล่า ถ้าเขาไม่มาช่วยเธอ คราวนี้เธอแย่แน่แล้ว

 

 

           ไม่รู้ว่าเฉียวจื่อจี้ได้ข่าวดีอะไร หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเขาเดินเข้ามาในห้องด้วยความดีใจ เอ่ยสีหน้ายิ้มแย้ม “ลูกรัก อีกหนึ่งชั่วโมงพวกเขาก็จะมารับตัวลูกแล้ว ลูกดีใจหรือเปล่า?”

 

 

           เอ่ยพลางมองสำรวจเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเสน่ห์แรงมากขนาดนี้ คุณอินตื่นเต้นมาก กลัวว่าจะทำให้แกไม่พอใจ น่าแปลกมาก…”

 

 

           เขามองเฉียวซือมู่แวบหนึ่งด้วยความสงสัย “แกรู้จักคุณอินด้วยเหรอ?”

 

 

           เธอส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

 

 

           “ถ้างั้นก็แปลก” เขานึกแปลกใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คุณอินเป็นคนระดับนั้น แล้วลูกสาวเขาจะไปรู้จักเขาได้อย่างไร?

 

 

           แต่ทำไมเขาถึงทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเธอมากขนาดนั้นล่ะ?

 

 

           เขาครุ่นคิดไปมาแต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเลยจึงเลิกคิดเสียดีกว่า เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีก เขาจึงตัดสินใจนั่งเฝ้าเธอในห้องโดยจับจ้องเธอตาไม่กะพริบ

 

 

           ยามนี้เฉียวซือมู่เห็นเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ถูกเขาคอยจับจ้องไม่วางตาแบบนั้นเธอจึงรู้สึกแย่มาก แต่เธอก็ขยับเขยื้อนกายไม่ได้ จึงได้แต่หลับตาลง จะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขาอีก

 

 

           เมื่อปิดเปลือกตาลง ประสาทสัมผัสอื่นๆ จึงไวกว่าปกติ เธอได้ยินเสียงลมพัดเอื่อยๆ เสียงนกร้องกังวาน และเสียงสุขนัขเห่าเป็นครั้งคราว สรรพเสียงดังกระทบโสตประสาทของเธอ

 

 

           เธอหลับตาฟังเสียงพวกนั้นด้วยความเบื่อหน่าย หากไม่ใช่เพราะความตึงเครียด เธอคิดว่าตัวเองคงนอนหลับได้จริงๆ

 

 

           เวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป สุนัขหยุดเห่าแล้ว เสียงนกร้องหายไปแล้วเช่นกัน ตอนแรกเธอไม่ได้รู้สึกอะไร แต่จู่ๆ ความคิดน่าสะพรึงกลัวก็แวบขึ้นในสมองจนตัวแข็งเกร็ง

 

 

           หรือว่าพวกเขาจะมาถึงแล้ว ไหนบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานี่

 

 

           หรือว่าเธอจะหูฝาดไปเอง?