ตอนที่ 326 ผมมาแล้ว / ตอนที่ 327 รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 326 ผมมาแล้ว

 

 

           เธอหลับตาลงแล้วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ และเธอไม่ได้ยินเสียงสรรพสัตว์อีก ตรงกันข้าม เสียงลมพัดเอื่อยๆ กลับกลายเป็นเสียงลมพัดแรงจนทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบ

 

 

           เฉียวจื่อจี้บ่นอุบอิบ “ทำไมลมพัดแรงแบบนี้…”

 

 

           จากนั้นเธอได้ยินเสียงเขาลุกขึ้น ดูเหมือนเขาจะเดินไปปิดหน้าต่าง แต่เสียงฝีเท้าเขากลับหยุดอยู่กับที่ตรงบริเวณหน้าต่างเสียอย่างนั้น

 

 

           เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงลืมตาขึ้น เห็นเฉียวจื่อจี้กำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างด้วยท่าทางแปลกประหลาด

 

 

           ร่างกายช่วงล่างของเขาอยู่ในท่ายืนนิ่ง แต่ร่างกายช่วงบนกลับเอนไปข้างหลัง สองมือกำลังพยายามไขว่คว้าเพื่อจับอะไรบางอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็จับไม่ได้เสียที เขาได้แต่ส่งเสียงดัง “อักๆ” ที่ฟังดูทรมานมากออกมา

 

 

           เพราะตอนนี้มีมือของชายคนหนึ่งกำลังกำรอบคอเขาแน่นไม่ยอมปล่อย

 

 

           เฉียวจื่อจี้หน้าเขียวคล้ำ พยายามดิ้นรนเพื่อคว้าจับอีกฝ่ายอย่างสุดชีวิต แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นไปดั่งใจนึก

 

 

           ภาพนั้นทำให้เธอเกือบจะกรีดร้องออกมา และเธอถึงกับเบิกตาโพลงกับภาพต่อมาที่ได้เห็น ชายชุดดำกลุ่มใหญ่จู่โจมเข้ามาทางหน้าต่างและทางประตู ท่าทางปราดเปรียวว่องไวราวกับทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด

 

 

           และชายที่กำลังบีบคอเฉียวจื่อจี้ไม่ยอมปล่อยก็เผยตัวออกมาจากทางหน้าต่าง

 

 

           เธอเบิกตากว้าง เอ่ยเรียกชื่อเขา “จิ้นหยวน”

 

 

           สีหน้าจิ้นหยวนโกรธจัด จ้องเฉียวจื่อจี้อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ทุกคนมั่นใจว่าวินาทีต่อไปเฉียวจื่อจี้ต้องตายคามือจิ้นหยวนแน่แล้ว แต่เสียงเรียกของเฉียวซือมู่ทำให้ความโกรธของจิ้นหยวนลดลงไปมากอย่างน่าอัศจรรย์

 

 

           จู่ๆ เขาก็คลายมือออก เฉียวจื่อจี้ร่วงลงกองกับพื้น สองมือกุมลำคอเอาไว้แล้วไอค่อกแค่กด้วยความเจ็บปวด

 

 

           ไม่มีใครสนใจไยดีเขาสักคน รวมทั้งเฉียวซือมู่ลูกสาวของเขาด้วย ไม่มีใครคิดจะชายตาแลเขาแม้แต่คนเดียว

 

 

           เฉียวซือมู่มองจิ้นหยวนที่เดินก้าวยาวเข้าไปหาเธอ เอ่ยทั้งๆ ที่หยาดน้ำตาคลอเบ้า “คุณมาแล้ว”

 

 

           จิ้นหยวนเห็นเชือกเส้นหนาใหญ่ที่มัดตัวเธอแล้วสายตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและดุร้าย เขาหันกลับไปจ้องเฉียวจื่อจี้ที่กำลังนอนขดตัวงออยู่บนพื้นตาเขม็ง “แกมันสมควรตาย!”

 

 

           เสี้ยววินาทีนั้น ความดุร้ายของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นขนลุกซู่

 

 

           เฉียวซือมู่พยายามขยับกาย “คุณช่วยแก้มัดให้ฉันก่อนเถอะค่ะ” ถ้าจิ้นหยวนลงโทษเฉียวจื่อจี้ เธอจะไม่ห้ามเขาเด็ดขาด แต่ถ้าเขาคิดจะเอาชีวิต เธอก็คงต้องห้ามปรามเขาเหมือนกัน

 

 

           จิ้นหยวนช่วยแก้มัดให้เธอแล้วโยนเชือกเส้นใหญ่ทิ้งไปอีกทาง จากนั้นออกคำสั่ง “มัดเขาเอาไว้”

 

 

           ลูกน้องของเขาได้รับคำสั่งแล้วปฏิบัติตามคำสั่งทันที พวกเขาเก็บเชือกเส้นนั้นขึ้นมาแล้วมัดตัวเฉียวจื่อจี้เอาไว้

 

 

           เฉียวจื่อจี้เพิ่งนึกกลัวขึ้นมา รีบหันไปบอกกับเฉียวซือมู่ “แกจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันเป็นพ่อแกนะ แกสั่งให้คนพวกนี้ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

 

 

           เฉียวซือมู่มองเขาด้วยความเห็นใจโดยไม่ปริปากใดๆ

 

 

           จิ้นหยวนมองเธอด้วยความประหลาดใจ เขาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าชายที่ถูกมัดอยู่กับพื้นเป็นพ่อของเธอ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

 

 

           เขาส่งสายตาถามเธอ เธอส่ายศีรษะเบาๆ “ให้บทเรียนเขาเถอะ เขาเป็นพ่อฉัน ถึงฉันจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่…”           

 

 

           เธอยิ้มขื่นพลางส่ายศีรษะ ลุกออกจากเตียงแล้วเอ่ยกับจิ้นหยวน “เราไปกันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว”

 

 

           เฉียวจื่อจี้เห็นกลุ่มชายชุดดำแล้วรู้ทันทีว่าคนพวกนี้แหย่ไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก เขามองเฉียวซือมู่แล้วร้องเสียงดัง “มู่มู่ อย่าทำอย่างนี้กับพ่อเลยนะ พ่อเป็นพ่อของลูกนะ พ่อผิดไปแล้ว…”

 

 

 

 

ตอนที่ 327 รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ

 

 

           เฉียวซือมู่ชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นเดินจากไปอย่างตัดสินใจเด็ดเดี่ยวโดยไม่หันกลับไปมองอีก

 

 

           หากครั้งนี้จิ้นหยวนมาช่วยเธอไม่ทัน และเธอต้องไปกับคนที่เฉียวจื่อจี้บอก เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะตกอยู่ในสภาพน่าเวทนามากขนาดไหน เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอจึงไม่เหลือแม้แต่ความเห็นใจให้เฉียวจื่อจี้อีก

 

 

           จิ้นหยวนเห็นสีหน้าผิดปกติของเธอแล้วไม่พูดอะไรอีก เขาโอบเอวเธอเบาๆ พาเธอเดินตรงไปยังรถที่จอดรอพวกเขาโดยมีกลุ่มชายชุดดำคอยคุ้มกันรอบด้าน

 

 

           กระทั่งคนขับรถสตาร์ทรถขับออกไป เขาจึงซบหน้าลงกับไหล่เธอแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณกลับมาแล้ว”

 

 

           น้ำเสียงเขาฟังดูหนักอึ้งมากจนเธอรู้สึกใจสั่น เธอยื่นแขนโอบกอดเขาเอาไว้ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉัน”

 

 

           เขาส่ายศีรษะ สองมือกอบกุมใบหน้าเธอเอาไว้แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งโดยไม่พูดไม่จา เธออ้าปากอยากจะถาม แต่จู่ๆ เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วฝังจุมพิตลงบนริมฝีปากเธอ เธอเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

           ชั่ววินาทีนั้น เธอสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวในใจเขา เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ ช่วงที่เธอหายตัวไปเขาคงจะทรมานมาก

 

 

           แม้เธอจะรู้ว่าทำเรื่องร้อนแรงกันในที่แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธเขาได้ลงคอ

 

 

           เขาสัมผัสได้ว่าเธอใจอ่อนลงแล้ว จึงจูบรุนแรงขึ้น

 

 

           โชคดีที่เขายังสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองเอาไว้ได้ ในขณะที่บรรยากาศกำลังเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ยอมถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากเธออย่างอ้อยอิ่ง เขาหายใจแรงพลางเอ่ยข้างหูเธอเสียงพร่า “รอให้กลับถึงบ้านก่อนเถอะ!”

 

 

           คำพูดแฝงความหมายลึกซึ้งของเขาทำให้เธอเสียวสันหลังวาบ

 

 

           ใบหน้าเธอแดงซ่านเพราะรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร

 

 

           จังหวะนั้น จู่ๆ คนขับรถรับสายโทรศัพท์ จากนั้นหันไปเอ่ยกับจิ้นหยวนราวไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น “พี่ใหญ่ พี่น้องโทรมาบอกว่าเจอรถต้องสงสัยกำลังขับมาทางนี้ครับ สงสัยว่าจะเป็นคนที่ติดต่อกับคนคนนั้น”

 

 

           หัวใจเธอกระตุกวูบ เธอหันไปมองจิ้นหยวน แต่เขากลับเอ่ยตอบเสียงเข้มโดยไม่มองเธอเลย “รู้แล้ว ให้คอยตามดูอยู่เงียบๆ ดูซิว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากไหน เรากลับทางลัดก็แล้วกัน”

 

 

           “ครับ!”

 

 

           จิ้นหยวนสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยหันไปมองเธอ “ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

 

 

           เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย สะกดกลั้นความรู้สึกสับสนปนเปทั้งหมดเอาไว้ จากนั้นเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง

 

 

           จิ้นหยวนฟังได้เพียงครึ่งก็เอ่ยปากด่าเธออย่างเหลืออด “คุณกินยาผิดสำแดงหรือไง ถึงได้กล้าไปที่แบบนั้นคนเดียวน่ะ? นี่คุณไม่กลัวจะถูกปล้นถูกข่มขืนหรือไง? ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะโง่ขนาดนี้!”

 

 

           ความจริงเธอรู้สึกเสียใจมาก แต่พอได้ยินเขาด่าตนเองแล้วก็โมโหจนต้องแย้งเขา “ก็ฉันคิดว่าแค่ไปพบคุณพ่อนี่คะ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนั้นกันเล่า!”

 

 

           “อย่างนั้นเหรอ? คุณพ่อของคุณใช่ไหม? คุณคิดว่าอยู่ดีๆ พ่อคุณก็กลายเป็นแบบนี้เหรอ? ผมจำได้ว่าที่คุณเข้าใกล้ผมก็เพราะพ่อคุณหอบเงินหนีไปไม่ใช่หรือไง? หรือว่าคุณเชื่อว่าจู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนดีขึ้นมา?”

 

 

           “คุณไม่ต้องยุ่ง ต่อไปฉันจะไม่เชื่อเขาอีกแล้ว” เธอถูกเขาด่าจนโมโห จึงเลิกคิดที่จะต่อปากต่อคำกับเขาอีก

 

 

           เขายิ้มเย็น โมโหจนพูดไม่ออก

 

 

           ก่อนหน้านี้เขาคิดแล้วคิดอีก คิดว่าเป็นเพราะศัตรูของเขาทำให้เธอต้องตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า ใครจะคิดว่าสุดท้ายแล้วเธอเป็นคนหาเรื่องเอง เธอไม่เพียงไม่บอกเขา ยังแอบหนีมาถึงชานเมืองที่เปลี่ยวมากแบบนี้อีก เธอไม่คิดบ้างหรือว่าคนปกติที่ไหนจะมาอยู่ในที่แบบนี้?