ตอนที่ 328 อย่าพูดแบบนั้นอีก / ตอนที่ 329 เขาไม่ใช่พ่อฉัน

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 328 อย่าพูดแบบนั้นอีก

 

 

           โชคดีมากที่ครั้งนี้เขาช่วยเธอเอาไว้ได้ทันท่วงที ตอนที่เธอโทรศัพท์หาเขา เขาเกือบจะรับสายเธอไม่ทันเสียแล้ว ต่อมาเขาสืบที่ที่เธออยู่โดยใช้พิกัดจากเบอร์โทรศัพท์ของเธอ เขาถึงบุกไปช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน มิเช่นนั้น หากทุกอย่างดำเนินไปตามที่เธอเล่าให้เขาฟัง เขาอาจจะตามหาตัวเธอไม่เจออีกเลย

 

 

           เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วเขาก็โมโหขึ้นมาอีก เขาตวัดสายมองเธอตาเขียวปั๊ด เอ่ยข้างหูเธออย่างคาดโทษ “เตรียมตัวรอให้ดีเถอะ!”

 

 

           เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือต้องรีบตรวจสอบว่าคุณอินคนนั้นเป็นใคร เหตุใดเขาจึงต้องการตัวเฉียวซือมู่ให้ได้ หรือว่าเขาจะเป็นคนรักเก่าของเธอ?

 

 

           จิ้นหยวนที่เพิ่งสั่งงานลูกน้องเสร็จเรียบร้อยนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา ความหึงหวงแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูรูขุมขน “คุณอินคนนั้นเป็นใคร?”

 

 

           “ฉันไม่รู้จักค่ะ ไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร” เธอเอ่ยตอบ

 

 

           “คุณไม่รู้? แล้วทำไมเขาถึงเจาะจงจะเอาตัวคุณให้ได้ล่ะ?” เขาถามตรงประเด็น และความจริงก็เป็นดังเช่นที่เขาถาม แต่น้ำเสียงเขาฟังดูแย่มาก ราวกับว่ากำลังระแวงว่าเธอกับคุณอินคนนั้นจะมีอะไรกันจริงๆ อย่างนั้นแหละ

 

 

           เธอเอ่ยตอบน้ำเสียงแข็งกระด้างอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไร? ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนั้นเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า”

 

 

           เขาเห็นท่าทางเธอแล้วโมโหจนหัวเราะ “เฉียวซือมู่ ไหนลองพูดอีกทีซิ”

 

 

           “พูดก็พูดสิ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำไมเขาถึงอยากได้ตัวฉัน เขาอาจจะเป็นบ้าจริงๆ ก็ได้!”

 

 

           จิ้นหยวนกวาดสายตามองใบหน้าเธอด้วยความระแวง “คุณไม่ได้โกหกผมนะ?”

 

 

           “ค่าๆๆ ฉันโกหกคุณ ฉันกับคุณอินอะไรนั่นรู้จักกัน เขาเป็นคนที่หล่อมาก แล้วเราก็นัดเจอกันที่นี่ พอใจหรือยังคะ?” เฉียวซือมู่ประชดประชันเพราะทนไม่ได้กับท่าทางที่เหมือนกำลังเค้นถามนักโทษของเขา

 

 

           คำพูดประชดประชันของเธอทำเอาจิ้นหยวนโมโหจนอกกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่รุนแรงขึ้น น่าแปลกมากที่เขาไม่อาละวาด แต่เขากลับจ้องมองเธอนิ่ง ขณะที่เธอเริ่มกระวนกระวายใจนั้น จิ้นหยวนยื่นแขนออกไปรั้งตัวเธอเข้าไปกอดแล้วเอ่ยข้างหูเธอ “คุณอย่าพูดแบบนั้นกับผมอีกนะ เข้าใจไหม?”

 

 

           คำพูดของเขาแฝงความหมายลึกซึ้งที่ยากจะอธิบาย หัวใจเธอกระตูกวูบทันที เธอรีบพยักหน้าหงึกหงักโดยอัตโนมัติ

 

 

           “คนดี” เขาลูบผมเธอเบาๆ “ผมเชื่อคุณ คุณกลับบ้านกับผมนะ”

 

 

           เขาเปลี่ยนท่าทีรวดเร็วเกินไปจนเธอขนลุกซู่ เธอชายตามองเขา เห็นมุมปากเขายกยิ้มน้อยๆ “ที่รัก คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เรากลับบ้านกันดีกว่า คุณเองก็จะได้พักผ่อนด้วย”

 

 

           ท่าทางของจิ้นหยวนดูผิดแปลกไปจากเดิมเล็กน้อย มันทำให้เธอเชื่อฟังเขาและพยักหน้าตอบรับเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

 

 

           สิ่งแรกที่เธอทำหลังกลับถึงบ้านก็คือวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นชำระล้างร่างกายให้สะอาดหมดจด เธอโยนเสื้อผ้าชุดเก่าทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่ไยดี เพราะเธอจะไม่มีวันใส่เสื้อผ้าชุดนี้อีกเด็ดขาด

 

 

           หลังจากเธอเดินออกมาจากห้องน้ำเพียงไม่นานก็มีสาวใช้เข้าไปเก็บเสื้อผ้าชุดเก่าของเธออย่างรู้หน้าที่ จากนั้นเสื้อผ้าชุดนั้นก็ถูกส่งไปให้จิ้นหยวนตามคำสั่งของเขา

 

 

           จิ้นหยวนไม่ได้ออกไปทำงานอย่างที่เฉียวซือมู่คิด ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องห้องหนึ่ง เขาจับจ้องเสื้อผ้าชุดเก่าของเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่นานสองนาน จากนั้นยื่นมือออกไปลูบคลำเสื้อผ้าชุดนั้นอย่างช้าๆ

 

 

           หากเฉียวซือมู่มาเห็นภาพนี้เข้าเธอคงตกใจไม่น้อย และคงคิดว่าจิ้หยวนบ้าไปแล้ว แต่สีหน้าเขาในยามนี้เคร่งเครียดจริงจังมาก ราวกับกำลังทำเรื่องที่สำคัญมาก

 

 

           เขาค่อยๆ ลูบคลำไปเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็พบเป้าหมายที่ตนเองกำลังมองหา เขาเจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ ที่มีขนาดเล็กกว่ากระดุมเสื้อซ่อนอยู่ตรงชายเสื้อของเฉียวซือมู่

 

 

 

 

ตอนที่ 329 เขาไม่ใช่พ่อฉัน

 

 

           เขาหรี่ตาแคบ ยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น แต่กลับไร้เสียงใดๆ หลุดรอดออกมา แม้แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แทบจะกลั้นหายใจและไม่กล้ากระดิกตัวตามไปด้วย จนกระทั่งเห็นเขาเหวี่ยงเจ้าอุปกรณ์เล็กๆ นั่นกระแทกพื้นจนแหลกละเอียดนั่นแหละ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  

 

 

           จิ้นหยวนวางยันแขนกับโต๊ะ ใบหน้าเย็นชาราวรูปปั้นสั่งเสียงเย็นเยียบ “ไปเช็กมาให้ละเอียดว่าคุณอินอะไรนั่นเป็นใครมาจากไหน”

 

 

           หากไม่ใช่เพราะเขาคุ้นเคยกับร่างกายเธอมาก เขาคงไม่มีทางรู้ว่ามีเครื่องดักฟันชิ้นเล็กซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าเธอ

 

 

           คนคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่? เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้? เฉียวจื่อจี้ต้องเป็นคนซ่อนเครื่องดักฟังชิ้นนี้ในเสื้อผ้าเธอเป็นแน่ แล้วเพื่ออะไรล่ะ?

 

 

           เขาคิดใคร่ครวญไปมา เขาเพียงแค่สั่งสอนเฉียวจื่อจี้เบาะๆ แล้วปล่อยตัวไปทันที ตอนนี้เขาจึงรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้พาตัวเฉียวจื่อจี้กลับมาด้วย

 

 

           เพราะเห็นแก่เฉียวซือมู่เขาจึงไม่ได้ทำอะไรเฉียวจื่อจี้มากนัก แต่ไม่คิดเลยว่า…

 

 

           เขาออกคำสั่งเพิ่มเติม “ตามหาตัวเฉียวจื่อจี้ให้เจอ เจอแล้วพาตัวมาหาฉันทันที!”       

 

 

           “ครับ!”

 

 

           หลังสั่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปจากห้องอย่างช้าๆ แต่กลับเห็นเฉียวซือมู่กำลังยืนเหม่อมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างจากตรงระเบียงพอดี

 

 

           เขาชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปหาเธอ

 

 

           พูดกันตามตรง ต่อให้เฉียวซือมู่เตรียมใจเอาไว้แล้วก็เถอะ แต่จิตใต้สำนึกเธอยังคงรู้สึกเศร้าใจเรื่องคุณพ่ออยู่ดี เธอคิดใคร่ครวญไปมาหลายตลบหากแต่ไม่เข้าใจเสียที เป็นเพราะคำว่า “การพนัน” คำเดียวแท้ๆ คุณพ่อถึงได้ทิ้งลูกเมียได้ลงคอโดยที่ไม่สนใจไยดีว่าพวกเธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร สุดท้ายยังจับตัวลูกสาวตนเองเป็นตัวประกันกับมือเพื่อชดใช้หนี้พนันอีกต่างหาก

 

 

           เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณพ่อที่เคยพาเธอออกไปเที่ยวเล่น ซื้อขนมอร่อยให้เธอกินในสมัยที่เธอยังเป็นเด็ก และคุณพ่อผู้ที่พูดน้อยแต่หนักแน่นมั่นคงยามเมื่อเธอโตขึ้น ตอนนี้จะกลายเป็นเดนมนุษย์ไปแล้ว

 

 

           เธอเหม่อมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องนภานอกหน้าต่าง จมดิ่งสู่ความเจ็บปวดไร้ที่สิ้นสุด

 

 

           นอกจากเรื่องนี้แล้วเธอยังมีเรื่องให้กลุ้มใจอีกเรื่อง เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เธอควรจะบอกคุณแม่ดีหรือไม่?

 

 

           หากเธอบอกคุณแม่ แล้วท่านจะตกใจหรือเปล่า?

 

 

           จู่ๆ เสียงจิ้นหยวนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง “กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

 

 

           เธอหมุนตัวไปแล้วเอ่ยตอบเขา “คิดเรื่องเมื่อตอนกลางวันอยู่ค่ะ”

 

 

           คงมีแต่การอยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้นกระมังที่เธอไม่ต้องเสแสร้งและสามารถพูดความในใจทั้งหมดออกมา

 

 

           จิ้นหยวนเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างกายเธอ เขาเอ่ยกับเธอ “กำลังเสียใจที่คุณพ่อคุณทำกับคุณแบบนั้นเหรอ?”

 

 

           “อย่าเรียกเขาแบบนั้น เรียกว่าคุณเฉียวก็พอ หลังจากเกิดเรื่อง ฉันไม่ยอมรับว่าเขาเป็นพ่อแล้ว”

 

 

           “แต่ในสายตาคนอื่น เขาก็คือคุณพ่อของคุณนะ”

 

 

           “ไม่ค่ะ เขาไม่ใช่ เขาเป็นแค่คนที่มีสายเลือดเหมือนกับฉันเท่านั้น” เธอเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว

 

 

           “โอเค เราจะเรียกเขาว่าคุณเฉียวก็แล้วกัน” เขาเรียกตามที่เธอต้องการ “คุณไม่ต้องรู้สึกเสียใจไปหรอกนะ ก็อย่างที่คุณบอก ถือเสียว่าเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งก็พอ”

 

 

           “ก็จริงค่ะ” เธอทอดถอนใจ “แล้วฉันควรจะบอกเรื่องนี้ให้คุณแม่รู้ดีหรือเปล่าคะ?”

 

 

           จิ้นหยวนมองเธอ “คุณอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากจะบอกก็ไม่ต้องบอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”  

 

 

           เขาเอ่ยราบเรียบ “ผมจะไม่ยอมให้เขามารบกวนชีวิตคุณอีก คุณสบายใจเถอะ”

 

 

           เธอเกิดคำถามขึ้นในใจทันที “คุณหมายความว่า…”

 

 

           อย่าบอกนะว่าจิ้นหยวนทำอะไรเฉียวจื่อจี้ไปแล้ว… คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ?