ตอนที่ 330 ไม่อยากบอกคุณแม่ / ตอนที่ 331 เตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 330 ไม่อยากบอกคุณแม่

 

 

           จิ้นหยวนดูออกว่าเฉียวซือมู่กำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายศีรษะน้อยๆ “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายความว่า ผมจะส่งคนคอยคุ้มกันคุณเอาไว้ ผมเห็นแก่คุณก็เลยปล่อยเฉียวจื่อจี้ไปแล้ว หวังว่าเขาจะคิดได้บ้างนะ ไม่งั้น…”

 

 

           เธอเข้าใจความหมายของเขาทันที ได้แต่ทอดถอนใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

 

           เธอรู้ว่าเหตุใดคุณพ่อจึงกลายเป็นแบบนี้ และรู้ด้วยว่าจิ้นหยวนนั้นลงมือโหดมากแค่ไหน ถึงจะรู้อย่างนั้นก็เถอะ แต่เธอก็ไม่คิดจะพูดแทนเฉียวจื่อจี้แม้แต่คำเดียว

 

 

           เธอครุ่นคิดไปมาชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยกับจิ้นหยวน “ฉันขอแค่อย่างเดียว ถ้าเขาทำอะไรที่มันร้ายแรงอีก ฉันขอแค่คุณไว้ชีวิตเขาด้วยก็พอ ส่วนเรื่องอื่นฉันไม่อยากจะรู้อีก”

 

 

           เขาพยักหน้า “ได้”

 

 

           เขายื่นแขนออกไปรั้งตัวเธอเข้าไปกอด มองดูขนตางอนยาวที่หลุบต่ำและสั่นระริกแล้วรู้สึกสงสารเธอจับใจ “อย่าคิดมากเลยนะ ชีวิตคนเราก็ต้องเจอเรื่องที่ไม่เป็นดั่งใจบ้าง คุณเองก็ยังมีคุณแม่อีกคนไม่ใช่หรือไง?”

 

 

           เธอพยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างห่อเ**่ยวหัวใจ “ค่ะ ฉันเหลือท่านคนเดียวแล้ว…”

 

 

           ดวงตาเขาเป็นประกายวาบ “แล้วคุณคิดจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านทราบเมื่อไหร่?”

 

 

           หากเขาไม่ได้ดูผิดไป ดูเหมือนคุณนายเฉียวยังมีเยื่อใยให้สามีอยู่

 

 

           เธอลังเลชั่วครู่ นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของท่าน “อีกสองสามวันก็แล้วกันค่ะ ขืนบอกตอนนี้ท่านต้องไม่สบายใจมากแน่”

 

 

           “ก็ดีเหมือนกัน ถ้างั้นคุณอย่าลืมบอกล่ะ ไม่งั้นอาจเกิดผลเสียในภายหลังได้นะ”

 

 

           “ฉันรู้แล้วค่ะ” เธอพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น

 

 

           เธอเข้าใจความหมายของเขาเป็นอย่างดี ถ้าเกิดเฉียวจื่อจี้ฉวยโอกาสบุกไปหาประโยชน์จากคุณแม่อีก พวกเธอจะกลายเป็นฝ่ายถูกรุกมากเกินไป

 

 

           พูดง่ายแต่ทำยาก เธอต้องก้าวผ่านค่ำคืนไร้ความฝันอย่างยากลำบาก เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับคุณแม่อีกครั้ง เธอกลับพบว่ามันเป็นเรื่องที่พูดยากมาก

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงโทรศัพท์ตามตัวเฉียวซือมู่ให้ไปหาเธอแต่เช้า พอเห็นหน้าลูกสาวเธอก็ยิ้มหน้าบานทันที “มู่มู่มาแล้วเหรอ เมื่อวานเจอคุณพ่อแล้วเป็นไงบ้าง? พ่อแก่ไปเยอะเลยใช่ไหม? แล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”

 

 

           รอยยิ้มสดใสของเวินเยวี่ยฉิงประทับลงกลางใจเฉียวซือมู่จนสามารถลบล้างความทรงจำดำมืดในใจเธอออกไปจนหมด เธอลังเลอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากเรื่องนี้อย่างไรดี

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงเห็นเฉียวซือมู่ไม่ยอมพูดเสียที จึงเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรไป? หรือว่าไม่ราบรื่น โธ่ แม่บอกแล้วว่าคนคนนั้นไม่ยอมแก้นิสัยแย่ๆ เสียที ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ช่างมันเถอะ…” แม้จะพูดแบบนั้น แต่สีหน้ากลับเผยความร้อนรนใจออกมาจนปกปิดไม่มิด

 

 

           ดูเหมือนคุณแม่ยังเป็นห่วงเขามาก ถ้าเกิดเธอบอกเรื่องนี้ให้คุณแม่ทราบ ไม่รู้ว่าท่านจะเสียใจมากขนาดไหน? คุณแม่ต้องแอบร้องไห้คนเดียวแน่

 

 

           เธอเม้มริมฝีปากแน่น ล้มเลิกความคิดที่จะพูดความจริงกับคุณแม่ จากนั้นแสร้งทำตัวสบายๆ “คุณแม่คิดมากเกินไปแล้ว หนูจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น ต่อไปคุณแม่ก็ไม่ต้องพูดถึงคนคนนั้นอีกนะคะ”

 

 

           “นั่นพ่อของลูกนะ” เวินเยวี่ยฉิงติงเธอด้วยความดื้อรั้น แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นเยียบของลูกสาวจึงนึกถึงสิ่งที่ตนรับปากกับเธอเอาไว้ขึ้นมาได้ เธอทอดถอนใจ “ก็ได้ แม่เข้าใจแล้วว่าลูกหวังดีกับแม่ แม้แต่หน้าก็ไม่ให้พบ แล้วยังพูดถึงไม่ได้ด้วยเหรอ?”

 

 

           คำพูดของเวินเยวี่ยฉิงฟังดูเหมือนเฉียวซือมู่กีดกันไม่ให้พวกเขาพบหน้ากันอย่างนั้นแหละ ถ้าเกิดคนนอกมาได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าคนอีกเท่าไหร่ที่จะด่าว่าเธอเป็นลูกอกตัญญู

 

 

           แต่เธอไม่สนใจหรอก เธอพยักหน้า “เข้าใจก็ดีแล้วค่ะ”

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงทอดถอนใจ เรื่องนี้คงต้องทำตามนี้แล้วล่ะ เพราะลูกสาวเป็นคนช่วยจัดการเรื่องของเฉียวจื่อจี้ให้เธอ เธอจึงพูดอะไรไม่ได้มากนักเพราะกลัวลูกสาวจะเสียใจ

 

 

 

 

ตอนที่ 331 เตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “ตอนนี้ลูกว่างอยู่ใช่ไหม? ถ้าว่างก็ช่วยแม่สั่งของหน่อยสิ”

 

 

           “อะไรนะคะ?” เฉียวซือมู่มองหน้าเวินเยวี่ยฉิงด้วยความประหลาดใจ

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงพาเธอไปยังหน้าคอมพิวเตอร์ของตนเอง เธอชี้บางอย่างบนหน้าจอให้เฉียวซือมู่ดู “แม่อยากซื้อของในนั้น ลูกช่วยดูให้หน่อยสิ”

 

 

           เฉียวซือมู่นั่งลง เห็นอุปกรณ์วาดรูปที่ปรากฎบนหน้าจอแล้วหันไปมองเวินเยวี่ยฉิงด้วยความประหลาดใจ “คุณแม่วาดรูปเป็นด้วยเหรอคะ?”

 

 

           “เป็นสิ สมัยเรียนแม่เรียนอยู่ที่สถานบันสอนศิลปะเชียวนะ แต่หลังจากรู้จักกับพ่อของลูกแล้วแม่ก็ไม่ได้วาดรูปอีก ตอนนี้อยู่บ้านว่างๆ ก็เลยคิดว่าจะวาดรูปฆ่าเวลาเสียหน่อย”

 

 

           “ก็ดีค่ะ” เธอครุ่นคิดเล็กน้อย แบบนี้คุณแม่จะได้มีกิจกรรมทำยามว่าง และไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านด้วย

 

 

           เธอไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย จึงได้แต่เลือกสั่งสินค้าจากผู้ขายที่ขายในราคาสมเหตุสมผลแทน จากนั้นแจ้งที่อยู่เพื่อจัดส่งสินค้าก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน 

 

 

           “บางทีของพวกนี้อาจจะไม่ค่อยมีคุณภาพนะคะ” เธอเอ่ยกับเวินเยวี่ยฉิง

 

 

           สินค้าที่ขายทางออนไลน์ทั้งหลายมีทั้งคุณภาพดีและคุณภาพไม่ดีปะปนกันไป ปกติแล้ว หากเป็นของมีราคาเฉียวซือมู่จะไม่ซื้อผ่านระบบออนไลน์แบบนี้ แต่เวินเยวี่ยฉิงไม่ไดสนใจเรื่องพวกนี้มากนัก “แม่ก็แค่ซื้อมาวาดรูปแก้เหงา ไม่ได้จะวาดเอาไปขายเสียหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”

 

 

           “ถ้างั้นก็ดีค่ะ”

 

 

           สองแม่ลูกพูดคุยกันอีกสักพัก จากนั้นช่วยกันทำความสะอาดบ้าน ออกไปซื้อวัตถุดิบกลับมาทำอาหารด้วยกัน เฉียวซือมู่ยุ่งมากจนลืมเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนสิ้น

 

 

           ชีวิตยุ่งๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หรือว่าเธอจะออกไปทำงานนอกบ้านดี?

 

 

           เธอถอนหายใจเบาๆ หวนนึกถึงสายตาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของจิ้นหยวนแล้วได้แต่แอบด่าเขาในใจว่าเขาเป็นพวกเผด็จการ คิดๆ แล้วก็โมโห

 

 

หลังจากนั้น ไม่ว่าเธอจะพยายามพูดหว่านล้อม พยายามออดอ้อน หรือแม้กระทั่งใช้กลยุทธ์สาวงามอย่างไรก็ตาม จิ้นหยวนก็ไม่ยอมอนุญาตให้เธอออกไปทำงานอยู่ดี กลับเป็นเธอเสียอีกที่ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้เขาทุกครั้ง เธอต้องนอนปวดเมื่อยไปทั้งตัวอยู่ตั้งนานกว่าจะลุกออกจากเตียงได้ ในใจทั้งรู้สึกพ่ายแพ้ทั้งรู้สึกวาบหวามไปพร้อมๆ กัน

 

 

วันเวลาค่อยๆ ผันผ่าน เฉียวจื่อจี้หายเงียบเข้ากลีบเมฆ และยิ่งไร้ข่าวคราวความคืบหน้าเกี่ยวกับคุณอินคนนั้นอีก และทุกครั้งที่เธอถามจิ้นหยวน เขามักจะเลี่ยงตอบคำถามเธอ จนเธอเลิกถามไปเอง

 

 

วันเวลาแห่งความสงบสุขผ่านไปอย่างเงียบๆ ในที่สุดวันสำคัญที่สุดวันหนึ่งก็ใกล้เข้ามาทุกที นั่นคือวันมงคลสมรสของหลินจื้อเฉิงกับจ้านซีเฉินนั่นเอง

 

 

เธอรับปากแล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้จ้านซีเฉิน หลายวันก่อนเธอกับว่าที่เจ้าสาวจึงไปเข้าคอร์สบำรุงผิวด้วยกัน ทั้งมาร์กหน้า ทั้งขัดตัว ทั้งบำรุง จนผิวพรรณอ่อนนุ่ม ผุดผ่อง และเปล่งประกายไปทั้งร่าง

 

 

แม้จ้านซีเฉินจะยังคงขี้อายมากเหมือนเดิม แต่ถือว่าเธอเป็นคนที่มีน้ำใจมาก เฉียวซือมู่เลือกชุดราตรีสีชมพูดได้ชุดหนึ่ง จ้านซีเฉินดึงดันจะเป็นคนจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าให้เธอให้ได้โดยไม่ฟังคำทัดทานของเธอเลย จ้านซีเฉินบอกว่าเธอต้องซื้อชุดราตรีก็เพื่องานมงคลของตน เพราะฉะนั้น เธอจึงสมควรเป็นคนจ่ายค่าเสื้อผ้าให้เฉียวซือมู่ถึงจะถูก

 

 

หลังจากการทัดทานที่ไร้ผล เฉียวซือมู่จึงได้แต่ยักไหล่อย่างปลงๆ แฟนของพวกเธอเป็นพวกมีเงินมากพอจนไม่ต้องสนใจเงินเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้อยู่แล้วนี่

 

 

           เธอยังเลือกชุดสูทให้จิ้นหยวนเองกับมือด้วย เธอเลิกคิ้วขึ้น จินตนาการถึงภาพที่เขาสวมชุดสูทที่เธอเป็นคนเลือกให้เองกับมือ วันนั้นเขาต้องหล่อมากแน่

 

 

           ทุกอย่างถูกตระเตรียมพร้อมสรรพ เมื่อถึงวันงาน เธอจึงตื่นแต่เช้า สวมชุดราตรีแล้วตรงดิ่งไปยังบ้านของหลินจื้อเฉิงทันที

 

 

           ความจริงหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวนั้นมีเยอะมาก เรื่องจิปาถะที่เจ้าสาวไม่สะดวกที่จะทำ เธอก็ต้องเป็นคนช่วยทำแทน ดังนั้น เธอจึงต้องไปเตรียมตัวล่วงหน้าก่อน