ตอนที่ 419 ความเปลี่ยนแปลงของมารยา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เวลานี้ห้องโถงเงียบเชียบอย่างยิ่ง ฉินอวี้โม่และฉินเฟิงนั่งตรงข้ามกันด้วยใบหน้าเรียบเฉยและบรรยากาศดำเนินไปอย่างปรองดองกลมกลืน

“ฮ่าๆๆ แน่นอนว่าข้ารู้จักหยกขาวพันปีที่ว่านั่น มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจบ่มเพาะจนถึงจุดที่จำแลงร่างมนุษย์ได้แล้วเช่นเดียวกับอสูรมายาของท่านที่เผชิญทัณฑ์สายฟ้าก่อนหน้านี้ มันพบได้ยากยิ่ง การตามหามันอาจไม่ง่ายนัก”

ฉินเฟิงจิบน้ำชาพร้อมรอยยิ้มบางๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“การพัฒนาเสริมความแข็งแกร่งคฤหาสน์เฟิงหัวของท่านต้องใช้วัสดุล้ำค่ามากมาย ข้าชักจะอยากรู้เสียแล้วว่าคฤหาสน์ล่องหนหลังน้อยจะเป็นอย่างไรหลังจากมันพัฒนาขึ้น”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินเฟิง ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มตอบ

“หากไม่เป็นการรบกวนท่านเจ้าเมืองฉินเฟิงมากเกินไป ข้าอยากให้ท่านช่วยสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับหยกขาวพันปี ข้าจะรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก หากตามหาเบาะแสของมันได้”

ฉินเฟิงผู้นี้จะต้องทราบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหยกขาวพันปีอย่างแน่นอน จากท่าทางของเขาก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีทางยอมบอกนางง่ายๆ ฉินอวี้โม่ไม่เอ่ยถามตรงๆ ทว่าเลือกกล่าวเช่นนั้นออกไป

“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”

ฉินเฟิงพยักศีรษะพร้อมรอยยิ้มก่อนเปลี่ยนไปเรื่องอื่น

“พ่อบ้าน ให้คนนำอาหารที่เตรียมไว้ออกมาได้เลย”

เขาหันไปกล่าวกับพ่อบ้านของจวนเจ้าเมืองแห่งเมืองวารีมายาผู้ซึ่งคุ้มกันและดูแลความเรียบร้อยอยู่ข้างประตู

พ่อบ้านรับคำสั่งก่อนปลีกตัวออกไป หลังจากนั้นไม่นาน สำรับอาหารร้อนๆก็ถูกยกออกมาวางลงบนโต๊ะ

“ต้องขออภัยด้วย ข้าชอบทานอาหารมังสวิรัติและไม่ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ เพราะเหตุนั้นมื้ออาหารของเราจึงไม่มีเนื้อสัตว์ หวังว่าสหายน้อยอวี้โม่จะไม่รังเกียจ”

หลังจากกวาดสายตามองอาหารที่ดูจืดชืดตรงหน้า ฉินเฟิงก็กล่าวอธิบายสั้นๆด้วยความหวังว่าฉินอวี้โม่จะไม่รังเกียจมัน

“อาหารมังสวิรัติดีต่อร่างกายและช่วยบำรุงสุขภาพ ในทางตรงกันข้าม หากเป็นเนื้อสัตว์ก็ควรจะรับประทานให้น้อยลง”

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบ แน่นอนว่านางไม่ขัดข้องแม้แต่น้อย

“จะว่าไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าสหายน้อยอวี้โม่เป็นแขกของผู้อาวุโสซู ข้าขอถามได้รึไม่ว่าสหายน้อยอวี้โม่มาจากที่ใด?”

ทั้งสองรับประทานอาหารไปพร้อมกับสนทนาถามไถ่

“ฮ่าๆๆ ก่อนหน้านี้ข้าฝึกยุทธ์อยู่ในป่าลึกและเพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ข้าพบกับซูน่าโดยบังเอิญและกลับไปที่ชนเผ่าเมฆาครามกับนางในฐานะแขก”

ฉินอวี้โม่กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม แน่นอนว่านางไตร่ตรองข้ออ้างของตนเองมาก่อนแล้ว

“เช่นนั้นนี่เอง”

ฉินเฟิงพยักศีรษะและกล่าวต่อ “ดูจากความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของสหายน้อยอวี้โม่ อาจารย์ของท่านน่าจะทรงพลังมากเป็นแน่ ไม่ทราบว่าสหายน้อยอวี้โม่เรียนรู้มาจากที่ใครรึ?”

“ฮ่าๆๆ  เรื่องนี้ข้าคงตอบไม่ได้ อาจารย์ประจำตระกูลกำชับไว้อย่างหนักแน่นว่าไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาได้ตามต้องการ แม้แต่ผู้กับอาวุโสซูและคนอื่นๆก็ไม่ได้ทราบถึงเรื่องนี้”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างลึกลับและนางไม่มีทางกล่าวความจริงออกไปอย่างแน่นอน

“ฮ่าๆๆ ถ้างั้นข้าก็ต้องขออภัย ข้าเพียงสงสัยเท่านั้น”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ฉินเฟิงก็ยิ้มเจื่อนเล็กน้อย

เขาเพียงรู้สึกมาเสมอว่ากลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างของฉินอวี้โม่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดและทำให้เขารู้สึกถูกชะตา เขาจึงอดเอ่ยถามไม่ได้ มิฉะนั้นเขาคงไม่ต้องการถามรายละเอียดเรื่องราวของสตรีผู้นี้

ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มบางๆเพื่อยืนยันว่าไม่มีความขุ่นข้องหมองใจใดๆ

หลังจากสนทนาพาทีกันสักพัก ฉินอวี้โม่ก็ขอตัวกลับไปที่ห้องพักแขก

ค่ำคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างเงียบๆและเมื่อลืมตาตื่นในวันต่อมา ฉินอวี้โม่ก็พบว่ามารยายืนอยู่ด้านข้างเตียงแล้ว

“มารยา เจ้ากลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นว่ามารยาปลอดภัยดี แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง นางยิ้มกว้างพร้อมลุกขึ้นและกล่าวอย่างมีความสุข

มารยาพยักศีรษะเมื่อได้ยินวาจาของผู้เป็นนาย ทว่าจู่ๆมันก็คุกเข่าลงและกล่าว “นายหญิง ขอบคุณเหลือเกินที่ท่านเสี่ยงชีวิตช่วยข้าก่อนหน้านี้”

“เจ้าโง่เอ๋ย เจ้าเป็นดั่งคนในครอบครัวของข้า หากข้าไม่ช่วยเจ้าแล้วข้าจะช่วยใครเล่า”

ฉินอวี้โม่พยุงมารยาลุกขึ้นขณะกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อน

มารยาพยักหน้าโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงแต่มันตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าในภายภาคหน้ามันจะต้องปกป้องนายหญิงผู้นี้ให้เป็นอย่างดีเพื่อที่จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นก่อนหน้านี้อีก

“มารยา ยินดีด้วย ตอนนี้เจ้าเป็นอสูรเซียนแล้ว ทักษะการวางข่ายอาคมของเจ้าน่าจะพัฒนาขึ้นไปมาก”

ฉินอวี้โม่กล่าวกับอสูรสาวด้วยความยินดี

“ข้าสามารถเรียนรู้ข่ายอาคมระดับสูงได้มากขึ้น และตอนนี้ฝีมือในการวางข่ายอาคมของข้าก็เทียบชั้นกับมนุษย์ผู้ใช้ข่ายอาคมระดับเชี่ยวชาญได้แล้ว”

มารยาพยักศีรษะอย่างไม่ปิดบัง

“นายหญิง ในภายภาคหน้าข้าจะปกป้องท่านอย่างดีที่สุด ต่อให้จอมยุทธ์ขอบเขตเซียนขั้นเก้าปรากฏตรงหน้า หากมีเวลาเพียงพอ ข้าสามารถทำให้คนผู้นั้นบาดเจ็บได้แน่”

เมื่อได้ยินวาจาของมารยา ฉินอวี้โม่เพียงยิ้มตอบเล็กน้อย

บัดนี้มารยาดูโตขึ้นและงดงามทรงเสน่ห์มากขึ้น ใบหน้างดงามไร้ที่ติและรูปร่างสมบูรณ์แบบของมันไม่ด้อยไปกว่านางเท่าไหร่นัก

ยิ่งกว่านั้น เมื่อเทียบกับร่างที่เลือนรางก่อนหน้านี้ มารยาในเวลานี้ดูสมจริงขึ้นมาก หากไม่แข็งแกร่งมากเกินไปก็ยากที่ผู้ใดจะค้นพบได้ว่าเจ้าของร่างสตรีงดงามผู้นี้มิใช่มนุษย์

หลังจากสำรวจพลังของตนเอง ฉินอวี้โม่ก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้นางทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเซียนขั้นสองแล้วและมีโอกาสที่จะทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนขั้นสามได้ในอีกไม่นาน เมื่อไตร่ตรองดูก็พบว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นผลพลอยที่ได้มาจากการทะลวงพลังของมารยา

ด้วยความแข็งแกร่งของนางในปัจจุบัน หากเผชิญหน้ากับฉินส่าวชิงอย่างซึ่งๆหน้า นางน่าจะมีโอกาสสูงในการคว้าชัยชนะ ต่อให้ฉินเหยียนจะมาด้วยตัวเอง นางก็สามารถหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย

เพียงแต่ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์และซิวกล่าวไว้แล้วว่านางไม่ควรต่อสู้เว้นแต่ว่าจะถึงคราวจำเป็นจริงๆ เพราะเหตุนั้นฉินอวี้โม่จึงตัดสินใจที่จะเก็บตัวสงบเสงี่ยมให้มากที่สุดก่อนที่จะให้กำเนิดบุตรและพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับผู้อื่น

“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ไปบอกลาเจ้าเมืองฉินเฟิงกันเถอะ หลังจากเรากลับไป เรื่องในเมืองเพลิงมายาน่าจะคลี่คลายแล้ว”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและตัดสินใจว่าถึงเวลาเดินทางออกจากเมืองวารีมายาแล้ว

ในเมื่อได้เอ่ยถามลองเชิงกันไปแล้วเมื่อวานนี้ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ทราบว่าไม่สามารถล้วงข้อมูลจากกันได้ เป็นธรรมดาที่ฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะอยู่ในเมืองวารีมายาอีกต่อไปและตัดสินใจกลับไปที่ชนเผ่าเมฆาครามเพื่อสะสางปัญหากับฉินส่าวชิง เลี่ยหยางและคนอื่นๆ

นางเตรียมตัวและเก็บสัมภาระก่อนมุ่งหน้าไปที่ห้องโถง

เมื่อทราบข่าวว่าฉินอวี้โม่กำลังจะจากไป แม้ว่าเจ้าเมืองเฉินเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย เขาก็ไม่คัดค้านแต่อย่างใด

หลังจากกล่าวกับฉินอวี้โม่ว่าหากนางมีเวลาว่าง นางสามารถมาเยี่ยมเยือนเมืองวารีมายาและเยี่ยมชมรอบๆได้ตามต้องการ ฉินเฟิงก็ออกมาส่งฉินอวี้โม่และคณะที่หน้าประตูเมือง

ฉินอวี้โม่และคณะเข้าสู่คฤหาสน์เฟิงหัวและขับเคลื่อนมุ่งหน้าตรงไปในทิศทางของชนเผ่าเมฆาครามอย่างรวดเร็ว

ภายในคฤหาสน์หลังน้อย หานอวี้และอสูรมายาตัวอื่นๆกำลังนั่งสนทนาพูดคุยกันอย่างสบายๆ

“การลงทัณฑ์สายฟ้าของเราใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน มันจะไม่น่าสะพรึงกลัวเหมือนกับทัณฑ์สายฟ้าเจ็ดขั้นของมารยาใช่รึไม่?”

เสี่ยวเฮยกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล แม้ว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมันยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก ทว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมังกรอัสนีและอสูรอื่นๆก็ใกล้มาถึงแล้ว

“ไม่ต้องห่วง มันจะไม่น่าสะพรึงกลัวมากเช่นนั้น เป็นเพราะมารยาเป็นอสูรชนิดพิเศษ การลงทัณฑ์สายฟ้าของมันจึงทรงพลังกว่าอสูรมายาทั่วไป ในหมู่พวกเจ้า หงส์แดงและหลิวหยาน่าจะเผชิญทัณฑ์สายฟ้าที่แข็งแกร่งมากกว่า ทว่าหลิวหยาเป็นมังกรอัสนีที่มีคุณสมบัติธาตุสายฟ้า เพราะเหตุนั้นทัณฑ์สายฟ้าจึงมีแต่จะเสริมพลังธาตุสายฟ้าให้มันและจะไม่เป็นอันตรายใดๆ ส่วนหงส์แดงก็มีกายาที่แข็งแกร่งและการเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าจะไม่เป็นปัญหาสำหรับมันเช่นกัน”

หานอวี้เอ่ยปลอบประโลมอสูรทั้งหลายเพื่อไม่ให้พวกมันเป็นกังวล

“เสี่ยวอวี้ สายเลือดของเจ้าบริสุทธิ์ยิ่งกว่าข้าเสียอีก การลงทัณฑ์สายฟ้าของเจ้าจะรุนแรงกว่าข้าใช่รึไม่?”

มารยามองหานอวี้และเชื่อว่าการลงทัณฑ์สายฟ้าของมังกรตัวน้อยน่าจะใกล้เข้ามาแล้วเช่นกัน ในฐานะที่มันเป็นมังกรทองห้าเล็บ ทัณฑ์สายฟ้าของมันจะไม่อ่อนแอไปกว่ามารยาอย่างแน่นอน

“ถูกต้อง มันจะทรงพลังกว่าสายฟ้าของเจ้า ทว่ากายาของข้าต่างจากเจ้าและแข็งแกร่งกว่ามาก แม้แต่การลงทัณฑ์สายฟ้าแปดขั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า ยิ่งไปกว่านั้น การลงทัณฑ์สายฟ้าของเจ้าก่อนหน้านี้ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติและสายฟ้าขั้นที่เจ็ดรุนแรงยิ่งกว่าสายฟ้าขั้นที่เก้าทั่วๆไปเสียอีก เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก”

หานอวี้พยักศีรษะเบาๆทว่าสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มังกรทองห้าเล็บมีการป้องกันที่แกร่งกล้าและมันไม่กังวลเกี่ยวกับการลงทัณฑ์สายฟ้าแม้แต่น้อย

ฉินอวี้โม่ฟังบทสนทนาของอสูรทั้งหลายและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อได้ผ่านประสบการณ์ของการเผชิญกับการลงทัณฑ์สายฟ้าของมารยา นางก็ไม่กังวลถึงสิ่งใดอีก หากหานอวี้มั่นใจก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง นางเพียงต้องรอให้อสูรมายาของนางข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้าไปทีละตัวและเข้าสู่ระดับของอสูรเซียน

“อวี้โม่ ตอนนี้เมื่อรู้ว่าหานโม่ฉือยังมีชีวิตอยู่ เจ้าคลายกังวลมากขึ้นรึไม่?”

ซูน่ามองฉินอวี้โม่และสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายต่างไปจากเดิมก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ฮิๆๆ แน่นอน ราวกับยกภูเขาออกจากอกเชียวล่ะ ข้ารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ตอนนี้ข้าเพียงต้องทุ่มเทจัดการสิ่งต่างๆที่นี่ให้เสร็จสิ้นก่อนมุ่งหน้าไปที่ดินแดนเทพมายาเพื่อตามหาเขา”

ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้าง นับตั้งแต่ได้ทราบข่าวของหานโม่ฉือ นางก็โล่งใจขึ้นมาก

“นับดูแล้วลูกของข้าก็ห้าเดือนแล้ว คาดว่าอีกสองเดือนข้างหน้า ท้องของข้าจะพองโตอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าประสิทธิภาพในการต่อสู้ของข้าจะลดลงมากทีเดียว”

ฉินอวี้โม่ทอดถอนหายใจเบาๆขณะลูบครรภ์ของตนเองอย่างแผ่วเบา

ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ทว่าครรภ์ของนางดูจะโตกว่าสตรีมีครรภ์ทั่วไป ด้วยอายุครรภ์ห้าเดือน ท้องของนางก็โตจนเห็นได้ชัดแล้ว และจากวาจาของป้าหลาน ครรภ์ห้าเดือนของฉินอวี้โม่มีขนาดใหญ่กว่าครรภ์อายุหกเดือนของสตรีทั่วไปเสียอีก

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อผ่านอายุครรภ์เจ็ดเดือน ไม่อาจทราบได้เลยว่าครรภ์ของนางจะมีขนาดใหญ่เพียงใด ฉินอวี้โม่จินตนาการได้เพียงว่าการต่อสู้กับผู้อื่นทั้งที่ท้องโตคงเป็นภาพที่น่าขันไม่น้อย

“เจ้าเก็บตัวพักอยู่ในชนเผ่าเถอะ ไม่ต้องวิ่งโร่ไปไหนมาไหนหรอก”

ซูน่ายิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่และอดยื่นมือออกไปแตะท้องของสหายไม่ได้

“อา… เจ้าตัวน้อยเตะมือข้าด้วยล่ะ”

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ประทับมือลงไป ซูน่าก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจออกมา

ฉินอวี้โม่พูดไม่ออกเล็กน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเคลื่อนไหวของตัวอ่อนเท่านั้น ทว่านางก็เลือกที่จะไม่อธิบายกับซูน่า นางเพียงยิ้มบางๆด้วยใบหน้าที่เปี่ยมสุข

….

ในขณะเดียวกันนั้น ภายในมิติโกลาหล หานโม่ฉือนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นสูง จากทุกด้านรอบตัวของเขา ธาตุทั้งห้าไม่ว่าจะเป็นทอง ไม้ น้ำ ไฟและดินก็ถาโถมตรงมาที่ร่างของเขาซึ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

“นายท่าน อดทนเข้าไว้ นายหญิงยังรอท่านอยู่ข้างนอกนั่น”

กิเลนอัคคียืนอยู่ในที่ปลอดภัยและแอบวิงวอนอย่างเงียบๆให้นายของมันปลอดภัย ธาตุพลังเหล่านี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่ามันไม่อาจรู้สึกได้ มันก็เข้าใจความเจ็บปวดของหานโม่ฉือในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม มันเชื่อว่าเขาจะอดทนต่อไปได้และประสบความสำเร็จในที่สุด!

หานโม่ฉือนิ่งสงบและไม่เคลื่อนไหวราวกับเขาตัดการเชื่อมต่อทุกอย่างกับภายนอก ทว่าเขาก็กำลังดูดซับพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างเงียบๆเช่นกัน…

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่มิได้ล่วงรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ในเวลานี้นางเข้ามาถึงอาณาเขตของชนเผ่าเมฆาครามแล้ว ทว่านางก็ได้ยินข่าวบางอย่างที่ทำให้นางโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง!

.