691 – ความอาฆาตทั้งเก่าใหม่
ยุคเซี่ยนหยูหันไปมองท้องนภาดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“หยูเอ๋อกลับมารึ?”
ความตื่นเต้นและความคิดถึงปรากฏอยู่ในดวงตานั้น
ลั่วซวงหายใจเข้าลึกและเดินเข้าสู่ตำหนักเขาส่งจดหมายให้กับดยุคเซี่ยนหยู น้ำตาอันอบอุ่นไหลอาบแก้มของดยุคเซี่ยนหยูในเวลาต่อมา
จากนั้นหลังจากผ่านไปครึ่งวัน ตำหนักเซี่ยนหยูได้กลายเป็นสถานที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในตำหนักอีกแล้ว
หลังจากผ่านไปหนึ่งวันที่แคว้นเฟิงหลิน ราชาสวมชุดมังกรที่ดูสูงส่งกำลังย่อตัวอ่านเศษกระดาษบางอย่าง
ในตอนนั้นมีเปลวเพลิงพุ่งเข้ามาในโถง เหล่าองครักษ์หน้าซีดด้วยความกลัว
“ปกป้องฝ่าบาท!”
เปลวเพลิงมิได้จู่โจมราชามันลอยไปที่ข้างโต๊ะของราชาและกลายเป็นเงาของคนสองคน เงาทั้งสองคือเจ้าสำนักหลิวเซี่ยนและลี่จุน
“เจ้าสำนัก”
ราชายืนขึ้นโค้งคำนับ
แม้ว่าทั้งสองจะเป็นแค่ร่างเงาที่ไม่ใช่คนจริงๆแต่มันก็สามารถที่จะโต้ตอบเขาได้
“ข้ารับลี่จุนเป็นศิษย์คนสุดท้ายของข้าเขาจะกลับเฉินยี่ไม่ได้ไปสิบปี ถ้าเจ้าไม่ยินยอม จงทำลายสร้อยหยกนี้เสีย สำนักข้าจะส่งบุตรของเจ้าคืนไป…”
เจ้าสำนักหลิวเซี่ยนพูด
ราชายินดีอย่างมากที่ได้ยิน
เขาพูดต่อ
“และถ้าหากแคว้นเจ้าตกอยู่ในอันตรายเจ้าจะขอความช่วยเหลือจากพวกเราได้”
ราชาตื่นเต้นอย่างมากแต่เขาสับสนเพราะว่าลูกชายของเขามีพรสวรรค์เทียบเท่าคนทั่วไป ยากที่จะได้เป็นคนระดับสูงในที่อย่างสำนักหลิวเซี่ยน ไม่ต้องพูดถึงการเป็นศิษย์คนสุดท้ายของเจ้าสำนักเลย และเจ้าสำนักก็สุภาพกับเขาอย่างมาก
“ส่วนเหตุที่ข้ารับเขาเป็นศิษย์ข้าหวังว่าเจ้าควรจะรู้ว่ามันเป็นคำขอของสหายเก่าข้า…”
ฉีหงซื่อพูดต่อ
ราชาเข้าใจทุกอย่างในทันทีเขายิ้มอย่างสบายใจ
“เขาเป็นมังกรในหมู่บุรุษอย่างแท้จริงไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจิดจรัส ซือหยูยังไม่ลืมข้า”
ในงานประลองเมื่อครั้งอดีตหลังจากที่ซือหยูรอดชีวิตมาได้ ซื้อหยูได้ช่วยเขาที่เป็นองค์ชายสามให้ขึ้นครองบัลลังก์ ส่วนลี่จุนที่เข้ามาทดสอบที่สำนักหลิวเซี่ยนก็คือบุตรชายของเขา
“หวังว่าท่านจะไม่เผยเรื่องเจ้าพันธมิตรซือกับสำนักหลิวเซี่ยนกับใครนี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะบอก”
เมื่อเจ้าสำนักพูดจบเปลวเพลิงก็ดับมอดลง
“หึหึซือหยู…มนุษย์ธรรมดาอย่างข้าคู่ควรกับเจ้าแล้วรึ?”
องค์ชายสามมองท้องนภาอย่างเหม่อลอย
ในมหาสมุทร
ชายคนหนึ่งบินเหนือน่านน้ำเขาถือสร้อยสื่อสารไว้ในมือ
“ผู้เฒ่าเฉินหลังจากรวมทวีปเหนือได้แล้วให้ส่งกำลังไปยังทวีปอื่น หวังว่าจะไม่มีคนจากต่างโลกอีกแล้วในตอนที่ข้ากลับไป”
ซือหยูทุบสร้อยสื่อสารทิ้งเพลิงสีครามลอยออกไป
ด้วยคำสั่งนี้แม้ว่าซือหยูจะไม่อยู่ที่พันธมิตรผู้คุมสวรค์ พวกเขาก็จะไม่วุ่นวาย ซือหยูรีบบินไปยังก้นบึ้งมังกรหลังจากที่หมดห่วง
จ้าวคณะวิหคเพลิงเป็นผู้มีพระคุณของเขานางเคยสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาจะไม่ทิ้งนางถ้าหากนางตกอยู่ในอันตราย เขาต้องตอบแทนนางให้ได้
ผ่านไปหนึ่งวันก้นบึ้งมังกรที่อยู่ปลายสมุทรได้อยู่ต่อหน้าเขา ซือหยูอยู่ห่างจากก้นบึ้งมังกรสามสิบลี้และขมวดคิ้ว
มีร่างไร้วิญญาณมากมายลอยอยู่ในมหาสมุทรซือหยูเห็นศพนับร้อยและมีตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรทมิฬอยู่ในเครื่องสวมใส่
“แย่แล้ว”
ซือหยูร่อนลงไปมองดูบาดแผลของทหารที่ล้มตาย
ทหารที่ลอยอยู่บนน้ำทะเลมีบาดแผลหลายแห่งดูเหมือนว่าทหารเหล่านี้จะไม่ได้ถูกสังหารในกระบวนท่าเดียว เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดสงครามดุเดือดที่นี่
เป็นฝีมือของห้าศักดิ์สิทธิ์กับกองทัพของเขางั้นรึ?ซือหยูรีบบินเข้าไปที่ก้นบึ้งมังกรราวกับลำแสง
ไม่นานเขาก็มองเห็นเกาะเล็กๆมันดูเหมือนกับมีมังกรขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ในมหาสมุทรอันลึกล้ำ แม้จะเผยตัวออกมาเล็กน้อย แต่ผู้คนก็รู้สึกถึงมัน เพราะก้นบึ้งมังกรที่ถูกผู้เฒ่าจิวปกป้องในอดีตนั้นคือแหล่งที่มาของหายนะในเฉินหลง
หลังจากที่เขาร่อนลงบนเกาะเขาเห็นว่าที่นี่มีซากศพอยู่มาก บ้างเป็นศพศัตรู บ้างเป็นศพของคนจากอาณาจักรทมิฬ แม้แต่ทหารทัพทมิฬก็ตายที่นี่ด้วย
หรือว่าทัพทมิฬจะบินหนีกลับมาที่นี่?ถ้าอย่างนั้น เก้าศักดิ์สิทธิ์ก็หนีรอดมาได้งั้นรึ?
ซือหยูอึดอัดใจเขาไปที่ก้นบึ้งมังกรที่ถูกเปิดผนึกออก เขาเห็นร่องรอยของคนอาณาจักรทมิฬเข้ามาที่นี่ เขาเข้าไปและพบกับบรรยากาศมืดมนที่ดูชั่วร้ายเช่นเคย รอบๆดูมืดเป็นอย่างมาก เขาไม่เห็นว่าช่องมิติที่ทัพจิวโจวบุกเข้ามานั้นอยู่ที่ใด
แต่เขาก็ไม่ได้มองมันอย่างละเอียดนักเพราะเหล่าซากศพเองก็นำทางเขาได้เร็วอยู่แล้ว ซือหยูเร่งความเร็วตามทางของซากศพไป จะต้องเป็นเส้นทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ก้นบึ้งมังกรเปลี่ยนแปลงไปตลอดสามปี
แม้ว่ามันจะยังคงเต็มไปด้วยพลังหยินแต่พลังวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ก็มากกว่าภายนอกเป็นสิบเท่า และมันยังมีพลังที่แปลกๆที่เข้มข้นอยู่ด้วย พลังนี้จะกลืนกินเรี่ยวแรงของสิ่งมีชีวิต มันคือพลังที่แพร่กระจายไปทั้งทวีปที่คนอื่นมองไม่เห็น พลังนั้นอยู่ที่นี่อย่างหนาแน่น
พลังนี้กระจายออกมาจากก้นบึ้งมังกรสินะ?พวกมันกำลังวางแผนอะไรอยู่? ซือหยูรู้สึกไม่ดีนัก
ซือหยูใช้เวลาไม่นานเพื่อข้ามก้นบึ้งมังกรที่เขาเห็นว่ามันลึกล้ำไร้ขอบเขตในอดีตตลอดทาง เขาผ่านเมืองของเหล่านักโทษที่เป็นที่อยู่ของตระกูลปีศาจ ที่ซึ่งจางตี๋เก้อเคยอยู่
มันได้กลายเป็นที่ราบแบนเหล่าภูติผีทั้งหมดที่เคยอยู่ถูกสังหารจนหมด ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงแค่ซากศพของมนุษย์และภูติผี นี่คือสถานที่ลึกสุดที่ซือหยูเคยมาในก้นบึ้งมังกร เขากำลังจะบินต่อไป
ไม่นานซือหยูพบว่าตัวเองอยู่บนเทือกเขา เขามองไปยังส่วนลึกที่สุดของก้นบึ้งมังกรและต้องตกตะลึง
นั่นก็เพราะเขาเห็นว่าที่ส่วนลึกสุดนั้นมีช่องว่างหลากสีอยู่!ช่องว่างนี้เปล่งแสงจ้า มันมีพลังจากต่างโลกที่บริสุทธิ์และเข้มข้นอย่างมาก
นี่น่ะรึที่อีกฝั่งของจิวโจว?ซือหยูตัวสั่นเมื่อคิดถึงมัน
เขาพบอีกด้วยว่าที่นั่นมีทัพของอาณาจักรทมิฬอยู่มีจ้าวแห่งความมืดทั้งหกคนและทหารหลายพันคน และที่ปลายสุดของช่องว่างยังมีทหารอีกร้อยคนและภูติอีกมากมาย
ทหารส่วนใหญ่ที่อยู่ปลายสุดก็คือเหล่าทัพทมิฬส่วนภูติที่ดูเหมือนนักปราชญ์วัยกลางคนที่มีพลังระดับห้าก็คือห้าศักดิ์สิทธิ์
เขาสวมชุดขาวมันสะบัดไปมาแม้ไร้แรงลม ทั้งร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัว แค่ยืนเฉยๆก็ทำให้ซือหยูอึดอัดแล้ว
เขาแข็งแกร่งมาก!ซือหยูเริ่มเกรงกลัว เพราะห้าศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคาดคิด
ฮงหยูที่เคยต่อสู้กับซือหยูก็ยืนอยู่ข้างห้าศักดิ์สิทธิ์ข้างหลังเขาคือเก้าศักดิ์สิทธิ์และเหล่าผู้สืบทอดตระกูลยี่ที่เคยไล่ล่าซือหยูในอดีต
เขาไม่เคยตามล้างแค้นเก้าศักดิ์สิทธิ์แต่เขาก็ไม่คิดว่าพวกมันจะกล้าลักพาตัวจ้าวคณะวิหคเพลิง!เช่นนั้น วันนี้ซือหยูจะต้องล้างแค้นทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ให้สาสม! แต่ซือหยูก็ยังไม่รีบร้อนเข้าไปเพราะรู้สึกว่าที่นี่มีบรรยากาศแปลกๆ
ทัพอาณาจักรทมิฬมาอยู่ที่นี่แล้วแต่พวกเขาก็ไม่ได้จู่โจมฝั่งต่างโลกแม้จะผ่านมานาน ทั้งสองฝ่ายยังคงลังเลกันอยู่
ซือหยูสังเกตต่อไปและพบกรงขนาดใหญ่หน้าทัพอาณาจักรทมิฬเขาเห็นสตรีวัยกลางคนอยู่ที่นั่นด้วย นางมีผิวขาวเรียบเนียนและใบหน้างดงามราวกับคนอายุสามสิบปี นางทั้งดูอ่อนเยาว์และมีเสน่ห์ของความมเป็นผู้ใหญ่ ความแตกต่างในสองด้านนี้ปรากฏจากตัวนางพร้อมกัน
สายตานางดูหม่นหมองมันเต็มไปด้วยความกังวลกับทัพอาณาจักรทมิฬ ดูเหมือนว่านางจะไม่มั่นใจกับกองทัพนี้เลย นางคือจ้าววิหคเพลิง
ซือหยูคลายใจลงเมือ่ได้เห็นนางอย่างน้อยนางก็ยังมีชีวิตอยู่ และการต่อสู้ที่ผ่านมานั้นน่าจะดุเดือด ห้าศักดิ์สิทธิ์คงจะไม่มีเวลาเก็บพลังหยินจากใคร เขามาช่วยนางทันเวลา!
ในตอนนี้ซือหยูเห็นบางอย่างที่แปลกไปอีกเรื่อง…