บทที่ 180 ในอ้อมแขนฉันรู้สึกถึงความปลอดภัยเลย

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 180

ในอ้อมแขนฉันรู้สึกถึงความปลอดภัยเลย

พวกเอลฟ์มีจุดอ่อนหรือเปล่า?!!
ถึงแม้จะหายตัวได้แต่พวกเขาก็จะต้องมีสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง
ฮวงฟูอี้คิดจินตนาการไปว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นเอลฟ์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับมู่หรงเสวี่ย
มันคงจะดีกว่าถ้าควบคุมความเป็นไปได้ที่หายตัวไปอีกได้ ถ้าเขาขังเธอไว้ล่ะ

ฮวงฟูอี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้า
เขามีความคิดที่แย่มาก

มู่หรงเสวี่ยเห็นสายตาที่ไม่ปกติของฮวงฟูอี้ได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นก็ถามออกมาอย่างเป็นห่วง “อี้ นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” การที่อยู่ดีๆเธอก็โผล่ออกมาทำให้เขากลัวหรือเปล่า?!

“มู่หรงเสวี่ย
เธอเป็นเอลฟ์หรือเปล่า?” ฮวงฟูอี้ที่ยังไม่ได้สติเท่าไหร่ถามออกไปทันที

มู่หรงเสวี่ยถาม
นี่มันเรื่องอะไรกัน?! ทำไมเขาถึงถามถึงเรื่องนี้ล่ะ?
แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางแปลกๆบนสีหน้าของฮวงฟูอี้
มันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ดีๆเธอก็โผล่ออกมาแน่ๆ นี่เขาคิดว่าเธอไม่ใช่คนงั้นเหรอ?!!
เมื่อคิดแบบนี้
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องร้องไห้หรือหัวเราะดี หลังจากนั้นไม่นาน
เธอก็เริ่มถามออกไป “ถ้าฉันเป็นเอลฟ์ นายจะทำยังไงล่ะ?” เธอมองไปที่ฮวงฟูอี้
สายตาของเธอไม่กะพริบและรู้สึกกังวลอยู่นิดหน่อย

ขังเธองั้นเหรอ?!!
ฮวงฟูอี้เกือบที่จะพูดประโยคนี้ออกไปแต่เมื่อมองสายตาของมู่หรงเสวี่ย
ทันใดนั้นเขาก้ได้สติกลับมา     มู่หรงเสวี่ยเป็นเอลฟ์จริงๆงั้นเหรอ?!!!
“เธอเป็นเอลฟ์
ฉันจะปกป้องเธอ…”
อีกอย่างเขาได้รู้สึกแล้วว่าตัวเองทนอยู่ในโลกที่ไม่มีเธอไม่ได้อีกแล้ว

คำตอบนี้ทำให้มู่หรงเสวี่ยยิ้ม
“ฉันไม่ใช่เอลฟ์ ฉันเป็นคนปกติ…” เธอพูดอย่างจริงจัง

คนปกติงั้นเหรอ?!
มันเป็นไปได้ยังไง?
ฮวงฟูอี้จับ             มู่หรงเสวี่ยและหยิกไปที่หน้าเธอขึ้นลง
แล้วเขาก็รู้สึกปกติตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนจริงๆ

นี่เธอกำลังถูกลวนลามหรือเปล่า?!!
มู่หรงค่อยเหล่ตามองเขาแล้วจึงตีไปที่มือของฮวงฟูอี้
“อี้ นายจะทำอะไร?”

“ดูให้แน่ใจว่าเธอเป็นคน?”
หัวของฮวงฟูอี้ยังเงยขึ้นมาทุกครั้ง
ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดที่จะถอดเสื้อผ้าเสี่ยวเสวี่ยเพื่อที่จะเช็กอีกครั้ง

“หยุดเลย!!!
ไม่ต้องคิดเลย ฉันเป็นคนจริงๆ นายอยากให้ฉันกรีดแขนตัวเองให้นายดูไหมว่าเลือดฉันก็สีแดง”
สายตาแปลกๆของเขาจ้องอยู่ที่เสื้อผ้าของเธอและเธอรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรเกี่ยวกับเธอ

“ไม่
งั้นทำไมเธอ…ทำไมอยู่ดีๆเธอถึงออกมาจากอากาศได้? ในระหว่างนั้นเธอหายไปอยู่ไหนมา?”
เขาถาม จับมือเธอแน่น
ตอนนี้เขายังรู้สึกไม่สบายใจอยู่นิดหน่อย
มีเพียงการจับมือเธอเท่านั้นที่ทำให้เขามั่นใจขึ้นหน่อย

มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วรู้สึกกังวล
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอยืนยันที่จะไม่พูดถึง
นั่นคือเธอจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องมิติลับ “ฉันรู้
ฉันไปอยู่ที่อื่นมานานและมันไม่มีอะไร ฉันเดินอยู่นานจนกระทั่งเจอแสงสว่าง…แล้วฉันก็มาโผล่ที่นี่…”
เหตุผลนี้มันฟังดูแปลกมากๆแต่ถึงแม้เธอจะพูดถึงมิติลับ
ตอนนี้มันก็เป็นเพียงข้ออ้างที่น่าอัศจรรย์
อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์จริงๆที่อยู่ที่หายตัวและโผล่กลับมาใหม่ได้

ในคำอธิบายนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลย
ฮวงฟูอี้รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม ทำไมเสี่ยวเสวี่ยถึงหายไปลำพังล่ะ? เขากอดเธอไว้แน่นและพูดออกมา
“มันเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอเข้าไปในสถานที่สีขาวนั้น?”

“ไม่เลย
ฉันหลับ…” เธอโกหกต่ออีกไปไม่ได้แล้ว เธอรู้สึกผิดอย่างมาก โดยเฉพาะสีหน้ากังวลและเป็นห่วงของฮวงฟูอี้ที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก

ฮวงฟูอี้ไม่ได้สงสัยในคำพูดของมู่หรงเสวี่ยเลยสักนิดและยังถามต่อ
“เธอเคยเป็นแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยเก็บกดความเจ็บปวดไว้ในหัวใจ
เธอรู้ว่าเขาเป็นห่วงเธอ เธอจึงทนไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอตอบกลับมาว่า “ไม่
นี่เป็นครั้งแรก…ฉันง่วงมากเลย ฉันอยากที่จะพัก นายหยุดถามทีได้ไหม…”
อันที่จริงเป็นเพราะรอยคล้ำที่ใต้ตาของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกทนไม่ได้อยู่นิดหน่อยจึงพูดออกไปแบบนั้น

ง่วงงั้นเหรอ?
เมื่อได้ยินคำนี้
ฮวงฟูอี้รู้สึกกังวลอย่างมาก
เขาไม่อยากให้เธอไปที่เตียงด้วยซ้ำเพราะเธอเพิ่งบอกว่าเธอหลับอยู่ก่อนที่จะหายไป
อย่างไรก็ตามเธอหาวและบอกว่าง่วงมาก ชั่วขณะเขาไม่มีทางเลือกว่าจะทำยังไงดี

เธอมองไปที่ฮวงฟูอี้ที่กำลังจับมือเธออยู่พร้อมด้วยท่าทางที่ดูสับสน
เธอจึงดิ้นนิดหน่อยเพื่อที่จะให้หลุดจากมือเขา
แต่ก็พบว่าเขากลับยิ่งจับเธอไว้แน่นกว่าเดิม จนสุดท้ายความเจ็บก็ทำให้เธอร้องออกมา
“เจ็บนะ…”

เสียงร้องของเธอทำให้ฮวงฟูอี้รีบปล่อยมือเธอ
เมื่อเห็นรอยแดงที่มือเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ “เจ็บมากเหรอ? ฉันจะไปหายามาทาให้นะ…”
เขาพูดพร้อมทั้งรีบเดินไปหากล่องปฐมพยาบาล
อย่างไรก็ตามในวินาทีที่เขากำลังจะก้าวออกไปจากห้อง เขาก็เดินกลับมา
จับมือมู่หรงเสวี่ยอย่างอ่อนโยนและพูดออกมา “เธอกับฉันจะไปด้วยกัน…”
ตอนนี้ถ้าเธอไม่ได้อยู่กับเขา เขาก็จะรู้สึไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่มือของคนทั้งสองที่กำลังจับกัน
หัวใจของเธอก็หยุดไม่ได้แล้วแต่ยิ่งถล้ำลึกลงไปมากกว่าเดิม
สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงเดินออกไปพร้อมกับฮวงฟูอี้
อันที่จริงเธอไม่ได้เจ็บแล้วแต่ท่าทางเป็นกังวลของเขาทำให้เธออยากที่จะดื่มด่ำกับมันต่อ

ฮวงฟูอี้เห็นกล่องยาที่มู่หรงเสวี่ยมักจะใช้อยู่ในห้องนั่งเล่น
รายงานการสืบของเขาแสดงให้เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องทักษะการแพทย์
เขาถึงขนาดที่รู้ด้วยว่ายาทั้งหมดในอุตสาหกรรมยาของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปเป็นการพัฒนาของมู่หรงเสวี่ยเอง
เมื่อเขาเปิดกล่องยา
มันก็ส่งกลิ่นหอมของสมุนไพรออกมาทันทีซึ่งแตกต่างจากกลิ่นเหม็นของยาในผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้กันทั่วไป
เมื่อได้กลิ่นนี้เขาก็ถึงกับตกใจที่ร่างกายของเขาค่อยๆรู้สึกผ่อนคลาย

สายตาที่คมเข้มของเขาเข้มขึ้น
จากนั้นเขาก็หยิบขี้ผึ้งที่เขียนไว้ว่าช่วยลดภาวะเลือดหยุดนิ่งขึ้นมาแล้วถามมู่หรงเสวี่ย
“ยานี้หรือเปล่า?”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้า
อันที่จริงรอยแดงที่มือของเธอค่อยจางไปแล้วและตอนนี้มันก็ไม่เจ็บมากแล้ว
อย่างไรก็ตามเธอก็ยังยอมให้ฮวงฟูอี้ทาขี้ผึ้งลงไปที่มือของเธอซึ่งอ่อนโยนอย่างอธิบายไม่ได้

หลังจากที่ทาขี้ผึ้งเสร็จ
ฮวงฟูอี้ก็ค่อยเป่าอย่างอ่อนโยน “ยังเจ็บอยู่ไหม?”

ลมหายใจเย็นๆพัดผ่านหลังมือของเธอ
นำความรู้สึกเย็น ๆ
ออกมาซึ่งทำให้เธอตัวสั่นเธอรีบดึงมือกลับมาอย่างแรงแล้วก็ลูบไปที่หัวและพูดออกมาเสียงเบา
“มันไม่เจ็บแล้ว…”

ฮวงฟูอี้มองไปที่มือที่ว่างเปล่าตรงหน้าเขา
นี่เหมือน         มู่หรงเสวี่ยคนเมื่อเช้านี้เลย
จู่ๆสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนและหายตัวไปในตอนบ่าย เรื่องนี้เกี่ยวพันกันหรือเปล่า?
“เสี่ยวเสวี่ย
เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? เธอ…ดูเหมือนจะแปลกๆไป…”

มู่หรงเสวี่ยหน้าแดง
เธอรู้ว่าเธอเริ่มที่จะแปลกไปอย่างมาก แต่เธอก็ควบคุมมันไม่ได้
เธอไม่อยากที่จะรักอีกแล้ว ได้โปรดปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตตามลำพังทีเถอะ
ตราบใดที่เธอมีครอบครัวที่ดีและมีเพื่อนๆอยู่กับเธอ มันก็เพียงพอแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร แค่อยากที่จะพัก…” เธอยังคงไม่หันไปมองเขา

หน้าของฮวงฟูอี้เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
เมื่อเช้านี้มู่หรงเสวี่ยก็พูดแบบนี้เลย แล้วเธอก็ขอกลับบ้านและหายตัวไป

เขาเดินเข้าไปและกอดมู่หรงเสวี่ย
ตราบใดที่เธออยู่ในอ้อมแขนเขา เธอก็จะไม่หายไปดื้อๆอีก หรือถึงแม้เธอจะหายไป
เขาก็จะได้จับเธอไว้ทัน
งั้นบางทีเขาอาจจะตามเธอไปยังโลกสีขาวที่อธิบายไม่ได้ได้ด้วย

“นายจะทำอะไร?
ปล่อยฉันนะ…”
มู่หรงเสวี่ยขัดขืนอยู่สักพัก เขาน่าจะไปได้แล้ว เธออยู่กับเขาไม่ได้

ฮวงฟูอี้กดการขัดขืนของเธอไว้และพูดออกมาอย่างอ่อนโยนและตื่นตระหนก
“ถ้าเธออยากที่จะนอน ฉันจะกอดเธอนอนเอง
เพื่อที่เธอจะได้ไม่หายไปดื้อๆอีก…ฉันจะไม่ทำร้ายเธอนะมู่หรงเสวี่ย…”
งั้นอย่าคิดเรื่องที่จะหนีไปจากเขา

การขัดขืนของมู่หรงเสวี่ยค่อยๆช้าลง
เขาฉลาดมากจริงๆ เขาใช้น้ำเสียงแบบนี้เพื่อตอบเธอ หัวใจของเธอสั่นด้วยความเจ็บปวด
แล้วเธอก็นึกถึงเขาที่กำลังรอเธออย่างกังวลอยู่ในห้อง
ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็ค่อยอ่อนยวบ ช่างมันเถอะแค่เพียงครั้งนี้
ครั้งหน้าเธอจะต้องเลี่ยงให้ได้

ฮวงฟูอี้เห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืนอีกแล้ว
เขาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องและวางเธอลงที่เตียง
แล้วเขาเองก็ค่อยๆเอนตัวลงด้วยเหมือนกัน มือของเขาไม่ปล่อยเธอเลยแม้ซักวินาที

เธอชอบกลิ่นหอมของร่างกายเขาซึ่งเป็นกลิ่นที่รู้สึกสบายและเธอเองก็รู้สึกเพลียอยู่หน่อยๆด้วย
ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าทุกคนกำลังตามหาเธอที่อยู่ในมิติลับ
เธอก็หยุดความเป็นห่วงและกังวลไม่ได้เลย และพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้นอนด้วย
ดังนั้นแทบจะในทันทีที่เธอเอนตัวลงไปที่เตียง
เธอก็รู้สึกง่วงโดยเฉพาะเมื่อฮวงฟูอี้ไม่ได้ถามอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของเธอแล้วด้วย
ดวงตาของเธอก็ค่อยปิดลง สุดท้ายหัวใจที่เป็นกังวลของเธอก็ค่อยๆผ่อนคลาย
อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องมองฮวงฟูอี้เป็นศัตรูซึ่งทำให้เธอสบายใจอย่างมาก

ลมหายใจของมู่หรงเสวี่ยค่อยๆสงบขึ้นเรื่อยๆ
เธอผล็อยหลับไปแล้ว ในตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนแขนของฮวงฟูอี้โดยไม่ต้องระวังอะไรเลย
อันที่จริงบางทีเธออาจจะไม่ได้ไม่อยากที่จะคบกับเขา
บางทีเธอคงจะเชื่อใจเขาตั้งแต่แรก
ไม่งั้นเธอคงไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวต่อหน้าเขาหรอก

ฮวงฟูอี้มองไปที่เธอโดยไม่กะพริบตา
เขากอดเธอแน่นและไม่กล้าที่จะผ่อนคลายเลยแม้สักวินาที
เขากลัวว่ามู่หรงเสวี่ยจะถูกปีศาจจับตัวไปในตอนที่เขาไม่ได้มองอยู่
ถึงแม้เธอจะอยู่ในอ้อมแขนเขาแล้วแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยขึ้นเลยแม้แต่น้อย