บทที่ 181
จะเป็นความเสียใจไปตลอดชีวิต
ถ้าไม่ไขว่คว้าไว้
ฮวงฟูอี้มองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่หลับอยู่ข้างๆเขา เขาค่อยๆหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยมืออีกข้างและส่งคำสั่งออกไปให้หยุดตามหามู่หรงเสวี่ยและบอกให้หลงอี้อย่าให้ใครมาที่อพาร์ทเม้นท์ของมู่หรงเสวี่ยเพื่อรบกวนพวกเขา
เมื่อหลงอี้ได้รับข้อความจากดราก้อนมาสเตอร์ เขาก็รู้สึกขอบคุณจนอยากที่จะร้องไห้ ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยกลับมา เขาก็หยุดภารกิจของทีมพายุทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็สั่งให้แจ้งทุกคนที่เข้ามาช่วยเรื่องนี้ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะการปฏิบัติพิเศษของดราก้อนมาสเตอร์ต่อคนเหล่านี้ เขาก็คงจะขี้เกียจ
ตอนที่พวกเขาได้รับข่าว แก๊งทั้งห้ายังคงค้นหาเรื่องที่อยู่ของมู่หรงเสวี่ยทีละจุดๆ อันที่จริงเบาะแสทั้งหมดที่พวกเขาเจอต่างก็ชี้ไปที่อะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย อย่างไรก็ตามพวกเขาค้นทุกมุมของอะพาร์ตเมนต์แล้วแต่ก็ไม่เจอใครเลย นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก ถึงแม้พวกเขาจะค้นหากันทั้งคืน ผลที่ได้ก็ยังเหมือนเดิม พวกเขาคิดถึงเกือบจะทุกคนที่กล้าพอที่จะพาตัว มู่หรงเสวี่ยไป
ตอนนี้เมื่อข่าวแจ้งว่าเจอมู่หรงเสวี่ยอย่าวบอกปลอดภัยแล้ว และบอกให้พวกเขาหยุดค้นหาได้และสั่งไม่ให้พวกเขาไปที่อะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ยด้วย พวกเขาต่างก็มองหน้ากันและกันและนึกถึงผู้ชายที่ราวกับเทพเจ้าแต่ในสายตาของพวกเขาก็ยังไม่อยากที่จะเชื่ออยู่ดี
แน่นอนตราบใดที่พวกเขามั่นใจว่ามู่หรงเสวี่ยปลอดภัย ชายคนนั้นก็คงไม่ทำร้ายน้องหกหรอก พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่อะพาร์ตเมนต์ ถึงแม้พวกเขาอยากที่จะเจอมู่หรงเสวี่ยพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่ง ยังไงซะในอะพาร์ตเมนต์ก็มีผู้นำอยู่ตั้งสองคน
พี่ใหญ่หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหามู่หรงเสวี่ย ถึงแม้เขาจะไปเจอเธอไม่ได้ แต่เขาก็ต้องได้ยินเสียงของเธอเพื่อให้มั่นใจว่าเธอปลอดภัย อย่างไรก็ตามโทรศัพท์ก็ดังเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วก็ถูกตัดสายไป เขากำลังที่จะกดโทรกลับไปอีกรอบแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้รับข้อความเพียงไม่กี่คำที่เขียนว่า “นี่ดราก้อนมาสเตอร์ มู่หรงปลอดภัย!”
มือใหญ่ๆสั่นขึ้นมาทันทีจนเกือบที่จะทำโทรศัพท์หล่น อ่า เป็นดราก้อนมาสเตอร์เองที่รับโทรศัพท์ คนที่เหลือทั้งสี่เดินมาถามพี่ใหญ่ว่าเป็นอะไร หลังจากที่พี่ใหญ่อธิบาย พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะกลับไปเมืองหลวง ยังมีงานอื่นอีกที่รอพวกเขาอยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาจะอยู่ที่จังหวัดA ตลอดไม่ได้
ที่อีกฝั่ง ชูอี้เสิ่นรู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่ที่วางสายจากฮวงฟูอี้ จนในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะขอให้คนของเขาที่จังหวัด A ไปดูเรื่องของมู่หรงเสวี่ย ข่าวที่ได้กลับมาคือมู่หรงเสวี่ยกำลังพักอยู่ในวิลล่าแล้วเขาจึงโล่งอก
ไป่เสวี่ยหลี่ ที่เมืองหลวง เริ่มรู้สึกไม่สบายใจในหลายวันที่ผ่านมา หน้าท้องของเธอยังแบนราบ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปพี่โม่จะต้องพบว่าเธอโกหก เธอกะจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นความผิดของมู่หรงเสวี่ย แต่นังผู้หญิงชั้นต่ำดังกลับจังหวัด A ไปเสียก่อน
อย่างไรก็ตามเธอยังไม่มีโอกาสที่จะสร้างเรื่องว่าแท้งลูกเลย งั้นรออีกสักสองสามวันแล้วกัน
เธอเผยรอยยิ้มแปลกๆ น่าตลกจริงๆที่นังผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นรอดจากเรื่องนี้ไปได้ยังไง? เธออยากที่จะทำลายชื่อเสียงของเธอ
ชางกวนโม่กลายเป็นเครื่องจักรทำงานไปแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาด้านชาจนแทบไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากที่จะไปหามู่หรงเสวี่ยแต่เขาได้รับคำเตือนจากองค์กรปริศนาดราก้อนพาวิลเลี่ยนว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้มู่หรงเสวี่ยในระยะ 10 เมตร
ไม่มีใครรู้เลยว่าในเวลานั้นเขาสิ้นหวังมากแค่ไหน พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมดราก้อนพาวิลเลี่ยนที่ลึกลับถึงได้ตามสืบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและมู่หรงเสวี่ย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากที่จะขัดขืน อย่างไรก็ตามแผนการที่เขาคิดไว้ล่วงหน้าก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความนิ่งของอีกฝ่าย เขาไม่ได้ห่วงตัวเองแต่เขาจะไม่สนใจคุณปู่ไม่ได้
เขาได้ลิ้มรสชาติของการตกนรกมาแล้ว มันเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะปลดเปลื้องตัวเองออกมาได้ หลังจากนั้นเขาก็หลงทิศทางไปหมดและถึงขนาดไม่อยากที่จะยุ่งกับเรื่องการทำแท้งของไป๋เสวี่ยหลี่ เขาต้องเจอกับปัญหาที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้จะไม่มีเรื่องไป๋เสวี่ยหลี่ ระหว่างเขากับมู่หรงเสวี่ยก็มีภูเขาสูงใหญ่มาขวางกั้น
มู่หรงเสวี่ยนอนหลับไปทั้งวัน เธอไม่ตื่นขึ้นมาเลยจนกระทั่งบ่าย ฮวงฟูอี้ลืมตาและมองไปที่เธอ เธอตกใจนิดหน่อยและพูดออกมาว่า “ทำไมนายถึงไม่นอนล่ะ?” ใต้ตาเขาเห็นได้ชัดว่ามีรอยคล้ำและมีเส้นเลือดในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเขาด้วย
“ฉันไม่ง่วง…” ฮวงฟูอี้พูด ไม่สนใจสายตาที่เหนื่อยล้าของตัวเองเลย หลังจากเงียบไปสักพักเขาก็ถามออกมาอีก “หิวหรือเปล่า? ฉันจะให้คนเอาอาหารมาส่งให้…” น้ำเสียงของเขายังคงแหบอยู่นิดหน่อย เขาลุกขึ้นและหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์โทรและสั่งออกไปสองสามคำ
หลังจากนั้น เขาก็หันมามองมู่หรงเสวี่ยที่ยังนอนอยู่บนเตียงพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเถอะแล้วเดี๋ยวจะได้มากินข้าว…” เขายื่นมือออกไปและดึงมู่หรงเสวี่ยลุกขึ้น
“อืม…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงต่ำ แล้วก็ปล่อยมือเขาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เธอกำลังจะปิดประตูแต่ก็ถูฮวงฟูอี้ขวางไว้
เธอมองไปที่เขาอย่างถามไถ่ ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรที่ประตู?
“แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ ถ้าฉันไม่ได้เห็นเธอ ฉันก็ไม่สบายใจ…” ฮวงฟูอี้พูดเสียงเบา
เขาพูดออกมาอย่างธรรมดามากๆ มันควรจะเป็นเรื่องทั่วไปไม่น่าจะมีอะไรแตกต่าง ราวกับว่ามีเพียงเธอที่รู้สึกว่ามันมีความหมายนัย เธอพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ “ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำด้วย นายอยากจะดูไหมล่ะ?”
“ใช่!” ฮวงฟูอี้ตอบ
มู่หรงเสวี่ยเบิกตา เธอกัดริมฝีปาก นี่เขากำลังล้อเธอเล่นใช่ไหม?! “อย่ามาล้อเล่นน้า ปล่อยเร็ว”
มือของฮวงฟูอี้ยังจับแน่นอยู่ที่ประตู ไม่ขยับแม้สักนิด “ไม่!”
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยกำลังจะเปลี่ยนแต่เขาก็ยังจริงจัง “ฉันจะโกรธแล้วนะถ้านายยังทำแบบนี้อีก!”
ไม่มีใครเขาดูคนอื่นเข้าห้องน้ำกันหรอก
สายตาเข้มของเขาเข้มขึ้นและสุดท้ายเขาก็ค่อยลดมือลง อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่ขยับเลยสักนิด หลังจากนั้นเขาก็ขวางประตูอีกและพูดออกมาว่า “ฉันจะหลับตา ไม่มองหรอกนะ!” เมื่อพูดจบเขาก็หลับตาลงจริงๆ
มู่หรงเสวี่ย เธอเดินอ้อมเขาออกไปอาบน้ำที่ห้องข้างๆแทน ไม่ เธอยังสามารถที่จะหลบฮวงฟูอี้ได้ ตราบใดที่เขายังไม่เปิดตา
“ฉันจะไปอาบน้ำ ฉันทำไม่ได้ถ้านายยังอยู่ที่นี่…” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมสะบัดมือเขาออก
“งั้นฉันจะไปกับเธอด้วย…” ฮวงฟูอี้พูด
“อี้ นายเป็นอะไรเนี่ย?!! อย่าทำตัวไม่มีเหตุผลสิ โอเคไหม?” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างไม่พอใจ อย่าทำกับเธอเหมือนเหมือนเป็นคนรักแบบนี้
ฮวงฟูอี้นิ่งและพูดออกไปว่า “ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอ…”
“ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน ฉันรำคาญนาย!” ใช่ ตอนนี้เธอตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของเธอคืออะไร?! เธอแค่อยากที่จะมีพื้นที่ของตัวเองบ้างและอยู่เงียบๆ
จู่ๆฮวงฟูอี้ก็รู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขึ้นมา สีหน้าร้อนรนบนใบหน้าของเธอชัดเจนมากจนไม่มีใครบอกว่าทำไม?!! เขามักจะทำตามอำเภอใจอยู่ตลอด เขาไม่เคยให้ใครเข้ามาในหัวใจเหมือนตอนนี้เลย แต่คนคนนี้กลับไม่ต้องการเขา ชั่วขณะหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง
มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจเขาและเดินไปที่ห้องข้างๆเพื่ออาบน้ำ
จนกระทั่งเธอเดินออกมา เธอก็เห็นว่าฮวงฟูอี้ยังยืนอยู่ที่เดิมในท่าเดิม หลังจากนั้นพวกเขาก็กินข้าวกันเงียบๆ
หลังจากที่กินเสร็จ ฮวงฟูอี้ก็ลุกขึ้นและพูดเพียงประโยคเดียว “ฉันจะกลับแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่มารบกวนเธออีก” ถึงแม้เขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ความรัก แต่ศักดิ์ศรีของเขาในฐานะดราก้อนมาสเตอร์ก็จะไม่ยอมให้ตัวเองต้องก้มหัวให้ใครซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าของมู่หรงเสวี่ยที่หมดความอดทนก็พูดออกมาอย่างไม่แยแส บางทีเธออาจจะเกลียดเขาจริงๆ
ตะเกียบในมือมู่หรงเสวี่ยหยุดและล่วงลงบนโต๊ะ สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและเธอกำลังที่จะพูดออกมา อย่างไรก็ตามฮวงฟูอี้ไม่ให้โอกาสเธอและเดินออกไป
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?! เศร้าราวกับถูกทิ้ง
เธอมองไปที่กองอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะและความสับสนในใจเธอมันก็ยากที่จะพูดออกมา
หลังจากเวลาผ่านไปนาน จนกระทั่งอาหารที่อยู่บนโต๊ะเย็นหมด เธอก็ลุกขึ้นและค่อยเก็บจานอาหารที่อยู่บนโต๊ะอย่างเงียบๆโดยที่สีหน้าไม่มีอาการใดๆเลย
หลังจากนั้นฮวงฟูอี้ก็ไม่เคยมาหามู่หรงเสวี่ยอีกเลย
อันที่จริงมู่หรงเสวี่ยเคยโทรไปหาเขาแต่มันก็กลายเป็นเบอร์ที่ยังไม่เปิดใช้งาน
ในตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดูเหมือนจะจบไปแล้วเพราะประโยคนั้น มู่หรงเสวี่ยไม่เข้าใจเลย
….
วันนี้เธอล้างความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง พรุ่งนี้เธอจะกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ดังนั้นมู่หรงเสวี่ยจึงมีแผนที่จะเตรียมน้ำแห่งจิตวิญญาณและของอื่นๆเพื่อครอบครัวของเธอและจะไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าด้วย
เมื่อเธอไปถึงคฤหาสน์ของคุณปู่คุณย่า เธอก็เจอเพียงคุณย่าที่อยู่ในคฤหาสน์ มู่หรงเสวี่ยกอดเธอและพูดว่า “คุณย่า หนูคิดถึงคุณย่ามากจริงๆ”
คุณย่าเผยรอยยิ้มใจดีและพูดออกมากึ่งบ่นเล็กน้อยว่า “บอกว่าคิดถึงย่าแต่ก็ไม่เห็นมาหาตั้งนานแล้วนะ…”
มู่หรงเสวี่ยแลบลิ้นออกมา มองไปรอบๆแต่ก็ไม่เจอคุณปู่ จึงถามออกไป “คุณย่า ทำไมถึงไม่เห็นคุณปู่เลยล่ะคะ?”
“คุณปู่ไปตกปลาอยู่ที่แม่น้ำตรงโน้นแนะ เขาไปนั่งอยู่ตั้งนานแล้วยังไม่เห็นกลับเข้ามาเลย…”
“งั้นหนูไปดูคุณปู่นะคะ…” มู่หรงเสวี่ยพูด
“งั้นก็เรียกคุณปู่กลับมากินข้าวด้วยแล้วกันนะ” คุณย่าบอก
“ได้ค่ะ” มู่หรงเสวี่ยพูดในระหว่างที่เดินไปที่แม่น้ำ
“คุณปู่ค่ะ” มู่หรงเห็นคุณปู่กำลังนั่งตกปลาอยู่ที่แม่น้ำจากไกลๆเลยร้องเรียกออกไป
คุณปู่หันกลับมาเห็นมู่หรงเสวี่ยแต่ก็เห็นเธอไม่ชัดเท่าไร “ แม่หนูนิ เห็นไหมว่าทำปลาตกใจหนีไปหมดแล้ว!”
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ถังเปล่าและพูดแซวออกมา “คุณปู่จับไม่ได้อยู่แล้วนิค่ะ!”
“อย่าทำเสียงดัง จับไม่ได้ก็เพราะหลานตะโกนเสียงดังจนปลามันหนีไปหมดต่างหาก! ไม่ต้องพูดแล้ว คอยดูนะ” คุณปู่พูด
มู่หรงเสวี่ยหุบปากและนั่งลงไปโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าของเธอจะเลอะหญ้าหรือเปล่า
น้ำในแม่น้ำใสมากจนเห็นปลาว่ายไปมาอย่างอิสระ บางครั้งพวกปลาตัวหรือสองตัวก็จะเข้ามากินเหยื่อใต้คันเบ็ดของคุณปู่ มู่หรงเสวี่ยโยนหินจนทำให้พวกปลาตัวเล็กๆกลัวจนหนีไป
คุณปู่หันมามองเธออย่างไม่พอใจ แต่เมื่อท่านเห็นสีหน้าเธอ ท่านก็หันกลับไปมองที่แม่น้ำต่อและพูดออกมาเสียงเบา “แม่หนู ตอนที่ยังเด็ก หลานควรที่จะกล้าหาญและไล่ตามมันนะ!”
มู่หรงเสวี่ยถามพร้อมหันหัวไปมองคุณปู่ “คุณปู่หมายถึงอะไรเหรอคะ?”
“พวกหนุ่มสาวควรจะมีเรี่ยวแรงตอนที่ยังหนุ่มสาว เมื่อไม่ออกไล่ตามสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะทิ้งความเสียใจไว้ให้ไปตลอดชีวิต…” คุณปู่ดูเหมือนจะคิดถึงอะไรบางอย่างและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน