ตอนที่ 400 อย่าขยับมือซี้ซั้ว / ตอนที่ 401 ชะตากรรมที่หนีไม่พ้น

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 400 อย่าขยับมือซี้ซั้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ “ที่นี่คือห้องทำงานของผม แล้วคุณมานอนทับอยู่บนตัวผม คุณว่าผมต้องบอกคุณว่ายังไงล่ะ” 

 

 

           รออยู่อีกหลายนาทีสมองใหญ่ที่เบลอๆ ของเจียงมู่เฉินก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา 

 

 

           เขายกมือขึ้นมาขยี้ตา ตะกายขึ้นมาจากตัวของซือเหยี่ยน “อยู่ๆ ดีนายมาจับฉันกอดนายเพื่ออะไร” 

 

 

           ซือเหยี่ยนถูกเขาโบ้ยความผิดกันแบบนี้ ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “คุณเป็นคนมาทับผมเอง ไม่ใช่ผมกอดคุณสักหน่อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองโซฟาที่อยู่ด้านข้าง พลางมองซือเหยี่ยนอีกแวบหนึ่ง “อ่อ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น ‘อ่อ’ นี่หมายความว่าไง ขายผ้าเอาหน้ารอดไปหน่อยมั้ง 

 

 

           เจียงมู่เฉินตะกายขึ้นมาจากพื้น อดจะถามไถ่ไม่ได้ “วันนี้นายไปทำอะไรมา ฉันโทรหานาย นายยังปิดเครื่อง รอนายตั้งนานก็ไม่กลับมาเลย” 

 

 

           ซือเหยี่ยนนอนอยู่บนพื้นมองเขา “คุณไม่คิดจะดึงผมขึ้นมาหน่อยเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายลุกเองไม่เป็นหรือไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนสีหน้ามืดหม่นในทันใด นอนอยู่บนตัวเขาตั้งหลายชั่วโมง จนทั้งตัวเขาชาไปหมดแล้ว 

 

 

           ‘ตื่นมายังไม่จูบเขาด้วยความประทับใจไม่พอ ยังทำหน้าทำตามองเขาด้วยความสงสัยอีกเหรอ’ 

 

 

           ประธานซือรู้สึกว่าแฟนของตัวเองช่างเอาใจยากเสียทีเดียว 

 

 

           “มือผมชา” ประธานซือเอ่ยเสียงต่ำ 

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาด้วยสีหน้ารังเกียจเหยียดหยาม “นายว่านายเป็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่ง แม้แต่ลุกขึ้นเองยังทำไม่ได้ แล้วจะยังทำอะไรได้อีกกัน” 

 

 

           เขาพูดไป แต่ในที่สุดก็ส่งมือออกไปเตรียมจะดึงซือเหยี่ยนขึ้นมา 

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินคำพูดของเจียงมู่เฉิน แล้วมองมือที่เขายื่นมา ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างเงียบๆ  

 

 

           ‘ยังไงกัน ช่วงนี้เขาอ่อนโยนกับเจียงมู่เฉินเกินไปแล้วใช่ไหม’ 

 

 

           คิดไม่ถึงว่าจะสงสัยในความสามารถของเขาได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง ฉวยโอกาสฉุดมือเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินไม่ได้ทันระวังตัว ในทันใดคนทั้งคนก็ถูกซือเหยี่ยนดึงจนเซพุ่งเข้าหาซือเหยี่ยน 

 

 

           ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสจับร่างเขากอดไว้พลิกกลับมาจับเขากดไว้กับพื้น 

 

 

           “เฉินเฉิน ต่อให้ผมมือชา ออกกำลังกายกันสักหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร”  

 

 

           เจียงมู่เฉินชักจะเริ่มได้กลิ่นอันตรายตุๆ “คือว่า ในเมื่อมือนายชาก็ไปพักดีๆ สิ อย่าขยับมือซี้ซั้วสิ” 

 

 

           ‘ให้เขาพักผ่อนดีๆ ตอนนี้เหรอ’ 

 

 

           ‘สายไปแล้ว’ 

 

 

           ตอนนี้ประธานซือไม่อยากพักผ่อนเลยสักนิด อยากเพียงแค่ลงไม้ลงมือ 

 

 

           ซือเหยี่ยนโน้มตัวลงเข้าใกล้เจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินเอียงหน้าเห็นประตูที่ยังไม่ได้ล็อค ก็รีบยันตัวเขาไว้ “อย่า ประตูไม่ได้ล็อค ฉันไม่ได้มาแสดงสร้างความบันเทิงให้บริษัทนายดูนะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนขบกราม “แล้วถ้าประตูล็อคแล้วล่ะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบบอก “นายไปล็อคก่อน” 

 

 

           รอซือเหยี่ยนลุกขึ้น เขาจะวิ่งทันที เขาไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ให้ซือเหยี่ยนมาวาดลีลาด้วยหรอกนะ 

 

 

           ซือเหยี่ยนหรี่ตาลง พยักหน้าตอบรับ “ได้” 

 

 

           เขาเพิ่งจะยืนขึ้น เจียงมู่เฉินก็ฉวยโอกาสเอามือผลักซือเหยี่ยนออก คิดจะผลักให้พ้นทางแล้วจะวิ่งไปทันที 

 

 

           ใครจะรู้ว่าซือเหยี่ยนจะรู้ทันลูกไม้ของเจียงมู่เฉินมาตั้งแต่แรกแล้ว ขณะที่เจียงมู่เฉินลงมือ ซือเหยี่ยนก็คว้ามือเข้าไว้ได้แบบไม่มีคลาดเคลื่อน ดึงมาทีก็กดทับร่างอีกฝ่ายเอาไว้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินล้มลงไปบนโซฟา หลับตาลงเวียนหัวโดยฉับพลัน 

 

 

           กว่าจะหายเวียนหัวไม่ใช่ง่ายๆ เจียงมู่เฉินเพิ่งจะลืมตาขึ้นมาก็เห็นซือเหยี่ยนกำลังขบกรามเข้ามาใกล้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นสีหน้าอารมณ์นั้นของเขา ก็อดจะไว้อาลัยให้ตัวเองไม่ได้ 

 

 

           วันนี้เขาคงจะหนีไปไม่พ้นแล้ว 

 

 

           โดนซือเหยี่ยนกดทับร่างอีกครั้ง เจียงมู่เฉินเอ่ยขอเจรจา “คือว่า พี่ใหญ่ พวกเราหารือกันสักหน่อยสิ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “หารืออะไร คิดจะหลอกผมอีกเหรอ” 

 

 

           “แหะแหะ” เจียงมู่เฉินหัวเราะแห้ง “ได้ยังไงกัน ฉันจะหลอกนายได้ยังไงล่ะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ไว้หน้าอยู่แล้ว เขากวาดสายตามองเจียงมู่เฉินปราดเดียว “เมื่อกี้ไม่รู้เลยว่าใครอยากจะลงไม้ลงมือกับผม” 

 

 

           เขาขบกรามเอ่ยเสียงต่ำ “ยังไงกัน เป็นผมที่มองผิดเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ ถ้ารู้ล่วงหน้าจะนอนแผ่หลาให้เขามาปล้ำซะก็สิ้นเรื่อง ไม่มีอะไรทำแล้วไปขัดขืนอะไร ตอนนี้มาขัดขืนแล้วเป็นยังไง โดนจับกดอีกจนได้ 

 

 

           เขาอยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออกแล้วจริงๆ 

 

 

           ‘เมื่อก่อนพลังการต่อสู้ของตัวเองพอๆ กับซือเหยี่ยนเจ้าหมอนั่นชัดๆ’ 

 

 

           ‘ทำไมไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี ตัวเองถึงห่างชั้นจากซือเหยี่ยนได้ขนาดนี้ หรือว่าไม่กี่ปีให้หลังมานี้ซือเหยี่ยนแอบฝึกฝนมาตลอด เพราะสักวันอยากจะเอาชนะเขาอย่างนั้นเหรอ’ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 401 ชะตากรรมที่หนีไม่พ้น 

 

 

         “พี่ใหญ่ นายยังไม่ล็อคประตูเลยนะ” 

 

 

         เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ ต่อให้โดนจับกดก็ไม่อยากทำการแสดงต่อหน้าคนอื่นนะ 

 

 

         ‘เขาหน้าไม่อายหรือไงกัน’ 

 

 

         ซือเหยี่ยนหัวเราะเยาะเสียงเย็น “สายไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่อยากล็อคแล้ว” 

 

 

         “อย่าสิ นี่ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน พวกเราต้องรู้ว่าอะไรควรไม่ควรบ้างสักหน่อยไม่ใช่หรือไง” เจียงมู่เฉินพยายามสู้ต่อไปอีกสักหน่อย 

 

 

         ‘ไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องต่อสู้ดิ้นรนก่อน ถ้าหากซือเหยี่ยนเกิดใจดีขึ้นมากะทันหัน เก็บไม้เก็บมือขึ้นมาล่ะ’ 

 

 

         แต่น่าเสียดายตอนนี้ประธานซือไม่อยากจะใจดีเลยสักนิด 

 

 

         เขาอยากแค่จับกดเจียงมู่เฉินเท่านั้น 

 

 

         มือใหญ่ๆ ของซือเหยี่ยนยื่นออกไป จับเจียงมู่เฉินให้นอนอยู่ใต้ร่าง เจียงมู่เฉินโดนเขากดทับแบบนี้ ก็ขยับไปไหนไม่ได้แล้ว 

 

 

         “ผมไม่ถือสา ถึงยังไงหุ่นผมก็ดี ต่อให้เห็น ก็ไม่กลัว” 

 

 

         ‘แม่งเอ๊ย นายปล้ำฉัน ต้องไม่กลัวอยู่แล้ว’ 

 

 

         ‘แน่จริงก็ให้คุณชายปล้ำนายสิ ดูกันว่านายจะกลัวหรือเปล่า’ 

 

 

         แน่นอน ว่าคำพูดนี้เจียงมู่เฉินกล้าพูดแค่ภายในใจ มีหรือจะกล้าพูดออกมา 

 

 

         ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ระวังเผลอทำซือเหยี่ยนโมโห ถึงเวลานั้นจะได้ไม่คุ้มเสียแทน 

 

 

         “พี่ใหญ่ นายไม่กลัวคนอื่นเห็นฉันโป๊หรือไง จะเอาเปรียบฉันเหรอ” 

 

 

         เจียงมู่เฉินควรจะใช้ไม้อ่อน จะได้เจรจากับซือเหยี่ยนดีๆ 

 

 

         ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแฟนของซือเหยี่ยน ถ้าคนอื่นไม่ระวังมาเห็นเข้า ซือเหยี่ยยจะขาดทุนเอง 

 

 

         ซือเหยี่ยนเห็นแววตานั้นของเจียงมู่เฉิน ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น ครุ่นคิดอย่างจริงจังสักพัก “คุณพูดก็ถูก” 

 

 

         เจียงมู่เฉินตาลุกวาวในทันใด รีบมองมาที่ซือเหยี่ยน “ใช่ไหมๆ มีเหตุผลมากใช่ไหม” 

 

 

         ซือเหยี่ยนพยักหน้า “มีเหตุผลมาก” 

 

 

         เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองเห็นแสงแห่งความหวังรำไรแล้ว เขาเบิกตากว้างมองซือเหยี่ยน “ในเมื่อนายคิดว่าที่ฉันพูดมีเหตุผลมากพอ งั้นก็…” 

 

 

         เขายังไม่ทันพูดจบประโยค ซือเหยี่ยนค่อยๆ เอ่ยทิ้งทวนช้าๆ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็ใส่เสื้อผ้า ‘ทำ’ กัน แบบนี้คนอื่นก็จะไม่เห็นแล้ว” 

 

 

         เจียงมู่เฉิน “…” 

 

 

         ‘เขาพุ่งเข้าไปเด็ดหัวซือเหยี่ยนได้ไหม’ 

 

 

         ในห้องทำงานยังคิดทำเรื่องอย่างว่าได้ แล้วยังจะมีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้อีกกัน 

 

 

         “ถ้านายกล้าทำอะไรคุณชาย คุณชายรับรองจะไม่ปล่อยนายไว้แน่” 

 

 

         เจียงมู่เฉินเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเตรียมจะเล่นบทโหดขึ้นสักหน่อยแล้ว 

 

 

         ‘เห็นคุณชายน้อยเจียงไม่เหวี่ยงไม่วีน คิดว่ากลัวเขางั้นเหรอ’ 

 

 

         ซือเหยี่ยนยักคิ้ว ส่งมือไปแกะกระดุมเสื้อเจียงมู่เฉิน เขาจงใจกดเสียงต่ำ เอ่ยถามขึ้นมา “เฉินเฉิน ผมลงมือแล้ว คุณคิดจะไม่ปล่อยผมไว้ยังไงเหรอ” 

 

 

         …… 

 

 

         เจียงมู่เฉินพ่ายแพ้ให้ซือเหยี่ยนแล้วจริงๆ 

 

 

         ท่าทางหน้าไม่อายไม่ไว้หน้าอย่างนี้ ไปเรียนกลับใครมา 

 

 

         เจียงมู่เฉินขบกราม รู้สึกว่าตัวเองเกินเยียวยาแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกว่าซือเหยี่ยนในมาดแบบนี้…จะยังดูหล่อขึ้นมานิดหน่อยแบบเหลือเชื่อได้ 

 

 

         ถ้าไม่ใช่เพราะซือเหยี่ยนกดมือเขาไว้ เจียงมู่เฉินคิดว่าตัวเองคงจะทนไม่ไหว เด้งขึ้นมากดหน้าตัวเองไว้ 

 

 

         ไม่มีหน้าให้ดูต่อไปได้แล้วจริงๆ 

 

 

         ทัศนคติต่อคุณค่า ต่อชีวิต และต่อโลกของเขา ถูกซือเหยี่ยนเจ้าคนระยำทำลายจนหมดสิ้นแล้ว 

 

 

         ไม่กล้ามองตรงๆ อีกต่อไป 

 

 

         แต่ประธานซือกลับยังจงใจยั่วยุ เขามองดูเจียงมู่เฉิน ก้มหน้าลงกัดใบหูเขาอีกครั้ง “อะไรกัน จะไม่เกรงใจผมแล้วไม่ใช่หรือไง” 

 

 

         เขาเป่าลมใส่เบาๆ “เฉินเฉิน คุณไม่เกรงใจผมได้นะ” 

 

 

         เจียงมู่เฉินขบกราม เขาถลึงตาใส่ซือเหยี่ยน “ฉันไม่อยากไม่เกรงใจนายเลยสักนิด” 

 

 

         ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ ซือเหยี่ยนยกมุมปากที่ดูดีของตัวเองขึ้น “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่เกรงใจแล้ว” 

 

 

         เหมือนซือเหยี่ยนจะปฏิบัติตามคำพูดของตัวเองให้ถึงที่สุด ไม่เกรงใจให้ถึงที่สุด 

 

 

         เจียงมู่เฉินกังวลถึงประตูที่ยังไม่ล็อคบานนั้นอยู่เสมอ แต่กลับไม่รู้เลยว่าตอนที่ซือเหยี่ยนเข้ามา ก็ล็อคประตูตั้งแต่แรกแล้ว 

 

 

         ‘ไม่งั้นซือเหยี่ยนจะอยู่ข้างในพร้อมเจียงมู่เฉินที่กำลังนอนอยู่ แล้วไม่มีใครสักคนเข้ามาตลอดได้ยังไง’ 

 

 

         เพียงแต่ว่าประธานซือใจดำไม่อยากบอกเจียงมู่เฉิน 

 

 

         จงใจให้เขาตื่นตระหนกก็เท่านั้นเอง 

 

 

         คุณชายน้อยเจียงงมโข่ง ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดทางความคิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เอาแต่กังวลเรื่องประตูไม่หยุด