ตอนที่ 402 จำไว้มาเก็บศพให้ฉันด้วย / ตอนที่ 403 ไม่ใช่อาการป่วย รักษาไม่หายหรอก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 402 จำไว้มาเก็บศพให้ฉันด้วย 

 

 

           หลังจากซือเหยี่ยนทิ้งระเบิดลูกใหญ่ขนาดนั้นลงไป คุณพ่อเจียงก็มีแรงกดดันภายในใจมาตลอด 

 

 

           สำหรับซือเหยี่ยน ในใจเขาก็ต้องชอบเป็นธรรมดา เด็กคนนี้เป็นคนดี เก่งกล้าสามารถ เทียบกับเฉินเฉินแล้ว ซือเหยี่ยนสุขุมหนักแน่นมากกว่าอย่างชัดเจน 

 

 

           แต่ก่อนเขายังเคยอิจฉาเหล่าซืออยู่เลยที่มีลูกชายดีขนาดนี้ 

 

 

           แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าซือเหยี่ยนจะพูดว่าเขากับเฉินเฉินมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น แล้วจะให้คุณพ่อเจียงยอมรับในเวลาอันสั้นนี้ได้อย่างไรกัน 

 

 

           เขาไม่ได้เหมือนคุณแม่เจียงที่เรียกร้องให้พวกเขาเลิกกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง พยายามจะรักษาสงวนท่าทีที่ควรจะเป็นก็ว่ายากมากแล้ว 

 

 

           ถึงอย่างไรหลังจากที่ได้ฟังประโยคนี้ ก็ไม่มีใครจะยังรักษาอารมณ์ให้สงบได้ 

 

 

           คุณพ่อเจียงไม่มีอารมณ์จะทำงานแล้ว เขายืนอยู่หน้าหน้าต่าง เอามือกดที่ศีรษะ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ 

 

 

           เรื่องนี้จะต้องจัดการอย่างไร ถึงจะพอเหมาะสมได้ 

 

 

           คุณพ่อเจียงรออยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว จึงโทรหาเจียงมู่เฉิน ให้เขารีบไสหัวกลับบ้านมา 

 

 

           เขาฟังคำพูดของซือเหยี่ยนด้านหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็อยากจะฟังความคิดของลูกชายตัวเองบ้าง 

 

 

           ถ้าหากว่าเป็นเพียงแค่ความคิดของซือเหยี่ยนคนเดียว อย่างนั้นก็จะจัดการง่ายแล้ว 

 

 

           แต่ถ้าความคิดของเฉินเฉินเหมือนกับซือเหยี่ยน อย่างนั้นก็ยุ่งยากแล้ว ถึงแม้ว่าหลายปีมานี้ เขากับคุณแม่เจียงจะเอ็นดูเอาใจเจียงมู่เฉินอย่างไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด 

 

 

           แต่มาคบกับผู้ชายคนหนึ่ง… 

 

 

           ‘นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอ็นดูลูกแค่ไหนแล้วจะตกลงกันได้เลยนะ’ 

 

 

           คิดไปคิดมา คิดจนคุณพ่อเจียงปวดหัวแล้ว 

 

 

           …… 

 

 

           เจียงมู่เฉินเพิ่งจะโดนจับกดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงมือถือดังขึ้น เดิมทีซือเหยี่ยนไม่อยากจะให้เขารับ แต่พอเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ 

 

 

           ก็เป็นฝ่ายหยิบมือถือที่วางอยู่ด้านข้างมาให้ 

 

 

           “พ่อคุณ” 

 

 

           สองคำนี้ทำให้เจียงมู่เฉินสะดุ้งโหยงขึ้นมาในทันใด “พ่อฉัน? ท่านโทรมาหาฉันในเวลานี้ได้ยังไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนปล่อยมือออก ช่วยเขาใส่เสื้อผ้า 

 

 

           ใส่เสื้อผ้าให้เจียงมู่เฉินเสร็จ ตัวเองก็รีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว 

 

 

           หลังจากทำทุกอย่างเสร็จทั้งหมดแล้ว ซือเหยี่ยนถึงได้ลูบจมูกปอยๆ อย่างซื่อๆ “คงจะเป็นเพราะผม” 

 

 

           เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นเต็มหัวเจียงมู่เฉินเต็มไปหมด 

 

 

           “เพราะนาย?” สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที “คงจะไม่ใช่ว่าแม่ฉันบอกท่านแล้วหรอกใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนส่ายหัวด้วยท่าทีสงบนิ่ง “ไม่ใช่” 

 

 

           เจียงมู่เฉินงงไปหมดแล้ว “งั้นสรุปหมายความว่าไง” 

 

 

           “ผมไปสารภาพกับอาเจียงแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉิน “!” 

 

 

           ‘สารภาพ?’ 

 

 

           เป็นการสารภาพแบบที่เขาคิดหรือเปล่า เขาเบิกตาจ้องมองซือเหยี่ยน ทำหน้าช็อกทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เป็นการสารภาพแบบที่คุณคิดไว้แบบนั้น” 

 

 

           เจียงมู่เฉินสะดุ้งโหยงเสียเดี๋ยวนั้น รีบกดรับสายทันที 

 

 

           คุณพ่อเจียงกล่าวประโยคหนึ่งอย่างเรียบง่าย “ไสกลับมาเดี๋ยวนี้” 

 

 

           พูดจบก็วางสายไปเสียดื้อๆ  

 

 

           เหลือเพียงแค่เจียงมู่เฉินที่ถือมือถือด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ เขาเงียบไม่พูดจน แล้วยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วภายในสองวินาที “ฉันกลับไปก่อนนะ” 

 

 

           เขาเดินถึงประตู ก่อนจะหันหน้ามามองซือเหยี่ยน “ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่ติดต่อกับนาย ก็แสดงว่าฉันโดนพ่อฉันเชือดแล้ว จำไว้มาเก็บศพให้ฉันด้วย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบร้อนพูดจบประโยคนี้ ก็วิ่งออกไปทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนนั่งพิงโซฟา ยกยิ้มมุมปากด้วยความขบขัน มีหรือที่เขาจะทำใจปล่อยให้เจียงมู่เฉินโดนเชือด 

 

 

           ต่อให้คุณพ่อเจียงอยากเชือด ก็ต้องอยากเชือดเขา ไม่ใช่เจียงมู่เฉิน 

 

 

           …… 

 

 

           เจียงมู่เฉินรีบเดินทางกลับไป จอดรถที่หน้าประตูคฤหาสน์ เนื้อตัวเกร็งขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

           เขาอดจะคิดไม่ได้ว่าหลังจากกลับไปแล้วจะรุมตีทั้งคู่ 

 

 

           หรือว่ามาจะมาเดี่ยวๆ กัน 

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเข้ามาด้วยความไม่สบายใจ คุณพ่อเจียงยังไม่กลับมา มีเพียงแค่คุณแม่เจียงนั่งอยู่บนโซฟา เธอกวักมือเรียกเจียงมู่เฉินมา 

 

 

           จิตใต้สำนึกสั่งให้เจียงมู่เฉินเดินเข้าไป เขาเอ่ยเรียกด้วยความตื่นตระหนก “แม่ครับ” 

 

 

           “แม่ได้ยินมาว่าพ่อแม่ของจี้ฉิงจะแวะมาหาจี้ฉิง” 

 

 

           คุณแม่เจียงเพิ่งจะเอ่ยเปิดประเด็น เสียงแจ้งเตือนในใจเจียงมู่เฉินก็ดังขึ้นในพริบตา 

 

 

           “แม่จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้แม่จะส่งคนไปรับพวกเขา แล้วตอนเที่ยงก็จะเรียกจี้ฉิงมากินข้าวด้วยกัน” 

 

 

   

 

 

ตอนที่ 403 ไม่ใช่อาการป่วย รักษาไม่หายหรอก 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วในทันใด “พวกเราไปกินข้าวด้วยกันไม่เหมาะสมมั้งครับ” 

 

 

           คุณแม่เจียงเลิกคิ้ว “ลูกกับจี้ฉิงเป็นแฟนกัน จะไม่เหมาะสมได้ยังไงกัน แม่ว่าลูกควรจะไปพบพ่อแม่เธอตั้งแต่แรกแล้ว จี้ฉิงเด็กสาวคนนี้ดีอยู่ไม่น้อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับ “แม่ ผมกับจี้ฉิงเพิ่งจะคบกันเอง ตอนนี้ไปเจอพ่อแม่จะเร็วเกินไป ไม่เหมาะสมครับ” 

 

 

           คุณแม่เจียงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “อะไรจะเหมาะสมไม่เหมาะสม แม่ก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ลูกต้องไปให้แม่ ไม่ไปก็ต้องไป” 

 

 

           เธอเหวี่ยงประโยคนี้ใส่ ก็ฮึดฮัดออกจากห้องรับแขกไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอามือกดที่หัวตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาไม่มีเรื่องก็หาเรื่องใส่ตัว หาจี้ฉิงเล่นละครอะไรกัน ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ สลัดก็สลัดไม่หยุด 

 

 

           เป็นตัวอย่างของการย้ายหินมาทุบเท้าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

           กำลังจะเตรียมไปหารือแนวทางกับจี้ฉิง คุณพ่อเจียงก็กลับมาพอดี 

 

 

           พอเห็นคุณพ่อเจียง เจียงมู่เฉินรู้สึกเพียงแค่ขมับที่ปวดกระตุกขึ้นมา เมื่อครู่นี้เพิ่งจะรับลูกระเบิดของแม่เขาไม่พอ ตอนนี้ยังต้องมารับของพ่อเขาอีก 

 

 

           คุณพ่อเจียงกวาดสายตาเย็นชามองเจียงมู่เฉิน แล้วทิ้งประโยคหนึ่งให้ว่า “มาห้องหนังสือ” แล้วก็ขึ้นข้างบนไปทันที 

 

 

           เจียงมู่เฉินทำอะไรไม่ได้ จำใจต้องตามคุณพ่อเจียงขึ้นไปยังห้องหนังสือ 

 

 

           ทั้งสองคนเข้าห้องหนังสือไป คุณพ่อเจียงทำสีหน้าเคร่งขรึม นั่งลงบนโซฟาข้างๆ เจียงมู่เฉินก็นั่งลงตรงนั้น 

 

 

           คุณพ่อเจียงเอาแต่ไม่พูดจา เจียงมู่เฉินก็ไม่กล้าจะพูดอะไร 

 

 

           ทั้งสองคนต่างเงียบงันไม่พูดจากัน ผ่านไปไม่กี่นาที คุณพ่อเจียงถึงค่อยได้เอ่ยปากขึ้น “แกกับซือเหยี่ยน…” 

 

 

           เป็นอย่างที่คิดพอเอ่ยปากก็เป็นเรื่องของเจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนจริงๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้ปกปิดอะไร ไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง เขาพูดออกไปตรงๆ “พวกเราคบกันแล้วครับ” 

 

 

           ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนรถคุณพ่อเจียงก็ทำใจอยู่ตั้งนานแล้ว แต่เมื่อได้ยินเจียงมู่เฉินพูดแบบนี้ สุดท้ายก็ยังรับไม่ค่อยไหวอยู่ดี 

 

 

           “แก…เขา…สองคน…” คุณพ่อเจียงอ้อมโลกอยู่นานสองนาน พูดไม่ออกเลยสักคำ 

 

 

           สุดท้ายก็ยังเป็นเจียงมู่เฉินที่เอ่ยปาก “ผมรักเขา คบกับเขาก่อน พวกเราคบกันแบบมีเป้าหมายจะแต่งงานกันแบบนั้นครับ” 

 

 

           คิดไม่ถึงว่าคำพูดของพวกเขาสองคนจะเหมือนกันแบบนี้ 

 

 

           คุณพ่อเจียงเงียบงันไม่พูดจา นั่งอยู่ข้างๆ 

 

 

           “พ่อ พ่ออยากจะคัดค้านใช่ไหมครับ” 

 

 

           เมื่อคุณพ่อเจียงรู้ความจริง เหมือนจะไม่ได้ตื่นตระหนกเท่าที่เจียงมู่เฉินคิดเอาไว้ 

 

 

           ถึงอย่างไรคนที่คัดค้านเรื่องของเขากับซือเหยี่ยนก็ไม่ได้มีแค่คุณพ่อเจียงคนเดียว 

 

 

           เทียบกับแม่เขาแล้ว ท่าทีตอบสนองแบบนี้ของพ่อเขาเทียบไม่ติดอะไรเลย 

 

 

           “แกกับเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย แกกับเขาแบบนี้…” 

 

 

           คุณพ่อเจียงพูดถึงตรงนี้ ก็พูดต่อไม่ค่อยจะออกแล้ว 

 

 

           ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะสนับสนุนลูกชายตัวเอง แต่ว่าพวกเขาอยากจะเดินเส้นทางนี้ก็ยากเกินไปแล้ว 

 

 

           ถ้าหากว่าพวกเขาสองคนเป็นคนธรรมดาทั่วไป อย่างนั้นก็ช่างเถอะ 

 

 

           แต่พวกเขาไม่ใช่ ทั้งสองคนเป็นคนใหญ่คนโตในถานโจว อีกทั้งเป็นตระกูลเจียงและตระกูลซือ ถ้าหากว่าเรื่องของพวกเขาแพร่งพรายออกไป นี่จะไม่เรื่องยุ่งยากเล็กๆ น้อยๆ อีกต่อไป 

 

 

           ถึงเวลานั้น สายตาของสื่อมวลชนและคนทั่วไปจะกดพวกเขาให้จมลงไป 

 

 

           ในฐานะที่พวกเขาเป็นพ่อแม่ จะไม่อยากให้ลูกๆ ของตัวเองมีความสุขได้อย่างไร แต่สิ่งที่แลกมากับความสุขของเจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนใหญ่เกินไปจริงๆ 

 

 

           พวกเขาแก่แล้ว ไม่ได้มีเวลามากเท่าไหร่แล้ว ต่อให้ถูกคนนินทาด่าลับหลังก็ไม่เป็นไร 

 

 

           แต่เฉินเฉินกับซือเหยี่ยนไม่เหมือนกัน พวกเขายังอายุน้อยขนาดนั้น 

 

 

           พวกเขายังมีหนทางแห่งกาลเวลาให้ต้องเดินอีกยาวไกล ท่ามกลางการประณามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ พวกเขาจะเดินกันไปได้อีกนานแค่ไหน 

 

 

           คุณพ่อหลับตาลงด้วยยากลำบาก “แกกับเขาต้องคบกันให้ได้ใช่ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองคุณพ่อเจียงอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เป็นแววตาที่มีความจริงจังอย่างที่คุณพ่อเจียงไม่เคยเห็นมาก่อน 

 

 

           “พ่อครับ ผมรักเขา นี่ไม่ใช่อาการป่วย รักษาไม่หายหรอกครับ… 

 

 

           …อีกอย่าง ซือเหยี่ยนเขาไม่ได้ผิดอะไร พวกเรานอกจากเพศสภาพไม่เหมาะสม อย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไรเหมาะสม… 

 

 

           …แต่เพศภาพแล้วจะยังไง ผมชอบเขา แค่เขามีเพศสภาพเดียวกันกับผมก็เท่านั้นเอง” 

 

 

           คุณพ่อเจียงสับสนในอารมณ์ความรู้สึก ลูกชายที่ตัวเองประคับประคองไว้ในอุ้งมือมาตลอด พูดกับเขาด้วยท่าทีจริงจังแบบนี้ว่า ‘การรักซือเหยี่ยนไม่ใช่อาการป่วย’ 

 

 

           เป็นความรัก เพียงแค่ไปรักคนที่มีเพศสภาพเดียวกันกับเขาก็เท่านั้นเอง