ตอนที่ 404 ต้องเป็นซือเหยี่ยนให้ได้ / ตอนที่ 405 ต้องเจอครอบครัวแล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 404 ต้องเป็นซือเหยี่ยนให้ได้ 

 

 

           เวลาผ่านไปนาน คุณพ่อเจียงกุมขมับแล้วกุมขมับอีก 

 

 

           เขาเอ่ยเสียงต่ำ “แก ต้องเป็นซือเหยี่ยนให้ได้เลยใช่ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ต้องเป็นเข้าให้ได้ครับ” 

 

 

           พวกเขาผูกพันกันมาตั้งหลายปี ถ้าจะเลิกกันก็เลิกกันไปนานแล้ว 

 

 

           ตอนนั้นที่สูญเสียความทรงจำก็ไม่ได้แยกพวกเขาออกจากกัน ตอนนี้ยิ่งจะแยกจากกันไม่ออกแล้ว 

 

 

           คุณพ่อเจียงหยุดสักพัก ก่อนจะเอ่ย “เฉินเฉิน ถ้าแกคบกับซือเหยี่ยน ระหว่างแกกับซือเหยี่ยนจะไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป มีการแต่งงาน มีลูกเป็นเครื่องผูกมัด… 

 

 

           …ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับเขาจะเปราะบางกว่าคนอื่นมากทีเดียว มีเพียงแค่ความรักความผูกพันเป็นเครื่องผูกมัด… 

 

 

           …ถ้าหากว่ามีวันหนึ่ง ระหว่างแกกับเขาหมดความรักความผูกพันกัน ตอนนั้นถึงแม้ว่าแกจะเสียใจก็จะสายเกินไปแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองคุณพ่อเจียงที่ยากจะยอมรับได้ เขาค่อยๆ คุกเข่าลงไปต่อหน้าคุณพ่อเจียง “จะไม่มีวันนั้นหรอกครับ… 

 

 

           …พ่อ พ่อเชื่อพวกเราสักครั้งนะครับ” 

 

 

           คุณพ่อเจียงทำสีหน้าเคร่งขรึมตลอด เวลาผ่านไปนานเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากโซฟา 

 

 

           “ฉันรู้แล้ว แกให้ฉันคิดดูสักหน่อย” 

 

 

           เขาลุกยืนขึ้น เดินออกไปจากห้องหนังสืออย่างช้าๆ เจียงมู่เฉินจ้องมองดูแผ่นหลังของคุณพ่อเจียง จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าที่แท้คุณพ่อเจียงผู้สูงใหญ่ของตัวเอง สันหลังของท่านเริ่มจะโค้งงอนิดหน่อยแล้วไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน 

 

 

           ที่แท้พ่อผู้แข็งแกร่งในใจของเขาคนนั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ท่านแก่ลงทีละนิดๆ แล้ว… 

 

 

           เจียงมู่เฉินกะพริบตาปริบๆ ในใจเจ็บปวดโศกเศร้าอยู่ไม่เบา 

 

 

           …… 

 

 

           เขากลับมาที่ห้องแล้ว ถึงได้หยิบมือถือออกมาโทรหาซือเหยี่ยน 

 

 

           ซือเหยี่ยนยังคงอยู่ที่ห้องทำงานตลอด ไม่ได้ออกไปไหน เขายืนอยู่ที่หน้าหน้าต่าง ไม่รู้ว่ายืนมานานแค่ไหนแล้ว 

 

 

           เขาถือมือถือไว้ในมือ เหมือนกับรอคอยสายโทรเข้าจากเจียงมู่เฉินมาเสมอ ก้มหน้ามองอยู่บ่อยครั้ง 

 

 

           การที่เจียงมู่เฉินต้องเผชิญหน้ากับคุณพ่อเจียงแบบนี้ คนที่ยิ่งเป็นกังวลมากกว่าก็คือซือเหยี่ยน 

 

 

           ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ มือถือก็ดังขึ้นมา เพิ่งจะสั่น ซือเหยี่ยนก็กดรับสายทันที 

 

 

           เขาเอามือถือวางข้างหู แต่กลับไม่รีบร้อนจะเอ่ยปาก แล้วรอเจียงมู่เฉินอยู่อย่างนี้ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงียบไม่พูดจาอยู่หลายนาที ไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

           ซือเหยี่ยนก็ถือมือถืออยู่ในท่าเดิมไม่ไปไหน อดทนรอเจียงมู่เฉิน 

 

 

           เวลาผ่านไปนาน ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็เอ่ยปากออกมา 

 

 

           “ซือเหยี่ยน…” เขาอ้าปากพูดแต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี พูดออกมาแค่สองคำนี้ ก็หยุดชะงักลง 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น สุดท้ายก็เป็นเขาที่เป็นฝ่ายพูดเอง “โดนด่ามาใช่ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยด้วยความรู้สึกอึดอัด “เปล่า” 

 

 

           “รู้สึกผิดในใจ?” 

 

 

           ครั้งนี้เจียงมู่เฉินไม่ได้ตอบกลับไป 

 

 

           เวลาผ่านไปนาน ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ “แล้วคุณอยากจะเลิกกับผมหรือเปล่า” 

 

 

           ครั้งนี้เจียงมู่เฉินตอบสนองกลับไปรวดเร็วมาก “ไม่เลิก” 

 

 

           ก้อนหินก้อนใหญ่ในใจของซือเหยี่ยนร่วงหล่นลงไปในทันใด เพราะคำพูดนี้ของเขา 

 

 

           เขาหวาดกลัวจริงๆ เกิดเจียงมู่เฉินรับไว้ไม่อยู่ต้องเลิกกับเขาขึ้นมากะทันหัน สำหรับซือเหยี่ยนแล้ว ไม่ได้มีอะไรน่ากลัว 

 

 

           เขากลัวอยู่เพียงแค่สิ่งเดียวคือเจียงมู่เฉินอยากจะเลิกกับเขา 

 

 

           ซือเหยี่ยนโล่งใจไปที เขาเอ่ยเสียงต่ำ “พวกเราค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือถือแน่น สับสนในอารมณ์ 

 

 

           ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาเอ่ยเสียงต่ำ “ดี” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเอ่ยปลอบโยนเขาอย่างไม่หยุดหย่อน “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะคอยอยู่ข้างหลังคุณเสมอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินอ้าปากพูดอย่างยากลำบากนัก แต่กลับยังคงเอ่ยคำต่อคำด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ 

 

 

           “ซือเหยี่ยน… 

 

 

           …ฉันไม่คิดจะยอมปล่อยมือไปง่ายๆ หรอก… 

 

 

           …ดังนั้น นายเองก็จะปล่อยมือไปง่ายๆ ไม่ได้นะ” 

 

 

           ประโยคสั้นๆ แต่เจียงมู่เฉินกลับแบ่งพูดเป็นสามท่อนเต็มๆ ถึงจะพูดจบได้ 

 

 

           ทุกๆ คำที่พูดเหมือนได้ใช้แรงกายที่เขามีทั้งหมดกลั่นออกมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           ซือเหยี่ยนที่อยู่ปลายสาย หัวใจบีบคั้น เหมือนมีคนใช้มือมาบีบรัดหัวใจเขาไว้แน่น หายใจติดขัด 

 

 

           เวลาผ่านไปนาน ซือเหยี่ยนกดเก็บความเจ็บปวดที่แล่นแปลบในหัวใจ เอ่ยเน้นคำต่อคำ “ผมตัดใจปล่อยมือไม่ลงหรอก” 

 

 

           …… 

 

 

           หลังจากวางสาย ซือเหยี่ยนเงียบงันไม่พูดจายืนอยู่หน้าหน้าต่าง เวลาผ่านไปนาน เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกไป 

 

 

           “แม่ครับ แม่กับพ่อจะกลับจีนเมื่อไหร่เหรอครับ” 

 

 

           “ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะพูดกับพ่อแม่” 

 

 

           “โอเคครับ งั้นสัปดาห์หน้าเจอกันครับ” 

 

 

 

 

 

            ตอนที่ 405 ต้องเจอครอบครัวแล้ว 

 

 

           วันต่อมา คุณแม่เจียงตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว เธอรออยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นเจียงมู่เฉินลงมาสักที 

 

 

           ดูท่าว่าเวลาจะไม่ค่อยพอเท่าไหร่แล้ว ตัดสินใจขึ้นไปหาเขา 

 

 

           เธอยืนอยู่หน้าประตูเคาะประตู ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงมีเสียงเจียงมู่เฉินดังออกมา 

 

 

           “เฉินเฉิน รีบตื่นเร็วเข้า จะไม่ทันแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินนอนหลับด้วยหนังตาที่หนักอึ้ง สมองยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ทั้งยังไม่ได้ฟังอย่างละเอียดว่าคุณแม่เจียงกำลังพูดอะไรอยู่ 

 

 

           เขาตอบกลับไปส่งๆ แล้วก็นอนหลับต่ออีกครั้ง 

 

 

           ผ่านไปนานสองนาน คุณแม่เจียงก็ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวจากข้างใน ยื่นมือไปเคาะประตูอีกครั้ง “รีบตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ” 

 

 

           ถูกเร่งรัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเจียงมู่เฉินก็ตะเกียกตะกายขึ้นมาจากเตียงจนได้ 

 

 

           เขาทำหน้าง่วงๆ เดินไปเปิดประตู ก็เห็นเพียงแค่คุณแม่เจียงที่ยืนอยู่หน้าประตู 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยถามจากจิตใต้สำนึก “มีอะไรหรือเปล้าครับ มาปลุกผมแต่เช้าขนาดนี้” 

 

 

           คุณแม่เจียงถลึงตาใส่เขา “ทำไมลูกไม่เอาเรื่องนี้เก็บมาใส่ใจเลยสักนิดนะ พ่อแม่ของจี้ฉิงมาถึงสนามบินเช้าวันนี้ ต้องรีบไปรับที่สนามบิน” 

 

 

           ประโยคนี้ทำเอาเจียงมู่เฉินที่เดิมทียังไม่ตื่นดีตกใจตื่นไปด้วยแล้ว 

 

 

           เมื่อวานเขาคุยโทรศัพท์กับซือเหยี่ยนเสร็จ คิดไม่ถึงว่าจะลืมเรื่องนี้ไปเสียได้ เจียงมู่เฉินปวดหัวนิดหน่อยแล้ว 

 

 

           เขากับจี้ฉิงไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ จะไปรับที่สนามบินเพื่ออะไรกัน 

 

 

           “ผมไม่ไป แม่ก็อย่าไปเลย” 

 

 

           ในสายตาของเจียงมู่เฉิน ไม่ได้มีจุดยืนอะไรที่จะไปปรากฏตัวอยู่ที่สนามบิน เพื่อไปรับพ่อแม่ของจี้ฉิง 

 

 

           คุณแม่เจียงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “ได้ยังไงกัน แม่พูดแล้วไง ต้องไปให้ได้” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับ รู้สึกว่าแม่เขาใจแข็งเหมือนเหล็กเสียจริงๆ ต้องไปให้ได้อยู่ดี 

 

 

           “ถ้าแม่จะต้องไปให้ได้ แม่ก็ไปเองเลยครับ” 

 

 

           คุณแม่เจียงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก 

 

 

           “เจียงมู่เฉิน วันนี้ลูกต้องไปกับแม่” เธอเลือดขึ้นหน้าแล้ว 

 

 

           …… 

 

 

           สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ยังถูกจับตัวไปถึงสนามบินอยู่ดี 

 

 

           ระหว่างทางเจียงมู่เฉินส่งข้อความหาจี้ฉิง อยากจะหารือแนวทางกับจี้ฉิงสักหน่อย 

 

 

           แต่ส่งข้อความออกไป ก็ไม่มีใครตอบกลับมาเลย 

 

 

           จนกระทั่งหลังจากถึงสนามบินแล้ว จี้ฉิงถึงได้ตอบข้อความกลับมา 

 

 

           [คุณอยู่ไหน] 

 

 

[ทางออกสนามบิน รอรับพ่อแม่เธอ] 

 

 

จี้ฉิงตอบกลับเร็วมาก [ฉันจะไปถึงเดี๋ยวนี้] 

 

 

รออยู่ไม่ถึงสิบนาที จี้ฉิงก็ตามมาถึง เธอมองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง ก่อนจะถูกคุณแม่เจียงดึงตัวไป 

 

 

เดิมทั้งสองคนคิดจะหารือแนวทางกันสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคุณแม่เจียงอยู่ อย่างไรก็ไม่มีเวลาจะหารือแนวทางกัน 

 

 

เจียงมู่เฉินสีหน้าเย็นชา เอาแต่เงียบงันไม่พูดจา 

 

 

จี้ฉิงที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคุณแม่เจียงจะติดต่อพ่อแม่ของเธอ แล้วยังพาเจียงมู่เฉินมารับที่สนามบินอีก 

 

 

เมื่อเช้าเธอได้รับโทรศัพท์จากพ่อแม่ ก็รีบมาสนามบินในทันที 

 

 

จี้ฉิงเห็นสีหน้าของเจียงมู่เฉิน เธออดทนคุยกับคุณแม่เจียงเพียงไม่กี่ประโยค หาข้ออ้างให้เจียงมู่เฉินออกไปทำธุระเป็นเพื่อนเธอ 

 

 

เจียงมู่เฉินไม่ได้คัดค้านอะไร ออกไปด้วยกันกับจี้ฉิง 

 

 

ทั้งสองคนเดินห่างออกมาประมาณหนึ่ง หาที่ที่คุณแม่เจียงจะมองไม่เห็น จี้ฉิงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “นี่มันอะไรกัน” 

 

 

สีหน้าเจียงมู่เฉินเองก็ดูไม่ค่อยได้ “เธอถามฉันเหรอ” 

 

 

“คิดหาสักวิธีสิ ถ้าหากพ่อแม่ฉันเอาจริง แล้วจะทำยังไง” 

 

 

เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “แม่ฉันเอาจริงตั้งแต่แรกแล้ว” 

 

 

จี้ฉิงเอามือกดที่หัวตัวเอง ปวดหัวนิดหน่อยแล้ว 

 

 

“สารภาพกับพ่อแม่เธอ” จู่ๆ เจียงมู่เฉินก็เอ่ยเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา 

 

 

“อะ อะไรนะ” จี้ฉิงตกใจจนสะดุ้ง 

 

 

“วันนี้พ่อแม่ก็อยู่กันพอดี พวกเราสารภาพกัน พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราให้ชัดเจน” 

 

 

ความคิดทั้งหมดที่เต็มอยู่ในหัวของเจียงมู่เฉินตอนนี้คือ ถ้าเจอพ่อแม่ของเธอเสร็จแล้วจริงๆ ความสัมพันธ์ของเขากับจี้ฉิงก็ยิ่งไม่น่าจะชี้แจงแล้ว 

 

 

ถึงเวลานั้นถึงซือเหยี่ยนรู้เข้า ทุกอย่างจะยิ่งยุ่งยากกันไปใหญ่ 

 

 

เขาจำเป็นต้องกำจัดต้นตอของความวุ่นวายนี้ทิ้งไปเสีย