ตอนที่ 406 หมั้นหมายกันก่อน / ตอนที่ 407 คุณแม่เจียงเป็นลม

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 406 หมั้นหมายกันก่อน 

 

 

           จี้ฉิงครุ่นคิด ถึงแม้ว่าเวลาจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าให้เรื่องมันวุ่นวายไปถึงจุดที่ตามเก็บตามเช็ดยากแล้ว 

 

 

           “พวกเรารอจังหวะเหมาะๆ ลงมือกัน” จี้ฉิงเห็นเจียงมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะกำชับอีก “รับปากฉัน เดี๋ยวฉันจะพูดเอง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ “ถ้าเธอพูดแล้วแก้ปัญหาได้ ก็ได้” 

 

 

           บอกแฝงเป็นนัยว่า ถ้าแก้ปัญหาไม่ไหว เขาจะลงมือเอง 

 

 

           จี้ฉิงเอามือกดที่หัวตัวเอง จำใจต้องยอมตกลงไปก่อน 

 

 

           ทั้งสองคนกลัวว่ายืดเวลาเกินไปจะทำให้คุณแม่เจียงสงสัยได้ ด้วยเหตุนี้พูดจบจึงรีบกลับไปทันที 

 

 

           เพียงไม่นานพ่อแม่ของจี้ฉิงก็ลงเครื่องมา หลังจากรับพวกท่านแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่จองไว้ทันที 

 

 

           …… 

 

 

           อีกด้านหนึ่ง ไป๋จิ่งมาถึงห้องทำงานของซือเหยี่ยนแต่เช้าตรู่ 

 

 

           รอซือเหยี่ยนมาโดยไม่บอกไม่กล่าว รออยู่นานสองนาน ในที่สุดซือเหยี่ยนก็มา 

 

 

           เขาเห็นไป๋จิ่งที่ยืนอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ก็ชะงักงันไป “นายมาหาฉันแต่เช้าขนาดนี้ มีธุระอะไรเหรอ” 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นซือเหยี่ยนมาแล้ว ก็ยืนขึ้นทันที “ฉันต้องการจะไปจากที่นี่พักใหญ่ๆ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ไปไหน” 

 

 

           “มั่วไป๋ไปอเมริกาแล้ว ฉันต้องไปตามหาเขา” 

 

 

           หลังจากวันนั้นที่ออกจากสนามบินมา ไป๋จิ่งก็รีบไปดำเนินการเรื่องวีซ่าอย่างเร่งด่วนทันที เตรียมทุกอย่างพร้อมเสร็จสรรพ 

 

 

           เขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปตามหามั่วไป๋ 

 

 

           ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็จะต้องทำให้มั่วไป๋อภัยเขาให้ได้ 

 

 

           คำพูดของไป๋จิ่งทำให้ซือเหยี่ยนค่อนข้างจะประหลาดใจเล็กน้อย “นายต้องการจะไปอเมริกา?” 

 

 

           “อืม วันนี้เที่ยวบินตอนบ่ายนี้เลย” 

 

 

           “กะทันหันขนาดนี้เชียว” 

 

 

           ไป๋จิ๋งฝืนยิ้ม “ฉันควรจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเขา ผ่านไปครู่ใหญ่ก็พยักหน้าเอ่ยขึ้น “ไปเถอะ ทางนี้มีฉันอยู่” 

 

 

           ไป๋จิ่งมองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง แล้วยกมุมปากขึ้น “ขอบใจนะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “เอาเถอะ พวกเราสองคนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรพวกนี้อยู่แล้ว” 

 

 

           ไป๋จิ่งพูดจบ ก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก เขาออกจากห้องทำงานไปทันที 

 

 

           เขาเดินออกจากตึกอันใหญ่โตของบริษัทมาเพียงคนเดียว ข้างนอกแสงแดดแรงมาก ตกกระทบบนร่างกายของไป๋จิ่ง ความอบอุ่นแสนราบเรียบแผ่ซ่านออกมา 

 

 

           ไป๋จิ่งเงยหน้าขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ มองดูแสงแดดข้างบน เชิดมุมปากเล็กน้อยยิ้มหัวเราะ 

 

 

           ‘ถึงแม้จะช้าไปไม่กี่วัน… 

 

 

           …แต่ว่ารอผมนะ’ 

 

 

           …… 

 

 

           พ่อแม่ของจี้ฉิงพอใจในตัวเจียงมู่เฉินเป็นพิเศษ รูปร่างหน้าตาดี ชาติตระกูลดี ไม่มีตรงไหนให้จับผิดอะไรได้อยู่แล้ว 

 

 

           พินิจมองสังเกตดูเจียงมู่เฉินมาตลอดทางไม่มีหยุด 

 

 

           ถึงอย่างไรก็คือผู้อาวุโส อีกอย่างก็เป็นเพราะเขากับจี้ฉิงสร้างเรื่องบ้าบอพวกนี้ขึ้นมาเอง ดังนั้นเขาจึงรักษามารยาทที่ควรพึงมีไว้มาตลอดทาง 

 

 

           พวกเขามาถึงโรงแรมที่จองไว้เรียบร้อย จากนั้นก็เข้าไปนั่งในห้องรับรอง 

 

 

           พ่อแม่ของจี้ฉิงมองเจียงมู่เฉิน รู้สึกดีใจอย่างออกหน้าออกตา คุณแม่เจียงเห็นแบบนี้แล้ว ก็มีแผนในใจ 

 

 

           ดูท่าว่าวันนี้ถ้าจะตกลงให้เป็นเรื่องเป็นราวกัน บรรยากาศก็กำลังเหมาะเจาะพอดี 

 

 

           หลังจากรออาหารเริ่มทยอยกันมาเสิร์ฟถึงที่โต๊ะ คุณแม่เจียงถึงได้เอ่ยปากขึ้น “เฉินเฉินของเรากับเสี่ยวฉิงช่างเหมาะสมกันจริงๆ เลยนะคะ” 

 

 

           คุณแม่จี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มในทันใด “ใช่ค่ะๆ ชายเก่งหญิงงาม กิ่งทองใบหยก” 

 

 

           “ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่เฉินเฉินไม่อยู่ โชคดีที่มีเสี่ยงฉิงคอยอยู่เป็นเพื่อนฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคนเดียวน่าเบื่อแย่เลยค่ะ” 

 

 

           “ฉิงฉิงกตัญญูตั้งแต่เล็กๆ แล้วค่ะ เป็นเด็กดีที่พบได้ยากคนหนึ่ง” 

 

 

           “เฉินเฉินของเราตั้งแต่เล็กจนโต ไม่มีคนที่ชอบมาตลอด ฉันเอาแต่เป็นห่วงเขาที่ยังหาแฟนสาวยังไม่เจอสักที คิดไม่ถึงว่าจะหาผู้หญิงที่ดีพร้อมขนาดนี้อย่างเสี่ยวฉิงเจอได้” 

 

 

           “เฉินเฉินก็ดีนะคะ เป็นฉิงฉิงของเราเองที่โชคดี หาแฟนหนุ่มที่ดีพร้อมขนาดนี้อย่างเฉินเฉินได้” 

 

 

           คุณแม่จี้กับคุณแม่เจียงสองคนรับส่งกันไปกันมา พูดคุยกันอย่างมีความสุขกันเป็นที่สุด 

 

 

           เจียงมู่เฉินกุมขมับ ใจร้อนไม่เป็นสุขแล้ว เขาเอียงหน้ามองจี้ฉิงแวบหนึ่ง 

 

 

           จี้ฉิงเองก็อึดอัดไม่สบายใจเช่นกัน เธออยากพูดอยู่ แต่บรรยากาศในตอนนี้เป็นแบบนี้ เธอจะพูดได้ยังไงกัน 

 

 

           เธอมองเจียงมู่เฉินด้วยสีหน้าลำบากใจ 

 

 

           ‘พูดไม่ออกจริงๆ นี่’ 

 

 

           เวลานี้อาหารก็มาเสิร์ฟจนครบพอดี จี้ฉิงรีบเอ่ยขึ้นทันที “คุณน้า แม่พ่อ กินอาหารกันก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดนะคะ” 

 

 

           “ดีๆๆ กินข้าวกันก่อน” 

 

 

           พวกเขากินอาหารกันไปไม่กี่คำ จู่ๆ คุณแม่เจียงก็เอ่ยขึ้นมา “ไม่กี่วันมานี้ฉันคิดเรื่องๆ หนึ่งอยู่ตลอด วันนี้คุณสองคนก็อยู่พอดี ฉันเลยอยากจะถามคุณสองคนก่อนค่ะ” 

 

 

           “คุณมีเรื่องอะไรว่ามาเลยค่ะ” 

 

 

           “เฉินเฉินของเราก็โตแล้ว พวกเขาสองคนก็คบกันมาสักพักหนึ่งแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อกันก็ดี” 

 

 

           คุณแม่เจียงหยุดลงสักพัก ก่อนเอ่ยต่อ “ฉันคิดดูแล้ว ตอนนี้เด็กทั้งสองคนนี้ยุ่งกันมากทั้งคู่ ถ้าอย่างนั้นก็หมั้นกันไปก่อนจะดีกว่า แล้วหาวันที่เหมาะสม ตกลงเรื่องแต่งงาน รอเวลาหลังจากนั้นที่เหมาะสมค่อยแต่งงานกัน” 

 

 

            

 

 

       ตอนที่ 407 คุณแม่เจียงเป็นลม 

 

 

           คุณแม่เจียงพูดอย่างนี้ออกมา สีหน้าของเจียงมู่เฉินก็เย็นชาในพริบตา 

 

 

           จี้ฉิงเองก็มีสีหน้าตกอกตกใจเช่นเดียวกัน 

 

 

           ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าคุณแม่เจียงจะพูดแบบนี้ ต้องการให้เธอกับเจียงมู่เฉินหมั้นกัน 

 

 

           “คือว่า…” จี้ฉิงรีบเอ่ยปาก “คุณน้าคะ นี่ไม่ดีหรอกมั้งคะ” 

 

 

           ทันทีที่คุณแม่จี้ได้ยิน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ “แม่กลับรู้สึกว่าไม่เลวเลยนะ ถึงยังไงไม่ช้าก็เร็วพวกลูกก็ต้องแต่งงานกัน สู้ตอนนี้หมั้นกันก่อนจะดีกว่า” 

 

 

           เธอหันมามองจี้ฉิงและเจียงมู่เฉิน “แม่รู้ว่าตอนนี้พวกลูกยังเป็นวัยหนุ่มวัยสาวกันอยู่ ไม่อยากให้การแต่งงานผูกมัดกันเร็วขนาดนั้น แต่การแต่งงานเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องตกลงกันตั้งแต่เนิ่นๆ” 

 

 

           คุณพ่อจี้เองก็พยักหน้าด้วยเช่นเดียวกัน “พ่อว่าตกลงกันก่อนก็ไม่เลว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินฟังพวกเขาพูด ‘ตกลงเรื่องแต่งงาน’ กับปากต่อปากแบบนี้ เขาก็ยืนขึ้นมา “ขออภัยครับ ผมไม่เห็นด้วย” 

 

 

           ทุกคนในที่นี้ทั้งหมดต่างก็มองเจียงมู่เฉินด้วยความตกตะลึง 

 

 

           รวมถึงจี้ฉิงเองก็ทำหน้างุนงง เธอคิดไม่ถึงว่าเจียงมู่เฉินจะพูดโพล่งขึ้นมาตรงๆ ปฏิเสธกันซึ่งๆ หน้าได้ขนาดนี้ 

 

 

           “เฉินเฉิน หมายความว่าไงกัน” 

 

 

           จี้ฉิงรีบยืนขึ้นมาทันที “คุณน้าคะ หนูกับเจียงมู่เฉินยังคบกันได้ไม่นาน จะมาหมั้นกันเร็วขนาดนี้ไม่ดีหรอกมั้งคะ” 

 

 

           “ถึงพวกลูกจะคบกันไม่นาน แต่ความรู้สึกไปกันได้ดี ความรู้สึกที่ดีต่อกันกับเรื่องเวลาไม่เกี่ยวกันหรอกนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินหันมองจี้ฉิงแวบหนึ่ง บอกเป็นนัยว่า ‘ถ้าเธอไม่พูด ฉันจะพูดเอง’ 

 

 

           จี้ฉิงกลัวเจียงมู่เฉินจะพูดเรื่องที่พวกเขาคบกับหลอกๆ ออกมา 

 

 

           เธอรีบพูดขึ้นมาทันที “หนูกับมู่เฉินกำลังช่วงขาขึ้นในหน้าที่การงาน จะประกาศเรื่องหมั้นตอนนี้จะไม่ค่อยดีค่ะ รอกันไปอีกสักพักดีกว่าไหมคะ” 

 

 

           คุณแม่เจียงสีหน้าบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย “เรื่องการหมั้นจะไม่กระทบการงานของพวกลูกหรอก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือแน่น จู่ๆ เขาก็เอ่ยปากขึ้น “ผมมีเรื่องบางเรื่อง วันนี้ก็อยู่ที่นี่กับพอดี ขอทุกท่านอภัยผมด้วยนะครับ” 

 

 

           เมื่อจี้ฉิงได้ยินคำเปิดทางแบบนี้ เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกได้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่เห็นท่าไม่ดีแล้ว 

 

 

           “เจียงมู่เฉิน…” 

 

 

           ครั้งนี้เจียงมู่เฉินไม่คิดจะหยุด เขาพูดต่อไปทั้งอย่างนี้ “การคบกันระหว่างผมกับจี้ฉิงเป็นเรื่องโกหก” 

 

 

           เขาโยนระเบิดลงไปลูกหนึ่งอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย 

 

 

           ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจ ก็โยนใส่ไปอีกลูกหนึ่ง “คนที่ผมชอบเป็นอีกคนหนึ่ง” 

 

 

           “เฉินเฉิน! ลูกพูดอะไรซี้ซั้วออกมา” คุณแม่เจียงแผดเสียงตำหนิ 

 

 

           เจียงมู่เฉินไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้ เขามองทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองนี้ด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ขออภัยด้วยนะครับ ที่จริงผมควรจะบอกพวกท่านให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ทำให้พวกท่านยุ่งยากกันมากกว่าเดิม” 

 

 

           พูดจบ เขาก็ออกจากห้องรับรองนี้ไปเลย 

 

 

           เป็นเวลานานที่คุณพ่อจี้และคุณแม่จี้ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา “นี่ นี่มันอะไรกัน” 

 

 

           จี้ฉิงแข็งเป็นหินไปแล้ว ไม่กล้ามองหน้าคุณพ่อจี้ คุณแม่จี้ และคุณแม่เจียงแล้วจริงๆ 

 

 

           เธอยืนค้างอยู่ที่ประโยคนั้น พูดอะไรไม่ออกสักคำ  

 

 

           เวลาผ่านไปนาน เป็นคุณพ่อจี้เองที่มีท่าทีตอบสนองมาก่อน เขากดเสียงต่ำเอ่ยขึ้น “ฉิงฉิง ตกลงแล้วระหว่างลูกกับเขาเกิดอะไรขึ้น” 

 

 

           จี้ฉิงกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก เธอมองคุณแม่เจียงผู้ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักหน่วงที่อยู่ข้างๆ “ขออภัยด้วยนะคะ ความสัมพันธ์แบบคนรักกันระหว่างหนูกับเจียงมู่เฉิน เป็นเรื่องโกหกจริงๆ ค่ะ” 

 

 

           พูดประโยคนี้จบ คุณแม่เจียงก็หน้าซีดลงทันที หายใจไม่ทัน เป็นลมล้มพับไปทั้งอย่างนี้ 

 

 

           ทันทีที่จี้ฉิงเห็นก็ตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น 

 

 

           “คุณน้าคะ คุณน้า คุณน้าไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” จี้ฉิงรีบพุ่งตัวเข้าไปหา 

 

 

           คุณพ่อจี้ คุณแม่จี้เห็นทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด คุณพ่อเจียงยังถือว่าพอใจเย็นอยู่บ้างจึงรีบเอ่ยออกมา “รีบเรียกรถโรงพยาบาลเร็วเข้า พาตัวคนส่งไปโรงพยาบาล”   

 

 

           เวลานี้เองจี้ฉิงถึงเพิ่งจะได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา รีบโทรเรียกรถพยาบาลมา 

 

 

           ยังดีที่ใช้เวลาไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง รีบนำส่งตัวคนไปยังโรงพยาบาล 

 

 

           ระหว่างทางไปโรงพยาบาล จี้ฉิงโทรหาเจียงมู่เฉินอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีคนรับสายทั้งสิ้น 

 

 

           จี้ฉิงกำมือแน่น ร้อนรนจนไม่ไหวแล้ว 

 

 

           ‘ทำไมไม่รับสายสักที รีบรับสายเข้าสิ’