บทที่ 1413 วิญญาณอมตะกลายพันธุ์

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ภูตราชสีห์!

 

สิงโตตัวนี้กินดวงวิญญาณเป็นอาหาร

 

ในยุคของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันถือเป็นสัตว์อสูรที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ในยุคปัจจุบันมันเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่หาได้ยาก

 

แท้จริงแล้วภูตราชสีห์เป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากของเทพปีศาจจิตวิญญาณในวัยหนุ่ม

 

เพราะมันสามารถต่อต้านวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ก่อนที่เทพปีศาจจิตวิญญาณจะกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า เขาใช้เพียงวิธีการบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามหลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถสังหารมัน เขาได้ทำวิจัยและได้รับผลประโยชน์มหาศาล

 

ในช่วงเวลาที่เทพปีศาจจิตวิญญาณบรรลุระดับแปด เขามักจะจับภูตราชสีห์มาทดลอง สุดท้ายจึงสามารถสร้างวิธีกลืนกินดวงวิญญาณได้สำเร็จ

 

ภูตราชสีห์มีชื่อเสียงมาก เมื่อมันปรากฏตัว ช่วยไม่ได้ที่นางรำหงหยุนจะตกใจ

 

แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับบอกนาง “อย่ากังวล ภูตราชสีห์ตัวนี้ไม่โดดเด่น มันอ่อนแอมาก มันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดี เราสามารถสู้กับมันได้”

 

นางรำหงหยุนสงบลงเมื่อได้ยินเรื่องนี้

 

นางรำหงหยุนพิจารณาและพบว่ามันอ่อนแอจริง นางคิด ‘เจตจำนงของสามีมีเพียงวิญญาณอมตะระดับแปดและพลังงานอมตะจำนวนหนึ่ง เขาไม่มีวิธีการตรวจสอบที่ดีในเวลานี้ แต่เขายังสามารถเปิดเผยจุดอ่อนของภูตราชสีห์ได้ทันที ในทางตรงข้าม ข้ามีวิธีการต่างๆมากมาย แต่ข้ากลับตกตะลึงและไม่สามารถตอบสนอง ช่างน่าละอายนัก’

 

หลังจากสงบจิตใจ เมฆสีแดงพานางบินเป็นเส้นโค้งเพื่อหลบเลี่ยงภูตราชสีห์

 

ในไม่ช้านางก็ออกห่างจากมัน

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ภูตราชสีห์ตัวนี้อยู่ในสภาพที่ไม่ดี หากมันยังเหลือพลังสามสิบส่วน เจ้าคงหนีไม่พ้น”

 

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงหัวเราะและลอยออกมาปรากฏตัวข้างๆนางรำหงหยุน

 

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงส่งพลังงานอมตะให้วิญญาณอมตะระดับแปด

 

กลิ่นอายของมันปะทุขึ้น

 

ทันใดนั้นคลื่นพลังลึกลับก็พุ่งเข้าโจมตีภูตราชสีห์

 

ในเวลาต่อมาภูตราชสีห์ก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่หางของมันกลายเป็นอสรพิษ

 

อสรพิษเลื้อยพันรอบตัวภูตราชสีห์และกัดมันด้วยเขี้ยวพิษ

 

ภูตราชสีห์กวักแกว่งกรงเล็บของมันไปที่ศีรษะอสรพิษ แต่อสูรพิษตัวนี้กลับแข็งแกร่งมาก มันสามารถต่อต้านกรงเล็บราชสีห์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

ภูตราชสีห์กระพือปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าขณะต่อสู้กับอสรพิษตัวนี้

 

นางรำหงหยุนเฝ้ามองการต่อสู้อย่างระมัดระวัง

 

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงใช้วิญญาณระดับแปดโจมตีภูตราชสีห์อย่างต่อเนื่อง

 

ในไม่ช้าต้นไม้ก็เริ่มเติบโตขึ้นบนร่างของมัน

 

นี่คือต้นภูตผีร่ำไห้

 

รากของมันดูดกลืนสารอาหารจากร่างกายของภูตราชสีห์

 

นั่นทำให้มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันโจมตีต้นภูตผีร่ำไห้และทำลายศีรษะอสรพิษ

 

ภูตราชสีห์อยู่ในสภาพที่เลวร้ายมากและตอนนี้มันยังได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

‘นี่คือวิญญาณอมตะกลายพันธุ์! มันจะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดกลายพันธุ์!’

 

‘ภูตราชสีห์ทำลายอสรพิษและต้นภูตผีร่ำไห้ แต่แท้จริงแล้วมันกลับสร้างความเสียหายให้กับตัวมันเอง’

 

นางรำหงหยุนเฝ้ามองการต่อสู้ด้วยหัวใจที่สั่นไหว แม้นางจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณอมตะกลายพันธุ์อยู่บ้าง แต่หลังจากได้เห็นด้วยตาของตนเอง นางยังรู้สึกอัศจรรย์ใจ

 

เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ดังคาด ภูตราชสีห์ตัวนี้ไม่ปกติ มันมีอาการบาดเจ็บภายใน มันมีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับสัตว์อสูรบรรพกาลเท่านั้น ปีกของมันไร้ประโยชน์ แปลก…มันไม่ควรขาดอาหารในทะเลทรายผีเขียว”

 

แม้เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจะสงสัยแต่เขาก็ยังไม่หยุดโจมตี

 

วิญญาณอมตะกลายพันธุ์ระดับแปดถูกกระตุ้นใช้งานอีกครั้ง

 

คราวนี้ดวงตาข้างขวาของภูตราชสีห์กลายเป็นผึ้งพิษ

 

ผึ้งไม่ได้บินหนีไป มันยกเหล็กในพิษของมันขึ้นและแทงไปที่เบ้าตาของภูตราชสีห์ สุดท้ายจึงเจาะทะลวงเข้าไปในสมอง

 

“โฮก…”

 

ภูตราชสีห์กรีดร้องด้วยความสิ้นหวัง แต่ความทุกข์ทรมานของมันยังไม่สิ้นสุด

 

ในไม่ช้าภายใต้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะกลายพันธุ์ระดับแปด กรงเล็บและฟันของมันก็เติบโตขึ้นจนกลายเป็นพืชอสูรบรรพกาล

 

ภูตราชสีห์กระพือปีกและพยายามหลบหนี

 

แต่นางรำหงหยุนไม่ยอมปล่อยมันไป สุดท้ายภูตราชสีห์ก็ร่วงลงสู่พื้นทราย

 

เมื่อฝุ่นควันจางหาย ภูตราชสีห์ก็นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้น มันตายแล้ว

 

“ไปเก็บกวาดสนามรบ” เจตจำนงของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกลับเข้าสู่ร่างของนางรำหงหยุนพร้อมกับวิญญาณอมตะ

 

ดวงตาของนางรำหงหยุนส่องประกายขึ้น นางแทบกระโดดเข้าไปหาซากศพของภูตราชสีห์ทันที

 

“ข้ารวยแล้ว!”

 

“นี่คือซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่หายากกระทั่งในสวรรค์สีเหลือง มันสามารถนำไปหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด!”

 

นางรำหงหยุนเริ่มดำเนินการเก็บศพอย่างรวดเร็ว

 

แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เผชิญหน้ากับศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด นางยังไม่สามารถชำแหละร่างมันได้อย่างง่ายดาย

 

หลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก นางรำหงหยุนจึงสามารถผ่าครึ่งร่างของมัน

 

“น่าเสียดายที่ส่วนที่กลายพันธุ์ไม่สามารถใช้งานได้ พวกมันไร้ค่า หือ?”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่นางรำหงหยุนพบฮันหลี่โดยไม่คาดคิด

 

ฮันหลี่หมดสติไปแล้วและอยู่ในสภาพใกล้ตาย

 

“เหตุใดถึงมีผู้ใช้วิญญาณมนุษย์อยู่ที่นี่?” นางรำหงหยุนพบว่ามันแปลก นางหัวเราะ “ข้าควรเรียกเจ้าว่าคนโชคดีหรือคนโชคร้าย? เจ้าถูกกินโดยสัตว์อสูรแรกกำเนิดแต่เพราะมันคือภูตราชสีห์ที่กินเพียงดวงวิญญาณ ด้วยร่างกายที่มีชีวิต เจ้าจึงรอดมาได้จนถึงตอนนี้ หากนี่เป็นสัตว์อสูรทั่วไป เจ้าคงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว”

 

นางรำหงหยุนคว้าร่างของฮันหลี่ออกมาและค้นวิญญาณ

 

“หือ? สหายน้อยผู้นี้ชื่อฮันหลี่? แม้เขาจะไม่มีพื้นฐาน แต่โชคของเขายอดเยี่ยมจริงๆ”

 

“นี่คือ…มรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเจิ้งหยวนซืองั้นหรือ!?”

 

ดวงตาของนางรำหงหยุนเบิกกว้างขึ้นขณะที่นางรู้สึกหายใจลำบาก