ตอนที่ 455 โดนบังคับ / ตอนที่ 456 ถึงสนามม้า

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 455 โดนบังคับ

 

 

สองสามวันนี้เหยียนเค่อและเสิ่นมั่วหลีใช้ชีวิตอยู่ติดบ้านทั้งวัน

 

 

โดยรวมแล้วเสิ่นมั่วหลีพึงพอใจในตัวเหยียนเค่อมาก เพราะว่าเขาไม่ต้องไปกินข้าวที่โรงอาหาร เอาวัตถุดิบสดไปทิ้งอีกต่อไป ใช้เวลาส่วนใหญ่เมื่อไม่มีสอนอยู่ที่บ้านได้

 

 

วันนี้เหยียนเค่อจะออกไปเซ็นสัญญากับสวีอันหราน จึงบอกเสิ่นมั่วหลีล่วงหน้าแล้วเมื่อคืน

 

 

ตอนนั้นเสิ่นมั่วหลีตอบรับอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าตอนไปกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหาร ตนจะรู้สึกปรับตัวไม่ค่อยได้ ความเคยชินเป็นสิ่งน่ากลัวจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วฝึกขี่ม้าไปแล้วสี่ห้ารอบ อาจจะเป็นเพราะว่าฝึกหนักเกินไป ขาอ่อนด้านในของเธอจึงถลอกปอกเปิกไปหมด เธอเริ่มสงสัยคำพูดที่เหยียนเค่อพูดกับเธอ อะไรคือการบอกว่าครั้งแรกจะเนื้อถลอก นี่มันถลอกทุกครั้งเลยต่างหาก

 

 

แต่สุดท้ายเธอก็หนีไม่พ้นความเจ็บปวดที่เนื้อถลอกอีกครั้ง โดนสวีรั่วชีที่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าดึงตัวออกจากผ้าห่มแสนอบอุ่นตั้งแต่เช้าตรู่

 

 

“เธอจะทำอะไร!” เสียงขึ้นจมูกทำให้คนฟังรู้สึกจักจี้หัวใจ

 

 

สวีรั่วชีทนไม่ไหว รีบผลักเธอเข้าห้องน้ำ “รีบจัดการตัวเองซะ ผู้หญิงพวกนั้นกำลังรอเราอยู่นะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เคยเข้าใจหลักเหตุผลที่ว่า ‘เป็นคนต้องอยู่อย่างมีปณิธาน’ เธอรู้แต่ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฟ้าประทานมาให้แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นอันหร่านหรือว่าสวีรั่วชีต่างก็บีบบังคับให้เธอคว้าปณิธานนี้เอาไว้

 

 

“ทำไมต้องสนใจพวกเขาด้วยล่ะ ฉันยังอยากนอนต่อนะ!” ซย่าเสี่ยวมั่วหมุนตัวเดินกลับไปล้มตัวนอนลงบนเตียง

 

 

“รีบลุกขึ้นมาเลย!” เธอดึงเสื้อนอนของซย่าเสี่ยวมั่ว ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นมา พอปล่อยมือ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก็ลงไปนอนนิ่งอีกครั้ง

 

 

สวีรั่วชีโมโหจนเอามือเท้าสะเอวแล้วเป่าผมหน้าม้าของตัวเอง รู้สึกว่าเธอต้องตายเพราะยายนี่เข้าสักวัน

 

 

“เธอใส่ชุดนนี้”

 

 

เพราะความพยายามมหาศาลของสวีรั่วชี ซย่าเสี่ยวมั่วจึงลุกขึ้นมาจากเตียงได้ แต่สุดท้ายกลับต้องมาโดนบังคับยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

 

“เราจะไปขี่ม้ากันไม่ใช่เหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเสื้อเชิ้ตตัวยาวเก็บเอวแล้วปากอ้าตาค้าง

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ ตัวนี้เป็นเคอลเลคชั่นขี่ม้าที่แบรนด์นี้เพิ่งออกมาใหม่เลยนะ”

 

 

“ไป-ตาย!” ซย่าเสี่ยวมั่วหน้ายุ่ง สะบัดหน้าปฏิเสธ

 

 

ใส่ชุดรัดเอวแบบนี้จะไม่รัดเธอตายหรือไง ขนาดหายใจยังต้องออกแรง ให้ตายซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ใส่หรอก

 

 

“เชื่อฉัน”

 

 

“ฉันไม่ใส่ชุดรัดเอว” ซย่าเสี่ยวมั่วคำนึงถึงความปลอยภัยในชีวิตของตัวเอง ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

 

 

“เดี๋ยวตอนขี่ม้าเราก็ต้องไปเปลี่ยนชุดน่า”

 

 

“จะช้าเร็วก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี ทำไมฉันต้องใส่ด้วย”

 

 

“ก็ใส่ชุดสวยๆ ไง เสื้อเชิ้ตตัวนี้ไม่มีที่เก็บเอว ขี้เหร่จะตาย”

 

 

“ฉันไม่สน”

 

 

สวีรั่วชีขบฟัน ไม่ว่าเธอจะสรรหาเหตุผลอะไรมาพูดก็ไม่มีประโยชน์เลยใช่ไหม เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยค่อนแคะ “เธอนมเล็กไม่รู้ตัวหรือไง ต้องให้ฉันเอาความจริงมาพูดอีก!”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนพูดกระแทกจนจุก มองเธออย่างไม่เชื่อสายตา “เธอว่าไงนะ!”

 

 

“ยังอยากให้ฉันพูดซ้ำอีกเหรอ” สวีรั่วชีใส่พลังเต็มที่ “ไปเปลี่ยนชุดเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่โดนทำร้ายจนเจ็บหนักหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนอย่างน้อยใจ

 

 

คนนิสัยไม่ดีพวกนี้ รังแกเธอทุกวันเลย

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วผูกเชือกที่เอวข้างหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ สวีรั่วชียื่นมือเข้ามาจับมือของตนออก ซย่าเสี่ยวมั่วนึกว่าเธอจะคลายเชือกผูกให้สักหน่อย ขณะกำลังจะเอ่ยขอบคุณ บริเวณชายโครงก็รัดแน่นขึ้นมาทันที รัดจนเธอเกือบจะขาดอากาศหายใจ

 

 

สวีรั่วชีรัดแน่นขึ้นอีกอย่างไม่ปราณี ก่อนจะผูกปมไว้ข้างหน้า

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนโครงเล็ก ถึงสวีรั่วชีจะออกแรงเยอะ แต่สำหรับคนตัวเล็กอย่างซย่าเสี่ยวมั่วก็แค่รู้สึกแน่นนิดๆ เท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นกดทับชายโครงแต่อย่างใด

 

 

ขนาดจะไอซย่าเสี่ยวมั่วยังรู้สึกเหนื่อย ไม่กล้าหายใจแรง กำลังจะยื่นมือออกไปคว้ากางเกงลำลอง สวีรั่วชีพุ่งไปหยิบกางเกงตัวนั้นไปโยนไว้อีกฝั่ง แล้วหยิบกางเกงรัดรูปที่เธอเตรียมไว้มาโยนให้ซย่าเสี่ยวมั่วแทน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโชว์ต้นขาขาวๆ ด้านในที่บวมแดงเนื้อถลอกให้เธอดู รู้สึกว่ายายคนนี้ช่างไร้เหตุผลเสียจริง “เธออยากให้บนกางเกงเป็นรอยพลาสเตอร์หรือไง”

 

 

สวีรั่วชีคือเพื่อนสาวที่แท้จริง หลังจากแปะพลาสเตอร์ให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้เธอใส่กางเกงรัดรูปตัวนั้นอยู่ดี

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 456 ถึงสนามม้า

 

 

สวีรั่วชีก็สงสารซย่าเสี่ยวมั่วเหมือนกัน แต่เพื่อต้องรักษาหน้าจึงจำต้องใจร้ายกับซย่าเสี่ยวมั่วสักหน่อย เธอหยิบกางเกงลำลองมาด้วยเช่นกัน ตอนขี่ม้าซย่าเสี่ยวมั่วจะได้ใส่ไว้ด้านในชุดขี่ม้าได้

 

 

ความจริงซย่าเสี่ยวมั่วรูปร่างดีมาก ไม่ได้ดูแย่อย่างที่สวีรั่วชีพูดเลย ชุดที่เก็บเอวเช่นนี้ทำให้เธอดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก สองขาเรียวสวยที่มองแล้วก็อยากจะเข้าไปลูบคลำ

 

 

สวีรั่วชีชื่นชมผลงานศิลปะของตัวเองอย่างพึงพอใจ และก่อนหน้านี้ก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักสองรูปแล้ว

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วสวมรองเท้าส้นสูงสิบสองเซนฯ เดินตามหลังสวีรั่วชี ใบหน้ายิ้มแย้มแต่ภายในใจเปี่ยมไปด้วยน้ำตา

 

 

“ตอนฉันให้เธอไปนัดบอดเป็นเพื่อนได้ขอให้ใส่ชุดนั้นชุดนี้ด้วยหรือไง”

 

 

“เปล่า” สวีรั่วชีกอดอก ก่อนจะอธิบายเสียงแข็ง “นั่นก็เพราะว่าเธอไม่ขอเอง แต่เธอจะมาลดข้อกำหนดฉันไม่ได้”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหมดคำจะโต้ตอบ ซอยเท้าก้าวตามหลังเธอไปขึ้นรถ

 

 

เวลาเจ็ดโมงเช้า ท้องฟ้าสีคราวสดใสในแถบชานเมือง ต้นหญ้าโดนหยาดน้ำค้างปกคลุมจนโอนอ่อนไปตามพื้น

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก้าวเหยียบไปบนพื้นหญ้าแล้วรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย บางคราก็มีสายลมอ่อนๆ พัดชายเสื้อตัวยาวของเธอ ถ้ามาถ่ายรูปแฟชั่นซย่าเสี่ยวมั่วคงจะมีความสุขเป็นแน่ แต่กลับต้องมาขี่ม้า จึงทำให้อารมณ์ของเธอขุ่นมัวลง

 

 

“ไปได้แล้ว” สวีรั่วชีไม่รู้ว่าเธอมัวแต่อิดออดอะไรอยู่

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเร่งฝีเท้าเดินตามอีกสองสามก้าว จนห่างกับสวีรั่วชีแค่ระยะหนึ่งช่วงแขน

 

 

“ทำไมไปยืนซะห่างเลยล่ะ!” สวีรั่วชีคล้องแขนเธอก่อนจะกระซิบข้างหู “วันนี้ก็ฝากด้วยนะ”

 

 

ทีตอนนี้ล่ะจะมาพึ่งฉัน ซย่าเสี่ยวมั่วเหลือบมองเธอ ก่อนจะแสร้งทำท่าแสดงความรักต่อกันแล้วเดินไปข้างใน

 

 

ช่วงนี้ซย่าเสี่ยวมั่วมาที่สนามม้าบ่อย พนักงานเหล่านั้นก็รู้จักซย่าเสี่ยวมั่วกันหมดแล้ว แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นซย่าเสี่ยวมั่วมาที่สนามม้าด้วยสภาพที่สวยขนาดนี้

 

 

“วันนี้สวยจังเลยนะครับ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยิ้มแล้วถอยให้สวีรั่วชี “เพื่อนฉันสวยกว่าอีกค่ะ”

 

 

สวีรั่วชีค้อมหัวและยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะยื่นบัตรสมาชิกให้

 

 

ผู้ชายคนนั้นเพิ่งจะเห็นว่ามีสาวสวยอีกคน ทั้งคู่ดูดีกันคนละแบบ เพียงแต่ผู้หญิงคนนี้ดูดุไปหน่อย

 

 

“วันนี้มาเที่ยวเล่นที่นี่กันหมดเลยเหรอครับ ทางนั้นจัดการอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วนะครับ”

 

 

สวีรั่วชียิ้มแล้วถองศอกใส่ซย่าเสี่ยวมั่ว ก่อนจะพูดเสียงเบา “ใครใช้ให้เธอโอ้เอ้ล่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตวัดตามองเธอ พวกเขาม้าเช้าเกินไปเองนี่นา เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอหรือไง ยายนี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย

 

 

พวกเธอมองจากที่ไกลๆ ก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้น มีทั้งหญิงและชาย ต่างก็สวมชุดขี่ม้าที่คล้ายคลึงกัน

 

 

“ต้องเข้าไปทักทายก่อนไหม” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากไปคุยกับคนพวกนั้น

 

 

“อืม วันนี้เธอแต่งตัวมาซะสวยขนาดนี้” ความจริงสวีรั่วชีก็ไม่อยาก แต่ก็รีบเก็บสีหน้าแล้วจูงมือ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วให้เดินเข้าไป

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมือหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกมือโดนสวีรั่วชีลากไว้ ค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า

 

 

เสียงดังโหวกเหวกของผู้คนที่ดังมาจากทางด้านนั้นค่อยๆ เงียบผิดปกติในตอนที่พวกเธอเดินเข้าไป

 

 

“อ้าว มาแล้วเหรอ” ผู้หญิงที่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้จักคนหนึ่งพยักเพยิดหน้าทักทายสวีรั่วชี

 

 

สวีรั่วชียิ้มหน้าด้วยใบหน้านิ่งเฉย “อืม มาแล้ว พวกเธอเล่นกันไปก่อนแล้วกัน พวกเราขอไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะมา”

 

 

“ไม่แนะนำสาวสวยข้างๆ ให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ” ทันใดนั้นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น ซย่าเสี่ยวมั่วเงยหน้ามองไปตามที่มาของเสียง เธอไม่รู้จักเขา จึงหันหน้ากลับมาตามเดิม

 

 

สวีรั่วชีไม่ได้ดึงเขามาหลบหรือรั้งไว้แต่อย่างใด เธอแนะนำซย่าเสี่ยวมั่วให้พวกเขารู้จัก “นี่เพื่อนฉันเอง ซย่าเสี่ยวมั่ว”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหน้าตาสะสวย กริยามารยาทดูดีสง่างาม ทำให้คนรู้สึกยากจะเข้าถึง คนในวงการของพวกเธอล้วนดูเข้าถึงยากกันทั้งนั้น แต่ความจริงก็เป็นเพียงแค่สาวน้อยเป็นมิตรคนหนึ่ง ผู้ชายทุกคนต่างก็อยากจะเข้ามาทำความรู้จัก

 

 

แน่นอนว่าสวีรั่วชีมองความร้ายกาจของคนกลุ่มนี้ออก แอบบันทึกชื่อของพวกเขาไว้ในใจ รอให้

 

 

เหยียนเค่อมาจัดการ