ชุยอี้ผิงรีบเดินเข้ามาหา เมื่อเห็นชายชรากำลังลูบอยู่ที่รอยเว้าที่ประตูบ้านเขาก็ตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที
” นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงได้มีรอยรุนแรงขนาดนี้อยู่ได้ ? ”
พอพูดจบ ชุยอี้ผิงก็เหลือบมองไปที่ชุยซื่อหยง ” พี่ใหญ่ ในกองทัพของพวกคุณก็มีบุคคลแปลกๆ จำนวนมากอยู่ พวกเขาสามารถทำแบบนี้ได้ไหม ? ”
ชุยซื่อหยงส่ายหัว “ ยากมาก พลังนี้ดูแข็งแกร่งเกินไป ราวกับพลังของวัวตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาชนประตูอย่างกะทันหัน ! ”
ชายชราหันกลับไปมองชุยซื่อหยง ” พลังของวัวตัวหนึ่ง ? ”
ชุยซื่อหยงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า ” มีพลังมหาศาลแบบนี้อยู่จริงๆ ประตูนี้แข็งแรงมาก
มันใช้ส่วนผสมของเหล็กกล้าพิเศษมาหลอมรวมกัน ตอนแรกผมก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ”
ชายชราอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาผลักบานประตูใหญ่แล้วก้าวเดินเข้าไป
ชุยซื่อหยวนกลับไปคว้าตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสำรวจอยู่ด้านนอกประตูและสอบถามโดยละเอียด ” เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันแน่ ? ”
“ พวกเราก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน ยังไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจน ทางเราได้รับแจ้งความว่ามีการชกต่อยกันที่นี่และมีคนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเรามาถึงที่นี่ ก็ไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว ” ตำรวจตอบ
“ คุณรู้จักคนในบ้านหลังนี้ไหม ? ทางเรากำลังจะเข้าไปสอบสวน ” ตำรวจสอบถาม
ชุยซื่อหยวนพยักหน้า ” ใช่ ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน ตรวจสอบอย่างชัดเจนถึงจะสบายใจ ”
พอพูดจบ ชุยซื่อหยวนก็เดินตามเข้าไปในเรือนสี่ประสาน
หยางโปรวบรวมพลังในร่างกายใหม่และค่อยๆฟื้นฟูสภาพร่างกายอีกครั้ง ทำให้เขามีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง ระหว่างเคลื่อนย้ายลมปราณ ก็มีเสียงดังรบกวนมาจากข้างนอก จากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังตามมา
หยางโปฟื้นพลังกลับมาบางส่วน เขาลุกจากเตียงและไปเปิดประตู ก็เห็นชุยซื่อหยวน ชุยอี้ผิง
ชายชราและลุงคนโตทั้งหมดยืนอยู่นอกประตู เขาจึงอดที่จะตกใจไม่ได้ “ ทำไม พวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่กันทุกคน ? ”
ใบหน้าชุยซื่อหยวนเต็มไปด้วยความโกรธ เขามองสำรวจดูหยางโปขึ้นลง เมื่อเห็นว่าบนตัวเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ถึงได้โล่งใจ แต่เขายังคงจ้องมองหยางโปไม่วางตา ” มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมศัตรูถึงได้มาหาถึงที่บ้านได้ ? ทำเอาแม่แกตกใจกลัวไปหมด ! ”
หยางโปชะงักไปครู่หนึ่ง ถึงได้รู้ว่าต้องเป็นแม่ของเขาที่โทรเรียกพวกเขามาแน่ เขายิ้ม
“ พ่อ ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรผมจัดการเคลียร์ไปแล้ว ”
ชุยซื่อหยวนชี้ออกไปข้างนอกและถามว่า ” รอยเว้าที่ประตูใหญ่มันเกิดอะไร ? ”
“ อ้อ ไม่ทันระวังน่ะ เผลอทุบไปสองสามครั้ง ? ” หยางโปตอบ
สีหน้าของชุยซื่อหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ” เผลอทุบไปสองสามครั้ง ? ใช้กำปั้นทุบจริงๆเหรอ ? ”
เดิมหยางโปไม่ทันตั้งตัว เพราะเขาก็ไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่าที่ประตูใหญ่มีรอยเว้าอะไร แต่เมื่อเห็นชุยอี้ผิงและทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาถึงตระหนักได้ว่าดูเหมือนเขาจะใช้เหล็กกล้าชนิดพิเศษทำประตู ปกติแล้วจะไม่มีคนธรรมดาทุบให้เกิดร่องรอยได้ !.novel-lucky.
หยางโปหัวเราะกลบเกลื่อน “ เอาละ เรื่องราวมันก็ผ่านไปหมดแล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการเอง ”
” ชุยอี้โป โปรดตอบคำถามของเรามา รอยเว้าที่ประตูเกิดจากกำปั้นใช่ไหม ? ” ชุยซื่อหยวนจองหน้าหยางโป และยืนหยัดในคำถาม ” อย่าคิดว่าเรามาหาแกที่นี่ในฐานะแขก ! ”
หยางโปค่อนข้างจะลังเลใจ เมื่อเห็นหลินหลินที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอเดินมาด้วยสีหน้าที่กลัดกลุ้มใจ และหันมองมาทางหยางโป
หยางโปไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดว่า “ ใช่ เกิดจากกำปั้น ! ”
“ ลุงของแกเพิ่งพูดไปหยกๆ ถ้าคิดที่จะทุบจนให้เกิดรอยแบบนั้นออกมา จำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของวัวทั้งตัวเลย แกไปหาเรื่องศัตรูแบบไหนมากันแน่ และอีกฝ่ายมีความแค้นกับแกมากแค่ไหน ? ” ชุยซื่อหยวนจ้องหน้าหยางโปแล้วถามต่อ . . .
หยางโปรู้สึกหมดหนทาง “ พ่อ เรื่องบางอย่างมันก็อธิบายยาก มันพูดได้ไม่ชัดเจนอีกด้วย ”
“ ถ้าอย่างนั้นเราจะรออยู่ที่นี่ รอให้แกเรียบเรียงจนชัดเจน และรอให้แกชี้แจงเรื่องนี้ ต่อให้รอจนถึงพรุ่งนี้ พวกเราก็รอได้ ! ”
ท่าทีของชุยซื่อหยวนทำให้หยางโปเข้าใจทัศนคติของพวกเขาในทันที เขาจึงยอมอ่อนลงให้
และชี้ไปที่ห้องนั่งเล่น “ พวกเรามานั่งคุยกันดีกว่า ! ”
หยางโปกลับไม่ยอมอธิบายเรื่องราวนี้อย่างละเอียด แต่ถ้าไม่สามารถให้คำอธิบายได้ในตอนนี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ยอมแพ้และกลับไปกันง่ายๆแน่
เวลานี้ก็มีตำรวจเดินเข้ามา ต้องการสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดของสถานการณ์ ชายชราจึงตอบกลับไปเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเสียเวลา “ สหาย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทางเราขอทราบสถานการณ์ก่อนแล้วอีกสักครู่จะให้คุณบันทึกไว้ทั้งหมดในภายหลัง ”
ดูเหมือนตำรวจจะจำตัวตนของชายชราได้ ” ท่านายพลชุย คุณจัดการธุระก่อนเถอะ พวกเรารอได้ ”
พอนั่งลงในห้องนั่งเล่น หยางโปก็ชายตามองชายชรา ลังเลเล็กน้อยและเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ คนที่มาหาผมคนนั้นวันนี้อยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกับอวี่เหวิน ”
ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก “ แกพูดว่าอะไรนะ ? ”
หยางโปทำได้แค่กัดฟันและตอบไปว่า “ ผมบอกว่าคนๆนั้นคล้ายกับอวี่เหวิน ”
ชายชราจ้องหยางโปตาเขม็ง ” แกเรียนกับอวี่เหวินมาแล้วใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” เรียนแล้ว ”
ชายชราจ้องหน้าหยางโปขึ้นลง แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจ
ทั้งสองถามตอบกันไปมา และหลังจากพูดกันไม่กี่คำ ชายชราก็ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง
ทำเอาคนอื่นๆงงไปตามๆกัน เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้หมายความว่าอะไรกันแน่ ?
“ อย่ามาทำเป็นแกล้งโง่ บอกมาตรงๆว่าทำอะไรมากันแน่ ! ” ชุยซื่อหยวนหจ้องหน้าหยางโปจากนั้นก็ซักไซ้ต่อ
ชายชรากลับปัดมือ “ ช่างเถอะ เขาไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องไปถามเซ้าซี้อีก ต่อไปเรื่องของลูกก็ไม่ต้องถามอะไรมาก ”
พอพูดจบ ชายชราก็ยืนขึ้น เขาเหลือบมองหยางโปและถอนหายใจเล็กน้อย “ ที่แกไปอยู่กับเขา ฉันน่าจะคิดเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว แต่ตอนนั้นฉันเอาแต่หลอกตัวเอง คิดว่าแกคงไม่มีพรสวรรค์มากนัก คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายแล้วแกจะเดินบนเส้นทางนี้จนได้ ”
หยางโปมองหน้าชายชรา “ คุณปู่ ผมไม่ได้จงใจโกหกนะ แต่เรื่องนี้มันพิเศษจริงๆ ปู่ยังจำตอนที่ผมถูกไล่ฆ่าได้ไหม ? เริ่มตั้งแต่นั้นมา ผมก็เริ่มเรียนรู้จากเขา ”
ชายชราจ้องมองหยางโป ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างนิ่งเฉย ผ่านไปนานก่อนที่จะพูดออกมา
“ ลูกเอ๋ย ฉันรู้ แกอยู่ข้างนอกได้ทำสิ่งต่างๆไว้มากมาย ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีธุรกิจอย่างในวันนี้ แต่เมื่อแกเลือกเดินบนหนทางเส้นนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกกลัว เหตุผลที่ฉันบังคับให้แกแต่งงานก่อนหน้านี้ แค่อยากให้แกอยู่อย่างสงบ แต่ตอนนี้แกเป็นแบบนี้… ”
หยางโปมองชายชรา “ คุณปู่ ไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการกับมันให้เรียบร้อย และจะไม่สร้างปัญหาให้กับครอบครัวเราแน่นอน ”
ชายชราถอนหายใจเล็กน้อยหันหลังและเดินจากไป
ชุยซื่อหยวนมองมาที่หยางโป ” กำลังพูดถึงอะไรอยู่กันแน่ ? ”
“ พ่อ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ เรื่องนี้พ่อสบายใจได้ ” หยางโปกล่าว
ชุยซื่อหยวนมองหน้าหยางโปอย่างลังเล จากนั้นเขาก็จ้องตาเขม็งมองไปที่ชุยอี้ผิง แล้วเดินออกไป
ลุงเองก็เดินเข้ามาตบไหล่ของหยางโปแล้วเดินออกไปเช่นกัน
ในห้องจึงเหลือเพียงชุยอี้ผิงเท่านั้น เขามองหน้าหยางโปอย่างช่วยอะไรไม่ได้ ” นายก็รู้ดี พูดออกมาตามตรง ฉันต้องแบกรับภารกิจอันหนักอึ้งในการแงะปากให้นายพูดออกมา ! ”