บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 677

เจเรมี่รู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเสียงเรียกของเมเดลีนดังขึ้นมาท่ามกลางเสียงบีบแตรรถ

คำพูดที่เขารู้สึกดีเมื่อได้ยินจากปากของเธอทำให้ความขมขื่นภายในจิตใจได้รับรู้ความหวานชื่นอีกครั้ง

เจเรมี่รู้สึกดีใจและหันไปตามเสียงเรียกนั้น

ตอนที่หันกลับไป เขาสัมผัสได้ถึงแรงลมที่มาจากรถซึ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง

ความรู้สึกที่บอกว่าจะเกิดอะไรบางอย่างที่เลวร้ายที่สุดเป็นเหมือนกระแสไฟฟ้าไหลไปทั่วร่างกายของเขา และทันใดนั้น เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบกอดร่างกายเขาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว

เมเดลีนกระโดดเข้ามาคว้าตัวและเหวี่ยงเจเรมี่ไปตรงข้างทางด้วยกำลังทั้งหมดที่เธอมีในขณะที่กอดเขาไว้แน่น

“ลินนี่” เจเรมี่รตกตะลึงและกอดแขนเอาไว้แน่น

วินาทีต่อมา รถบรรทุกคันใหญ่ขับผ่านร่างพวกเขาไป

อากาศที่ลอยขึ้นมาจากใต้ท้องรถบรรทุกหนาแน่นและร้อนเป็นอย่างมาก แต่เมเดลีนกลับมีเหงื่ออันเย็นเชียบอยู่เต็มมือ

เมื่อเธอได้ยินเสียงคำรามเข้ามาในหู นั่นหมายความว่าเธอคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทันเวลา หลังจากที่มีแสงวาบเข้าดวงตาเธอ เธอจึงลืมตาขึ้น

เมเดลีนเห็นว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ใต้รถบรรทุกคันนั้น แต่เธอคาดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสองจะสามารถลอดผ่านไปได้อย่างปลอดภัยในขณะที่นอนอยู่บนพื้นถนน

คนขับรถรีบจอดรถและวิ่งลงมาดูพวกเขาทั้งสองคนนั้นที่หลบรถจนพ้นออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เมื่อเห็นว่าเมเดลีนกับเจเรมี่ไม่เป็นอะไร เขาจึงรีบขึ้นรถเหยียบคันเร่งเต็มแรง และหนีไปเพราะกลัวว่าจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย

สายฝนในฤดูใบไม้ร่วงยังคงลงเม็ดอย่างต่อเนื่องและเม็ดฝนยังคงตกเปาะแปะไปทั่ว

รอบตัวพวกเขาเงียบงันราวกับว่าไม่มีเสียงใดเกิดขึ้น มีเพียงแค่เสียงหัวใจสองดวงที่เต้นอย่างไม่เป็นจังหวะเท่านั้นที่พวกเขาได้ยิน

เมเดลีนนอนอยู่บนอกของเจเรมี่อยู่นาน โดยที่ปล่อยให้หัวใจทั้งสองดวงเต้นไปแบบนั้น เธอไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปจนกระทั่งเขายังมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าเธอและกระซิบ “ลินนี่”

น้ำเสียงของเขาไหลผ่านโสตประสาทเธอราวกับมีอำนาจแม่เหล็กที่อบอุ่นดึงดูดอยู่ น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลและอ่อนโยน

เมเดลีนพลันลุกขึ้น และภายใต้แสงสลัวของหลอดไฟข้างถนน เธอเห็นมือของเจเรมี่เลือดออก

เขาได้รับบาดเจ็บ

เมเดลีนจึงรีบโบกรถจากข้างทาง เธอช่วยพยุงเจเรมี่ขึ้นและพวกเขาทั้งสองรีบไปยังโรงพยาบาลด้วยกัน

ระหว่างทาง เจเรมี่นั่งอยู่ข้างเมเดลีน เลือดเขาไหลไม่หยุด แต่ใบหน้าของเขายังเปื้อนยิ้มอยู่

“ลินนี่ เมื่อกี้คุณเรียกชื่อผมแล้วสินะ” น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนแอ แต่แฝงไปด้วยความสุข

เมเดลีนหันหน้ามาหาเขาและเห็นว่ามีรอยยิ้มบนใบหน้าเปื้อนฝุ่นอันหล่อเหลาของเขา แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่สายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอเงียบ ๆ

เมื่อสังเกตว่าเมเดลีนไม่ตอบโต้เขา เจเรมี่เริ่มเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้ง

ทันใดนั้น เขายื่นมืออกไปจับมือเมเดลีน เขารู้สึกโล่งอกและไม่สบายใจในเวลาเดียวกัน “ลินนี่ ผมทำให้คุณไม่มีความสุขอีกแล้วเหรอ?”

เมเดลีนดึงมือกลับ “ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย แล้วก็ คุณวิทแมนคะ เมื่อไหร่คุณจะช่วยเลิกสนใจว่าฉันจะมีความสุขหรือไม่สักทีล่ะ?”

เจเรมี่ดึงมือที่ว่างเปล่าของเขากลับมาด้านข้าง และไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของเมเดลีนได้

แต่ยังมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาอยู่ เขาจะไม่มีวันลืมว่าเมเดลีนเสี่ยงชีวิตกระโดดเข้ามาช่วยเขาในเวลาคับขันแบบนี้

อย่างน้อยการที่เธอทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้ก็เพื่อเขา ถ้าเธอไม่ห่วงใยเขาแล้วจริง ๆ เขาคงจะโดนรถชนและนอนเลือดท่วมอยู่ตรงนั้นแล้ว

ไม่นาน พวกเขาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หลังจากที่ลงจากรถ เมเดลีนพบว่าเจเรมี่เดินด้วยตัวเองไม่ได้

เธอจึงเดินมาด้านข้างและช่วยพยุงแขนเขาเอาไว้ใกล้เธอมากที่สุด

เจเรมี่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเมเดลีนขนาดนี้อีก มือของเขาโอบเอวเธอไว้แน่น

ความจริงอีกด้านก็คือ เฟลิซิตี้สะกดรอยตามเจเรมี่ตลอดเวลา

เธอสะกดรอยตามเขามาตั้งแต่ที่เขานั่งรถแท็กซี่ออกมายังมหาวิทยาลัยเกลนเดล

เธอเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นชัดเจน

เมื่อเห็นว่าเจเรมี่กำลังจะถูกรถบรรทุกคันใหญ่ชน เธอเป็นกังวลมาก

และเธอก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเมเดลีนจะกระโดดออกไปช่วยชีวิตเจเรมี่อย่างไม่ลังเลแบบนั้น

เธอนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมเมเดลีนถึงทำแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ความทรงจำของเธอหายไปหมดแล้ว