กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 880

“ไร้สาระสิ้นดี เจ้าลองฆ่าพ่อของเจ้าดูสิ”

“เซี่ยวอวี๋เซวียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร…ข้าคือท่านอาจารย์แห่งสำนักศึกษาอี้เหอและเป็นท่านอาจารย์ของเจ้าด้วย”

“ถุย เจ้าคู่ควรงั้นหรือ?”

“ผิดแล้วๆ ผู้อาวุโสไป๋หลี่ เซี่ยวอวี๋เซวียนคนนี้มันหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ ฆ่ามันเสียเลยดีกว่า”

ไป๋หลี่เฉิงอยากจะฟันกู้ชูหน่วนให้แหลกเป็นชิ้นๆ

ฆ่าคนตระกูลไป๋หลี่ของเขา

แล้วปล่อยสัตว์เลี้ยงที่ตระกูลไป๋หลี่จับมาได้ไม่พอ

แต่ยังทำให้เขาอับอายขายหน้าในงานชุมนุมมอบรางวัลอีก

“เซี่ยวอวี๋เซวียน ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่เจ้าไม่ช่วยนางอีก พวกข้า…”

“ฝันไปเถอะ”

เซี่ยวอวี๋เซวียนประคองกู้ชูหน่วนให้ลุกขึ้น และใช้สายรัดพันกู้ชูหน่วนไว้ด้านหลัง

ในมือของเขาถือทวนปลายแหลมชี้ขึ้นฟ้า ส่วนล่างชี้ลงพื้น จากนั้นก็ส่งเสียงดังก้องกังวานแสบแก้วหูออกมา เตรียมพร้อมจะสู้ถึงที่สุดพร้อมกับกู้ชูหน่วน

“ดื้อดึงไม่ยอมฟัง เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนแล้วกัน”

“รอเดี๋ยว” ซั่งกวนชิงกล่าวขึ้นอย่างเร่งรีบ

เขามองไปยังเซี่ยวอวี๋เซวียนที่เจ็บหนักและกล่าวอย่างจริงใจว่า “คุณชายเซี่ยว สตรีนางนี้มีวิชาชั่วร้าย ทั้งยังมีดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีอยู่ในตัวของนาง เมื่อใดที่นางใช้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีคู่กับวิชาชั่วร้ายล่ะก็ เกรงว่าพวกเราทุกคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง”

“นางมีกลอุบายมากมาย คุณชายเซี่ยวอย่าหลงกลนางเป็นอันขาด ข้าจะป่าวประกาศต่อทุกคนในใต้หล้าว่าเจ้าต้องวิชาชั่วร้ายของนางเข้า จึงได้ช่วยเหลือนาง”

ในครั้งนี้ทั้งสี่เผ่าตระกูลใหญ่มากันทั้งหมดสองตระกูล

หนึ่งคือเผ่าตระกูลซั่งกวนที่มีซั่งกวนชิงเป็นผู้นำ

สองคือเผ่าตระกูลไป๋หลี่ที่มีไป๋หลี่เฉิงเป็นผู้นำ

ซั่งกวนชิงรู้ว่าเซี่ยวอวี๋เซวียนเป็นนักกลั่นยายอดฝีมือ และตระกูลซั่งกวนของเขาก็ขาดนักกลั่นยายอดฝีมือพอดี เพราะเช่นนี้เขาจึงไม่อยากเสียเซี่ยวอวี๋เซวียนไป

“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีถูกข้ากลืนกินลงไปแล้ว ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีก็เช่นกัน”

เซี่ยวอวี๋เซวียนตอบกลับอย่างใจกว้าง กู้ชูหน่วนอยากจะยื่นมือออกไปปิดปากของเขาซะ แต่ไม่ทันเสียแล้ว

ผู้คนต่างตะลึงงัน

ถูกเซี่ยวอวี๋เซวียนกลืนกินแล้วงั้นหรือ?

“กินหมดแล้ว?”

“กินหมดแล้วหรือ?”

“เป็นไปได้อย่างไร ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีเป็นสมบัติที่ศักดิ์สิทธิ์มากเพียงนั้น หากคนธรรมดาทั่วไปกินเข้าไปก็จะ…หากเจ้ากินเข้าไปหมดแล้วจริงๆ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงยังยืนอยู่ที่ดีได้โดยไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?”

“กินแล้วก็คือกินแล้ว หากพวกเจ้าอยากได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์คงต้องผ่าท้องของข้าออกแล้วล่ะ แต่ทว่านี่ก็ผ่านไปสิบวันได้แล้ว แม้นจะผ่าท้องของข้าออกมาได้ พวกเจ้าก็ไม่ได้อะไรกลับไปหรอก”

สีหน้าเซี่ยวอวี๋เซวียนจริงจัง ไม่เหมือนกำลังล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันกริ้วโกรธขึ้นมา

แม้แต่ซั่งกวนชิงก็โกรธด้วย

ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ของล้ำค่าเพียงนั้น เขาบอกกินก็กินเลยหรือ

เขาคนนี้สมควรตาย

“เซี่ยวอวี๋เซวียนกับนางมารคนนี้เป็นพวกเดียวกัน พวกเราฆ่าพวกมัน เพื่อทวงความยุติธรรมคืนสวรรค์ซะ”

“ฆ่ามัน…”

“นังหนู วันนี้เราต้องอยู่และตายไปพร้อมกันแล้วล่ะ” เซี่ยวอวี๋เซวียนกล่าวขำขัน

แต่กู้ชูหน่วนบาดเจ็บสาหัสนัก จึงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะสู้เลย

แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะยกมือขึ้นก็ยังไม่มี ทำได้เพียงทับอยู่บนร่างของเซี่ยวอวี๋เซวียนเท่านั้น

นางหัวเราะอย่างเศร้าใจ “แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาตัวมือสังหารที่ฆ่าตระกูลมู่ทั้งตระกูลได้”

“พวกมันไม่มีทางมีจุดจบที่ดีแน่”

นิกายใหญ่แต่ละนิกายล้อมรอบเอาไว้และใช้กลยุทธ์สงครามล้อ

พวกเขารู้ดีว่าวรยุทธ์ของเซี่ยวอวี๋เซวียนนั้นยอดเยี่ยมมาก จึงได้วางแผนลดพละกำลังทั้งหมดของเซี่ยวอวี๋เซวียน

เหมือนกับที่ทำกับกู้ชูหน่วน

เซี่ยวอวี๋เซวียนแบกกู้ชูหน่วนเอาไว้ ทวนที่อยู่ในมือก็รุนแรงราวกับเสือคำราม ทุกครั้งที่โจมตีออกไป ลูกศิษย์ของแต่ละนิกายจำต้องตายสถานเดียว

เขาเป็นเสมือนเทพแห่งการทำลายล้าง เพียงแค่เข้าใกล้เขาก็จะถูกเขาฆ่าตายในบัดดล

กู้ชูหน่วนพยายามรวบรวมพลังของตนและช่วยเหลือเขาด้วยอาวุธลับ

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

สองชั่วยาม

แต่ละนิกายสูญเสียเป็นจำนวนมาก

เจ้าสำนักก็ตายไปหลายคน

ผู้คนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เซี่ยวอวี๋เซวียนเองก็เริ่มอ่อนแอลง

ทว่าเขายังคงปกป้องกู้ชูหน่วนอย่างสุดชีวิต ไม่ปล่อยให้กู้ชูหน่วนที่อยู่ด้านหลังโดยทำร้ายแม้แต่น้อย

“ปัง…”

เซี่ยวอวี๋เซวียนไม่ทันระวัง เท้าขวาของเขาก็ถูกตีเข้าอย่างรุนแรงไปหนหนึ่ง แรงที่ตีลงมานั้นรุนแรงนัก รุนแรงถึงขั้นได้ยินเสียงกระดูกหักของเขา เขาทรงตัวไม่อยู่ กู้ชูหน่วนที่ถูกแบกไว้ด้านหลังก็ถูกสะบัดหลุดออกไปเช่นเดียวกัน

เมื่อเห็นว่าไม้ตีไปยังกู้ชูหน่วนมากกว่า

เซี่ยวอวี๋เซวียนจึงได้ตะโกนอย่างตกใจ “นังหนู”

จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปโดยเร็ว และใช้ร่างกายของตนบังไม้เหล็กที่ตีกู้ชูหน่วนไว้

“เอื๊อก…”

ไม้เหล็กตีลงบนร่างกายของเซี่ยวอวี๋เซวียนนับไม่ถ้วน

กู้ชูหน่วนเจ็ยปวดใจจนแทบกระอักเลือด

ทุกครั้งที่ไม้เหล็กตีลงไป เซี่ยวอวี๋เซวียนก็กระอักเลือดใส่ใบหน้าของนาง

มิหนำซ้ำ นางยังได้ยินเสียงแตกหักของกระดูกด้วย

รวมถึง…เสียงหายใจลึกของเซี่ยวอวี๋เซวียนด้วย

คนพวกนี้ เมื่อได้โจมตีหนหนึ่งก็ยิ่งโจมตีหนักหน่วงมากขึ้น

กู้ชูหน่วนไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อแล้ว

เซี่ยวอวี๋เซวียนด้วยเช่นกัน เพียงแต่เขายังฝืนสู้ต่อไปเท่านั้น

แม้นจะหนีไม่พ้นก็ตาม แต่เขาก็ยังใช้ร่างกายของตนเองบังคมคาบให้กับกู้ชูหน่วน

เขาเจ็บปวดมาก

เจ็บปวดจนแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว แต่เขาคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือทนต่อไป

ทนต่อไปจนกระทั่งเยี่ยจิ่งหานมาถึง

และเขาเชื่อว่าเยี่ยจิ่งหานไม่มีทางปล่อยหญิงสาวคนนี้ไว้ไม่สนใจอย่างแน่นอน

“เซี่ยวอวี๋เซวียน เจ้ารีบหนีไปซะ ไม่ต้องสนใจข้า”

กู้ชูหน่วนขัดขืนอยู่เรื่อยๆ แต่ทว่าบาดแผลของนางหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะลุกขึ้นได้ จึงทำได้เพียงมองเซี่ยวอวี๋เซวียนรับคมดาบซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อช่วยชีวิตนาง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาต้องตายแน่

และแม้นว่าวิชาทางการแพทย์ของนางจะยอดเยี่ยมมากเพียงใดก็มิอาจรักษาเขาให้หายได้

ลูกศิษย์นิกายบางคนที่อยู่ข้างๆ ก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

ไม่พูดถึงว่าชายคนนี้จะเป็นมารหรือไม่ พูดเพียงมิตรภาพที่เขามีต่อกู้ชูหน่วนแค่นี้ก็ไม่มีผู้ใดมาแทนที่ได้แล้ว

“เอื๊อก…”

ไม้เหล็กตีลงไปอีกครั้ง ทำให้เซี่ยวอวี๋เซวียนมิอาจลุกขึ้นได้อีก

อาจเป็นเพราะกลิ่นอายของเขาทั้งสองอ่อนแอใกล้จะตายแล้ว อาจเป็นเพราะซาบซึ้งในตัวเซี่ยวอวี๋เซวียน หรืออาจเป็นเพราะดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสี ทำให้ลูกศิษย์ของแต่ละนิกายหยุดมือลง และล้อมรอบพวกเขาไว้

“เสี่ยวเซวียนเซวียน…”

กู้ชูหน่วนรวบรวมพละกำลังทั้งหมดคลานเข้าไปข้างๆ เซี่ยวอวี๋เซวียนจับมือที่กำลังสั่นเทาของเขาไว้และน้ำตาก็ไหลรินลงมา

เซี่ยวอวี๋เซวียนหายใจลำบาก มองผู้คนมากมายและกล่าวอย่างเศร้าใจปนหัวเราะว่า “ข้าขอโทษ ข้ายังคง…ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้”

“เจ้าบ้า ตายคนเดียวย่อมดีกว่าตายสองคน”

“ข้ามีชีวิตอยู่ก็เป็นเหมือนซากศพเดินได้ แต่เพราะการปรากฏตัวของเจ้า จึงทำให้ข้าพบเจอกับแสงสว่าง”

กู้ชูหน่วนจับมือเซี่ยวอวี๋เซวียนไว้แน่น

ราวกับว่าเพียงแค่นางปล่อยมือ เซี่ยวอวี๋เซวียนก็จะตายจากนางไปในทันที

“เราจะไม่ตาย”

กู้ชูหน่วนหายใจเข้าลึกและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “พวกเจ้าอยากได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีมิใช่หรือ? ปล่อยเขาซะแล้วข้าจะบอกพวกเจ้าว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด”

“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์หลากสีถูกเซี่ยวอวี๋เซวียนกินไปแล้วมิใช่หรือ?”

“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งของล้ำค่าเพียงนั้น แม้นเซี่ยวอวี๋เซวียนจะกินลงไปก็คงไม่กินไปทั้งหมดหรอก ข้ายังซ่อนไว้อยู่บ้าง”

“แล้วพวกข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ หากข้าตายไปพวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เลย”

ผู้คนต่างมองกันไปมองกันมา ไม่รู้ว่าจะฆ่าพวกเขาเสียหรือไม่

ในที่สุดคานของพวกเขาก็ถูกปล่อยลงมาแล้ว

หากปล่อยนางไปในวันนี้ นางต้องหวนกลับมาล้างแค้นในวันข้างหน้าเป็นแน่

ไป๋หลี่เฉิงพูดขึ้น “มิจำเป็นหรอก ตระกูลไป๋หลี่ของข้าย่อมมีวิชาลับที่จะล้วงความทรงจำในสมองของเจ้าออกมาให้หมดได้”

วิชาลับของตระกูลไป๋หลี่นี้ ซั่งกวนชิงเองก็ไม่ทราบเช่นกัน

ทุกคนที่อยู่ภายใต้วิชาลับไม่มีใครที่จะเก็บซ่อนความลับเอาไว้ได้

ผู้ที่ถูกบีบคั้น หนักสุดคือตายและกลายเป็นคนบ้าและพิการได้อย่างง่ายดาย

กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ กวาดสายตาไปยังเจ้าสำนักของแต่ละนิกาย “ตระกูลไป๋หลี่อาจมีวิชาลับนี้จริง แต่พวกเจ้าคิดหรือว่าหลังจากที่ถูกพวกมันบีบคั้นแล้วมันจะบอกตำแหน่งที่ซ่อนของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์กับพวกเจ้าได้?”