บทที่ 601 เรื่องราวของเผ่าพันธุ์ต่างดาวเทียนเว่ย

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 601 เรื่องราวของเผ่าพันธุ์ต่างดาวเทียนเว่ย

 

“ว่าไง! พวกนายกำลังทำอะไร พวกเรามาที่นี่เพื่อวางแผนการสร้างกองกำลังไม่ใช่เหรอ?” หลินเฟิงรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย

 

เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นสหายของเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงสนิทกันอยู่พอสมควร แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะทะเลาะกันอยู่แล้ว

 

หลินเฟิงและเสี่ยวหยาง ไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้จริง ๆ !

 

“ถอยไป! อย่าโทษว่าฉันหยาบคายนะ!” เสี่ยวหยางคำรามขู่อีกฝ่าย ด้านหลังเขามีปีกสีแดงจัดจ้านคู่หนึ่งงอกขึ้นมาจากอากาศ จากนั้นปีกก็ยกขึ้นเพื่อขู่ศัตรูที่อยู่ข้างหน้า

 

มันสื่อถึงพลังที่น่าเกรงขามทำให้ใครหลายคนตรงหน้าพวกเขาต้องคิดใหม่อีกครั้ง

 

 แต่ผู้คนเหล่านั้นกลับรีบวิ่งเข้าหาหลินเฟิงและเสี่ยวหยางด้วยความบ้าคลั่ง

 

“พวกเจ้าสองคน หลบออกไป!” ในเวลานี้ เสียงของราชามังกรดังขึ้นในจิตใจของหลินเฟิง

 

หลินเฟิงและเสี่ยวหยาง หายตัวไปจากที่แห่งนั้นภายในพริบตา และเมื่อพวกเขาปรากฏตัวอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่บนท้องฟ้าของกลุ่มหลินแล้ว

ในตอนนี้ราชามังกรไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ด้านหน้าด้วยใบหน้าสง่างามของเขา

 

ทันทีที่เขาโบกมืออีกครั้ง โลกเบื้องหน้าของหลินเฟิงและเสี่ยวหยางก็เปลี่ยนไปทันที ในเวลานี้สัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาซึ่งมันยังคงอยู่ในสถานะโปร่งใส

 

ถ้านี้ยังไม่ถึงเวลา ราชามังกรก็คงจะไม่ให้พวกเขาได้เห็นเจ้าสิ่งนี้อย่างแน่นอน

 

ร่างของสัตว์ประหลาดตัวนั้นเหมือนกับเมฆที่โปร่งใส ดวงตา ปาก และชิ้นส่วนอื่น ๆ ดูปะปนกันไม่ชัดเจน

 

พวกเขาสามารถมองเห็นเส้นไหมโปร่งใสมากมายทอกันออกมาจากร่างกายของมัน มันเหมือนกับสิ่งที่เชื่อมต่อกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สมัยโบราณกาลทั้งสี่แห่งของสรวงสวรรค์ แขนที่งอกออกมาเหมือนมือที่แข็งแกร่งนั้น มีเส้นไหมโปร่งใสที่คล้ายด้าย เชื่อมโยงสี่ตระกูลใหญ่แห่งท้องฟ้าเข้าด้วยกัน

 

“ฉันเข้าใจแล้ว เจ้านั้นคือต้นเหตุนี่เอง” หลินเฟิงเห็นอย่างนั้นเขาก็รู้สึกโกรธทันที เขาเดินออกไปก่อนที่เขาจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น

 

ความรู้สึกนั้นมันกลายเป็นสิ่งที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาเขา และความรู้สึกนี้เองคือสิ่งที่ควบคุมผู้คนทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างนั้น มันห่อหุ้มเหล่าผู้คนที่แข็งแกร่งโดยเจ้าสิ่งหน้าตาน่าขยะแขยงนี้

 

แต่เมื่อพวกเขาต้องการที่จะทำอะไรสักอย่าง ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็ต้องออกมารับผิดชอบเรื่องเหล่านั้น

“อย่าขยับไปไหน ข้าใช้เคล็ดวิชาของข้าไปแล้ว มันจะมองไม่เห็นเจ้า!” ราชามังกรมองไปที่หลินเฟิงและเสี่ยวหยางก่อนที่จะพูดเบา ๆ

 

และนั้นก็น่าจะเป็นสาเหตุที่กลุ่มคนเหล่านั้นที่ตกใจกับการหายตัวไปของหลินเฟิง พวกเขารีบวิ่งไปดูในจุดที่หลิงเฟิงเคยอยู่แต่พวกเขาก็ไม่เห็นหรือรู้สึกถึงอะไรเลย

 

“งั้นเราจะทำยังไงต่อไปดี ถ้าเจ้าสิ่งนี้สามารถควบคุมคนในสี่ตระกูลใหญ่ได้ มันก็สามารถควบคุมคนในหลินกรุ๊ปได้ด้วยใช่ไหม!” เหลินเฟิงกล่าวอย่างกังวล

 

ราชามังกรมองไปที่หลินเฟิงที่กำลังเป็นกังวลอยู่ตรงหน้าของเขา เจ้ามังกรขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่เป็นไร รอสักแปปหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าข้าเลย ตอนนี้รอจนกว่าพลังของข้าจะกลับมา!”

 

“ถ้าข้าได้สังหารมันไปสักตัว ข้าจะสามารถจัดการกับพวกมันสักสิบตัวได้ไม่มีปัญหา! แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่ร่างมังกรของข้าเป็นแบบนี้” ราชามังกรมองไปที่วัตถุตรงหน้าเขา ความโกรธก็ฉายผ่านดวงตาของเขาอย่างปิดบังเอาไว้ไม่ได้

หลินเฟิงสงบลงเล็กน้อย เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกังวลต่อไปแบบนี้ ท้ายที่สุดแม้แต่ราชามังกรก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้าง.

 

แต่แล้วหลินเฟิงก็กล่าวกลับมาว่า “ท่านมังกรสรุปแล้วเจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”

“มันคือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกชนิดหนึ่งที่บุกรุกมาจากท้องฟ้าต่างแดน เมื่อสมัยโบราณกาล มันจุติลงมาด้วยพลังที่แข็งแกร่งมหาศาล! ต่อนี้มันน่าจะเพิ่งออกมาจากผนึก ข้ามีกำลังมากพอที่จะจัดการกับมันในตอนนี้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดดีไหม!” ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าว

 

“หมายความว่าไงรึท่าน” หลินเฟิงงงงวยเล็กน้อย

 

“เจ้าสิ่งนี้มีพลังแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัว เจ้าก็เห็นผู้คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมันแล้วไม่ใช่หรอ บุคคลเหล่านั้น สติถูกควบคุมไปโดยสมบรูณ์ พูดได้เลยว่าเป็นร่างของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับมันไปแล้ว ถ้าเราไม่ฆ่าพวกเขาทั้งหมด ไอเจ้านั้นจะสามารถแยกร่างออกจากกัน และกลับรวมตัวได้อีกครั้ง!” ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าว

 

สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงและเสี่ยวหยางประหลาดใจทันที มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติงั้นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่!?

 

ในเวลานี้ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ไม่พบหลินเฟิงและเสี่ยวหยางเลย กลุ่มคนเหล่านั้นจึงหันไปโจมตีสมาชิกของกลุ่มหลินแทน!

 

ผู้ที่ถูกจับตัวได้โดยพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพที่ถูกควบคุมนั้นในที่สุด หลินเฟิงมองไปที่สถานเบื้องล่าง ความตกใจนั้นเกินคำบรรยายของเขาไปมากนัก

 

เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนในกลุ่มของหลินก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสิ่งแปลกประหลาดนั้นในที่สุด

 

แต่ในเวลานี้กลุ่มที่ติดตามหลินเฟิงมา ต่างก็รู้สึกแบบเดียวกับราชามังกรแล้ว: “มาสิต้องเราต้องเตรียมตัวกันแล้ว!”

 

“ พวกเราจะทำอะไรหรือครับ!” หลินเฟิงถามกลับไปทันที

.

“เมื่อราชินีมังกรทะเลจัดเรียงม่านพลังเวทเเสร็จแล้ว การทำง่านของอาร์เรย์พลังเวทเริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่อยู่ในข่ายพลังนี้พวกที่ติดกับจะหนีออกจากวงล้อมได้ยาก จากนั้นพวกเจ้าทั้งสองก็จัดการกับผู้แข็งแกร่งห้าคนที่ถูกเชื่อมต่อโดยตรงกับเจ้าตัวประหลาดนั้น คนอื่น ๆ ที่ถูกควบคุมจะไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป! ไม่งั้นพวกเจ้าจะเหนื่อยกับทั้งสี่ตระกูลอย่างแน่นอน”

 

“เข้าใจแล้วครับ!” หลินเฟิงและเสี่ยวหยางพยักหน้า

 

ในเวลานี้พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน คลื่นน้ำขนาดใหญ่บินขึ้นไปบนท้องฟ้านอกเหนือหลินกรุ๊ปคลื่นน้ำนั้นทอกันและกัน เชื่อมต่อกันเป็นม่านพลังอาร์เรย์แห่งดวงวิญญาณขนาดใหญ่ ครอบคลุมบริเวณหนึ่ง

 

การก่อตัวของคลื่นขนาดใหญ่นั้นกลายเป็นเหมือนชามขนาดใหญ่ที่คว่ำลง

 

ในช่วงเวลานั้นเอง ร่างโปร่งแสงของสัตว์ประหลาดก็รู้สึกถึงบางสิ่ง

 

เมฆสีขาวนั้นดิ้นไปมาและได้เปลี่ยนรูปแบบไปอย่างรวดเร็ว มันการเป็นรูปร่างของมนุษย์ จากสีโปร่งใสกลายเป็นสีแดงของเลือดแทน

 

ร่างคล้ายมนุษย์นั้นมีแขนหกแขน ด้ายแปลกประหลาดที่ยึดร่างของผู้แข็งแกร่งจากสี่ตระกูลก็กลายเป็นสีแดงโลหิตเช่นเดียวกัน

 

เมื่อถูกล้อมเอาไว้แล้ว ท่ามกลางความว่างเปล่าบนฟากฟ้า ก็เกิดคลื่นสั่นสะเทือนขึ้น มังกรยักษ์สองตัวที่มีความยาวสุดลูกหูลูกตาก็โผล่ออกมาจ้องมองร่างของสัตวฺ์ประหลาดด้วยความเย็นชา

 

“เกิดอะไรขึ้น” ร่างโปร่งแสงเผยให้เห็นสีแดงเข้ม มือทั้งหกของมันถือเส้นไหมไว้ในมือซึ่งเชื่อมต่อกับสมองของคนที่อยู่ด้านล่าง

 

เมื่อร่างหกแขนนั้นเห็นมังกรยักษ์ มันก็รู้สึกราวกับว่าถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที “บุตรของเทพเจ้ามังกรทั้งเก้า เเป็นไปได้อย่างไร พวกแกไม่ตายไปตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วหรอกหรือ”

 

“ฮึ่ม! ไอ้พวกนอกรีต! เอเลี่ยนที่ถูกสาปอย่างแกยังสามารถอยู่รอดได้ เจ้ามังการอย่างข้าจะตายได้อย่างไร”ราชามังกรพูดดูถูกอีกฝ่าย

 

“ข้าไม่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนั้น และข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบเศษซากของพวกเจ้าอีก ข้าจะไปพบสหายของข้าด้านล่างแล้วแผนการทั้งหมดก็จะเริ่ม!” เมื่อพูดจบ ราชามังกรแห่งกาลเวลาและราชินีมังกรทะเลก็ทยานตัวออกไป

 

สิ่งนี้ทำให้สัตว์ประหลาดเทียนเว่ยตระหนกอย่างดีก็คือ มันคิดว่าไม่มีอะไรหยุดมันได้ในยุคสมัยใหม่นี้ มันคิดเลยว่าจะมีเจ้าแห่งอาร์เคียที่น่าหวาดกลัวเหลืออยู่บนโลกนี้อีก

 

อย่างไรก็ตามในวินาทีถัดมา จู่ ๆ จิตรใจของสัตว์ประหลาดก็สงบลง ใบหน้าของมันยิ้มและหัวเราะออกมา: 

 

“ต่อให้พวกแกจะยังไม่ตาย แล้วไง พลังอันหน้าหวาดกลัวของพวกแก่มันเท่าสะเมื่อไรกันหละ ยังไงซะสัตว์เลื่อยคลานอย่างพวกแกก็สู้ข้าไม่ได้หรอก! “

 

“ใช่ แต่มันก็เพียงพอที่จะฆ่าแกได้ถ้าพวกเราร่วมมือกัน” ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าวทิ้งท้ายเอาไว้