ตอนที่ 1101 ซูหลีผู้ฉลาดหลักแหลม / ตอนที่ 1102 แขกที่ชั้นสอง

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1101 ซูหลีผู้ฉลาดหลักแหลม

 

 

ทั้งสองคนรู้สึกอับอายจนทนอยู่ต่อไปไม่ไหว จึงรีบวางมือและหมุนกายเดินออกไป

 

 

หลังจากพวกเขาที่เดินออกไปแล้ว เวลานี้ซูหลีถึงได้หันศีรษะกลับมาและสบกับดวงตาล้ำลึกของฉินม่อโจวพอดี

 

 

นางชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋องพะย่ะค่ะ”

 

 

ฉินม่อโจวมองนางปราดหนึ่ง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณแล้ว แม้คำพูดที่สองคนนั้นจะไม่รื่นหูนัก ทว่ามีบางเรื่องที่เป็นเรื่องจริง”

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้นจึงชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นเหลือบตามองไปทางเขา

 

 

ทว่ากลับเห็นใบหน้าที่นิ่งขรึมกำลังมองมาที่นางตาไม่กะพริบแล้วเอ่ยว่า “เรื่องในคืนนี้ เจ้าไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว!”

 

 

ความหมายของเขาก็คือ เรื่องการประมูลหงหลัว

 

 

ความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งพาดผ่านในดวงตาของซูหลี โดยรอบนั้นเงียบเชียบและมีหลายคนรอดูท่าทีตอบโต้ของนางอยู่

 

 

อย่างไรซูหลีก็มิเหมือนกับคนอื่นๆ หากนางต้องการก่อเรื่องวุ่นวาย ใครก็ไม่สามารถควบคุมนางไว้ได้ แม้กระทั่งฉินม่อโจวที่เป็นท่านอ๋อง ก็ต้องดูอารมณ์ของนางว่าเป็นเช่นไร

 

 

ทว่าที่เกินความคาดหมายก็คือ หลังจากที่ซูหลีได้ยินคำพูดของฉินม่อโจว เพียงแต่จะไม่มีท่าทีตอบโต้ ซ้ำยังผงกศีรษะอย่างว่านอนสอนง่ายแล้วเอ่ย

 

 

”ข้าจักทำตามที่ท่านอ๋องบอก”

 

 

ทุกคน…

 

 

อย่าว่าแต่คนที่คอยรับชมอยู่เลย แม้แต่ตัวฉินม่อโจวเองยังประหลาดใจเป็นอย่างมาก เดิมเขาคิดว่า เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ จักต้องซูหลีผู้หัวรั้นไม่พอใจอย่างแน่นอน

 

 

คิดไม่ถึงว่านางว่านอนสอนง่ายขนาดนี้

 

 

เขาอดที่จะหันไปมองนางไม่ได้ ทว่าครั้นเห็นใบหน้าขาวกระจ่างที่อยู่ภายใต้แสงไฟ คล้ายดั่งหยกมันแพะชั้นดีมิปาน ขาวบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ดวงตาดอกท้อที่มีมนต์เสน่ห์สามารถทำให้คนลุ่มหลง ยามหลุบตาลงนั้นกลับให้ความรู้สึกถึงความอ่อนแอ

 

 

ช่างแตกต่างกับท่าทีเผด็จการที่นางแสดงออกมาอย่างสิ้นเชิง

 

 

ฉินม่อโจวชะงักค้างไป รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นผิดปกติ เขาจึงรีบละสายตาของตนออกมาไม่กล้าที่จะมองนางอีก

 

 

เพียงแต่ในเวลาต่อมาทั้งหมดนี้ เมื่ออยู่ในสายตาของเขาอีกครั้งกลับเปลี่ยนเป็นไร้รสชาติ

 

 

มิได้ดูขาวกระจ่างเหมือนดังเมื่อครู่นี้

 

 

 

 

“สามพันชั่ง!”

 

 

“คุณชายท่านนี้ประมูลที่สามพันชั่งแล้ว! มีท่านใดจะให้สูงกว่านี้หรือไม่” อย่าว่าแต่ฉินม่อโจว กระทั่งการประมูลที่ดำเนินต่อไป เพราะไม่มีการเข้าร่วมสุ่มสี่สุ่มห้าของซูหลี ทำให้การประมูลจืดชืดไปถนัดตา

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังหมัวมัวที่ยืนจัดการอยู่บนเวทีดูแข็งทื่อเล็กน้อย

 

 

ที่จริงแล้วนางรู้สึกว่า หงหลัวถูกใครซื้อไปก็มีค่าเท่ากัน ไม่ว่าอีกว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ขอแค่มีเงินประมูลก็พอแล้ว

 

 

คนที่ให้ราคาสูงที่สุดกลับถูกท่านอ๋องโน้มน้าวใจจนรามือไปเสียแล้ว

 

 

ในเมื่อท่านอ๋องเอ่ยเช่นนี้แล้ว หมัวมัวของหอโคมเขียวเช่นนางจะสามารถทำอะไรได้กัน

 

 

ได้แต่รู้สึกเสียดายเงินจำนวนสามหมื่นชั่งอยู่ในใจเท่านั้น!

 

 

นั่นเป็นเงินตั้งสามหมื่นชั่ง! เมื่อคิดถึงถึงเงินจำนวนสามพันชั่งตรงหน้าแล้ว ที่จริงนี่ถือว่าเป็นราคาที่สูงแล้ว ทว่าอย่างไรหวังหมัวมัวก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

การประมูลครั้งนี้ ซูหลีไม่เอ่ยพูดอะไรขึ้นมาอีก เพียงใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางจ้องมองไปทางหงหลัวที่ยืนประหม่าอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

 

 

ทว่านางหารู้ไม่ว่า ขณะที่นางกำลังมองคนอื่นอยู่ กลับมีคนจ้องมองนางอยู่เช่นกัน

 

 

ในเวลานี้ภายในห้องรับรองที่หรูหราริมหน้าต่างชั้นสองของหอหร่วนเซียง บริเวณที่อยู่ติดหน้าต่างมีคนสองคนนั่งอยู่

 

 

รัศมีของทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกันมาก กระทั่งใบหน้าก็มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อนั่งอยู่ด้วยกันกลับมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

 

“เสด็จน้อง พูดถึงสตรีในวังหลังของเจ้านั้นมีน้อยเกินไป” ฉินเฮ่าที่ไม่พูดไม่จาตั้งแต่เข้ามานั่งในห้องนี้ พลันเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน

 

 

คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขานั้นสวมชุดอาภรณ์สีดำเข้ม บนอาภรณ์ปักด้วยลวดลายมังกรทองกำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน เป็นบุรุษที่มีรูปโฉมหล่อเหลาอย่างยิ่งยวด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างนั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยียบ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1102 แขกที่ชั้นสอง

 

 

“ข้ารู้สึกหงหลัวนางนี้ไม่เลวนัก มีรูปโฉมงามสะคราญ เกรงว่าในวังจะเฟ้นหาได้ยาก ถ้าอย่างนั้นก็สู้ให้ข้าซื้อตัวนางไว้ ฮ่องเต้ก็ทรงรับนางเข้าวัง นี่ไม่ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ดีหรือ”

 

 

ฉินเย่หานที่อยู่ตรงข้ามฉินเฮ่าไม่ได้เอ่ยอะไรตั้งแต่ต้น ใบหน้ายังคงเย็นยะเยียบ แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่เหลือบขึ้นมองเลยสักนิด

 

 

คล้ายกับที่ฉินเฮ่าพูดออกมานั้นเป็นเพียงเรื่องที่ไม่สำคัญเท่านั้น

 

 

ฉินเฮ่าเห็นอากัปกิริยาของเขาเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าจึงเจื่อนลงไปหลายส่วน ความคิดของน้องชายคนนี้จะล้ำลึกเกินไปแล้ว

 

 

ก่อนที่ยังไม่ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เขายังไม่สามารถมองเขาได้ปรุโปร่ง บัดนี้ความรู้สึกเช่นนี้คล้ายกับจะมีมากขึ้นกว่าเดิมอีก

 

 

แม้เขานั่งอยู่ตรงหน้าฉินเฮ่า แต่ฉินเฮ่ากลับอ่านความคิดของเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย คนแบบนี้มิอาจควบคุมได้ง่าย

 

 

ฉินเฮ่าอดฉุกคิดถึงไทเฮาที่เคยพูดเรื่องเหล่านั้นกับเขา ทว่าดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว นั่นไม่ใช่เป็นเพียงความคิดของไทเฮาฝ่ายเดียวเท่านั้น

 

 

ยากที่จะควบคุมฉินเย่หานหรือ

 

 

เกรงว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถนั้น!

 

 

“เสด็จพี่จะเกรงใจไปแล้ว” ฉินเย่หานยกจอกชาที่อยู่ตรงหน้าขึ้นจิบหนึ่งคำ ละสายตาออกจากซูหลีที่อยู่ด้านล่างโดยไม่มีใครทันจับสังเกตได้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

 

“เสด็จน้อง คำพูดเหล่านี้มิใช่คำพูดที่พี่พูดกับเจ้า บัดนี้เจ้าก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่กลับมองข้ามเรื่องระหว่างชายหญิงมาโดยตลอด ไม่มีทางที่ฮ่องเต้ของราชวงศ์ต้าโจวจะไม่มีบุตรเป็นของตนเอง!” ฉินเฮ่าได้ยินเขาเอ่ยจึงรีบดึงสติกลับมา แสดงบทบาทพี่ชายของตน

 

 

บัดนี้ยศศักดิ์ของฉินเย่หานมิเหมือนดังแต่ก่อน ฉินเฮ่ากลับพูดคำว่า ‘เสด็จน้อง’ ได้เต็มปากเต็มคำ ไม่รู้ว่าเขาต้องใช้ความเป็นพี่ของตนมาข่มเหงฉินเย่หาน หรือต้องการทำอะไรกันแน่

 

 

หวงเผยซานที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินเย่หานรับรู้ได้ถึงบรรยากาศทะแม่งๆ ในห้องรับรองนี้ ทว่าทำได้แค่เพียงก้มหน้าหลุบตามองลงที่พื้นไม่กล้าพูดอะไรออกมา

 

 

“เสด็จพี่กังวลมากไปแล้ว” ฉินเย่หานยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไรนัก

 

 

ฉินเฮ่ามองเขาด้วยแววตาที่ลุ่มลึกปราดหนึ่ง จากนั้นพลันยกมือขึ้นแล้วเอ่ย “ใครก็ได้เข้ามา ไปซื้อตัวแม่นางหงหลัวมาซะ ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไร ในวันนี้แม่นางคนนี้ข้าจะประสงค์จะมอบให้ผู้อื่นแล้ว!”

 

 

ครั้นเอ่ยจบ ในที่สุดฉินเฮ่าก็รู้สึกว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง

 

 

ทว่าเขากลับไม่สนใจ เพียงถ่ายทอดคำสั่งให้เด็กรับใช้ข้างกายเขารีบไปประมูลแม่นางหงหลัว

 

 

ฉินเย่หานตวัดสายตามองเขาด้วยใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ อากัปกิริยาเช่นนี้ของเขาทำให้ในใจของฉินเฮ่ารู้สึกเหมือนถูกโจมตีเข้าอย่างจังๆ

 

 

ฉินเฮ่าชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นพลันเอ่ยขึ้น “ทำไม หรือฮ่องเต้ทรงมิชอบหงหลัว”

 

 

ดวงตาของหงหลัวนั้นคล้ายคลึงกับดวงตาของซูหลีมาก เขาไม่เชื่อว่าฉินเย่หานจะไม่หวั่นไหว

 

 

พูดถึงตรงนี้จากที่ฉินเฮ่าพิจารณาดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉินเย่หานหรือฉินมู่ปิง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเขาปฏิบัติต่อซูหลีอย่างแตกต่าง ล้วนเป็นเพราะรูปโฉมของซูหลีก็เท่านั้น

 

 

มิเช่นนั้นจะเป็นเพราะเหตุใดได้

 

 

“เสด็จพี่รอบคอบนัก” เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เมื่อฉินเฮ่าได้ยินคำพูดประโยคนี้ ชั่วขณะนี้พลันมีประกายพอใจพาดผ่านในดวงตา

 

 

เป็นประจวบเหมาะที่คนที่เขาส่งไปประมูลแม่นางยอดดอกเหมยหงหลัว ได้ประมูลเป็นราคาสูงสุดที่ห้าพันชั่งพอดี

 

 

เสียงโหวกเหวกจากด้านนอก ทำให้ฉินเฮ่าปรายตามองไปปราดหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาพลาดที่จะเห็นความเย็นชาในสายตาของฉินเย่หาน

 

 

“ยินดีกับแขกกิตติมศักดิ์ที่ชั้นสองด้วยเจ้าคะ!” ใบหน้าของหวังมามาเต็มไปด้วยความเบิกบานใจ ซูหลีมองแล้วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

 

 

เมื่อครู่มามาท่านนี้มิใช่กำลังรู้สึกผิดหวังอยู่หรือ ไยใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็สามารถเปลี่ยนสีหน้าได้ไวขนาดนี้

 

 

อีกทั้ง…ชั้นสอง?

 

 

วันนี้แม้แต่พวกฉินม่อโจวยังถูกตระเตรียมให้มาอยู่ชั้นหนึ่ง บนชั้นสองยังมีแขกอีกหรือ เป็นใครกันนะ?!