จากนั้นหลังจากที่เฉินเฉินฉีกเห็ดหลินจือสีม่วงส่วนนึงเข้าปาก เขาก็เอาเถาวัลย์ขดนึงออกมา
เถาวัลย์นี้เป็นที่รู้จักในชื่อเถาวัลย์กักอสูร มันเติบโตในที่ที่แสงแรกฉายในตอนที่ดวงอาทิตย์ขึ้น มันเก็บพลังแสงอาทิตย์เอาไว้ และแน่นอนว่าสามารถยับยั้งพลังอสูรได้
เหมือนที่เขาพูดกัน คนอื่นจะใช้ข้อได้เปรียบจากอาการป่วยของคุณเพื่อฆ่าคุณ เฉินเฉินเอาเถาวัลย์กักอสูรและเริ่มเข้าไปหาอสูรจิ้งจอกโดยไม่ลังเล
เพี๊ยะ!
ด้วยเสียงฟาด เถาวัลย์กักอสูรก็ฟาดใส่อสูรจิ้งจอก
อสูรจิ้งจอกร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ควันสีขาวฟุ้งออกมาจากร่างกายของมัน
“ได้ผลจริง ๆด้วย!”
ดวงตาของเฉินเฉินเปล่งประกายขึ้น และเถาวัลย์กักอสูรในมือของเขาก็เริ่มสะบัดขึ้นลง
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
อสูรจิ้งจอกถูกฟาดอย่างรุนแรงจนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ในท้ายที่สุด มันก็ถึงกับเริ่มร้องขอความเมตตา
“ท่านเซียน โปรดไว้ชีวิตอสูรต่ำต้อยตนนี้ด้วยเถิด! อสูรตนนี้จะไม่มีวันมาล่วงเกินท่านอีกแล้ว!”
“อสูรต่ำต้อยตนนี้เตรียมใจพร้อมที่จะรับบทลงโทษทุกอย่าง!”
เสียงร้องของอสูรฟังดูค่อนข้างน่าสงสาร แต่เฉินเฉินดูเหมือนไม่ได้สนใจอะไรเลย เขาโจมตีอสูรจิ้งจอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านเซียน… ได้โปรด…”
ตอนแรกอสูรจิ้งจอกอยากจะขอความเมตตา แต่หลังจากที่เฉินเฉินยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันก็ยอมถอดใจในที่สุด และเสียงที่ฟังดูน่าสงสารก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายอีกครั้ง
“ไอ้เซียนบัดซบ! ไอ้เด็กโง่นี่ เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำแบบนี้เองนะ!”
อสูรจิ้งจอกคำรามแล้วอ้าปากออกมา พร้อมกับยิงลูกปัดกลม ๆสีแดงหนึ่งลูก จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่เฉินเฉินด้วยออร่าที่ทรงพลัง
“น้ำอมฤตภายในอสูร!”
เฉินเฉินจำเจ้าลูกปัดกลม ๆนี้ได้ และเขาก็มีทีท่าตกใจในทันที เขารีบเก็บเถาวัลย์กักอสูรที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็วแล้วแทนที่มันด้วยอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ‘ไม้ควบคุมมังกร’
ในทันทีที่ไม้ควบคุมมังกรถูกเผยออกมา ดวงตาของอสูรจิ้งจอกก็แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวสุดขีด เหมือนกับว่ามันได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก
“ไม่นะ!”
เฉินเฉินไม่ได้สังเกตดูปฏิกิริยาของอสูรเลย จากนั้นเขาก็ทำท่าเหมือนกับกำลังเขวี้ยงลูกเบสบอล แล้วเขวี้ยงไม้ควบคุมมังกรใส่ลูกบอลสีแดงด้วยเสียงตูม
หลังจากเสียงระเบิดดังนี้ ลูกบอลก็ลอยไกลออกไปที่ไหนซักแห่งบนฟ้า
บนพื้นราบ อสูรจิ้งจอกดูเหมือนกับโดนฟ้าผ่า มันนอนไม่ขยับไปไหนอยู่บนพื้น มันไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ด้วยซ้ำ
ในตอนที่ลูกปัดร่วงลงมาจากฟ้า มือของเฉินเฉินก็ยื่นออกไปรับมัน และอสูรจิ้งจอกก็ตัวหดลงจากขนาดห้าเมตรเป็นจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ แต่มันก็ยังคงนอนนิ่งอยู่บนพื้น
มีแค่ดวงตาของมันที่ยังคงกระพริบอยู่ แสดงให้เห็นว่ามันยังไม่ตาย
“อยากได้ไอ้นี่ไหม?” เฉินเฉินเขย่าน้ำอมฤตภายในอสูรต่อหน้าอสูรจิ้งจอก ในขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
ความต้องการแสดงออกมาทางสายตาของอสูรจิ้งจอกในทันที แต่ความปรารถนานั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กตรงหน้าอสูรนั้นจะยืนด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นเขากำลังบีบน้ำอมฤตภายในแน่นมากและไม่ได้ผ่อนคลายเลย
เขากำลังข่มขู่อสูรอยู่!
“วันนี้ ข้ายอมรับความภายแพ้ ถ้าอยากฆ่าข้าก็เชิญเลย!”
หลังจากที่พูดจบ อสูรจิ้งจอกก็หลับตาและเตรียมใจตาย
เฉินเฉินขมวดคิ้วในตอนที่เห็นปฏิกิริยาของอสูร และตอบกลับไปอย่างจริงจัง “พี่สาว ช่วยทำตัวให้ใหญ่เหมือนก่อนหน้านี้ได้ไหม? ตอนนี้ขนาดของเจ้ามันพอแค่ทำผ้าพันคอเท่านั้นเอง แต่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวใหญ่พอที่จะทำผ้าห่มได้อย่างน้อยสามผืนเลยนะ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน อสูรจิ้งจอกก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ ถ้ามันยังมีพละกำลังเหลืออยู่ซักนิด มันคงจะกระโดดขย้ำเจ้าเด็กคนนี้ด้วยพละกำลังทั้งหมดของมัน
…
“ท่านเซียน… ท่านช่างมีเก่งกาจมากจริง ๆ!”
ในขณะที่เฉินเฉินกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะจัดการกับอสูรจิ้งจอกยังไงดี คำชมก็ดังมาจากระยะไม่ไกลนัก มันมาจากหัวหน้ากลุ่มนักรบ
เมื่อเทียบกับท่าทีดุร้ายก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาค่อนข้างเป็นมิตร เหมือนกับว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันเสียมากกว่า
เฉินเฉินเหลือบมองเขาแต่ไม่ได้ตอบสนอง ในระหว่างนั้น หัวหน้านักรบก็เริ่มเดินมาหาเฉินเฉิน
“ท่านเซียน ช่วยส่งอสูรตนนี้มาให้ข้าจะได้ไหมพวกเราจะได้ล้างแค้นให้นายน้อยและจบภารกิจของเรา?”
เฉินเฉินหัวเราะเยาะคำพูดของนักรบ จากนั้นเขาก็มองคนดูแลม้าและคนคุ้มกันที่ยังถูกมัดอยู่แล้วถาม “ทำไมหล่ะ?”
“ในตอนที่หัวหน้าอัศวินได้ฟังคำถามของเฉินเฉิน สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อ จากนั้นเขาก็ตอบกลับ “เจ้านายของข้าคือขุนศึกแห่งเมืองเฟยหู่ และยังเป็นตระกูลเซียนด้วย ได้โปรดเถอะท่านเซียน คิดซะว่าเพื่อเอาใจนายท่านของข้า”
“ขุนศึกของเมืองเฟยหู่หรอ?” เฉินเฉินเลิกคิ้วขึ้น
เมืองเฟยหู่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่อยู่ในเขตของรัฐจี มันเทียบเคียงกับเมืองเฟยหยุนได้เลย และมีระดับสูงกว่ามณฑลเสฉวน
ถ้าเจ้ามณฑลของเสฉวนมีระดับการฝึกตน ขุนศึกที่มียศสูงกว่านั้นจะต้องมีระดับการฝึกตนที่สูงกว่าอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉินไม่อยากเอาใจขุนศึกของเมืองเฟยหู่คนนี้เลยซักนิด
ถึงยังไง นักรบของเมืองเฟยหู่ก็ได้ทำเรื่องที่โหดร้ายและอยากใช้กลุ่มของเฉินเฉินเป็นแพะรับบาป ตอนนี้พออสูรจิ้งจอกถูกสยบลงแล้ว ทำไมเขาถึงต้องมาเอาใจขุนศึกที่ไหนก็ไม่รู้ด้วยหล่ะ?
ฝันไปเถอะ!
“ข้าไม่รู้จักเขา และข้าก็ไม่มีงานอดิเรกในการมอบสินสงครามให้คนอื่นด้วย”
เฉินเฉินปฏิเสธคำขอของนักรบ
ในตอนที่นักรบได้ฟังคำตอบของเฉินเฉิน ความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แต่เขาไม่กล้าปลดปล่อยมันออกมา หลังจากที่ผ่านไปซักพัก เขาก็คุกเข่าลงแล้วร้องขอ “ท่านเซียน ได้โปรดเมตตาคนธรรมดาอย่างพวกข้าด้วยเถิด ถ้าพวกเราทำภารกิจไม่สำเร็จ นายท่านจะต้องสังหารพวกเราในตอนที่กลับไปแน่”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็กระพริบตาส่งสัญญาณให้นักรบที่ยังรอดอยู่
พวกนักรบทุกคนคุกเข่าในตอนที่เห็นสัญญาณนี้ แล้วเริ่มร้องขอเหมือนกัน
“ท่านเซียน ข้ามีแม่อายุ 80 ปี และลูกอายุสามขวบครับ!”
“ได้โปรดเมตตาพวกเราด้วย ท่านเซียน!”
“พี่ใหญ่… ทำไมไม่ยกมันให้พวกเขาไปซะหล่ะครับ?” เมื่อเห็นพวกนักรบอ้อนวอน จางจีที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็ใจอ่อนแล้วมองไปทางเฉินเฉิน
“ยกให้เจ้าพวกนี้หรอ? จางจี เจ้าลองคิดดูสิถ้าพวกเราเป็นแค่คนธรรมดา และถ้าพวกเราจับตัวอสูรจิ้งจอกไม่ได้ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา? ข้ากล้าพนันเลยว่าเจ้าพวกนี้จะตัดหัวพวกเราแล้วเอากลับไปเพื่อสำเร็จภารกิจแน่ ๆ คิดว่าเจ้าพวกนี้จะสนใจความรู้สึกของพวกเราหรอ? เจ้าพวกนี้จะสนใจหรอว่าพวกเรามีครอบครัวที่แก่เฒ่ารึเปล่า? ข้าขอตอบให้เลย เจ้าพวกนี้มันไม่สนหรอกเพราะฉะนั้นข้าก็จะไม่เห็นใจเหมือนกัน”
หลังจากที่พูดจบ เฉินเฉินก็เมินหัวหน้านักรบ แล้วเดินไปหากลุ่มคนติดตามของเขาที่ถูกมัดแล้วแก้มัดให้
เมื่อเห็นสภาพเศร้าสลดของคนของตัวเอง จางจีก็รู้สึกเห็นด้วย และความสงสารของเขาก็หายไปจนหมด
“กลับไปบอกความจริงกับเจ้านายของพวกเจ้าซะเถอะ ถ้าเขาไม่เชื่อเจ้า เจ้าก็ทำได้แค่โทษตัวเองที่เลือกติดตามคนผิดแล้วละ”
หลังจากได้ฟังคำพูดของจางจี นักรบแต่ละคนก็เริ่มมองหน้ากัน ในขณะที่ดวงตาของหัวหน้านักรบเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เซียนไม่เคยสนใจคนธรรมดาเลยสัก เจ้านายของพวกเขาก็เป็นแบบนั้นกันทุกคน รวมทั้งเซียนที่อยู่ตรงหน้าก็เช่นกัน
ถ้าเขากลับไปมือเปล่าจริง ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้านายจะจัดการกับลูกน้องของเขายังไง อย่างไรก็ตาม ในฐานะหัวหน้า เขาจะต้องถูกฆ่าแน่ ๆ
จะทำยังไงดี? เขาจะเอาตัวรอดยังไงดี?
ในขณะที่จิตใจของเขาสับสน เขาก็เริ่มคิดแผนที่โหดร้ายขึ้นมา
เขาจะฆ่าลูกน้องทั้งกลุ่ม แล้วหนีไปเป็นโจร
ด้วยวิธีนี้ เจ้านายก็อาจจะคิดว่าเขาตายในการต่อสู้
ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากให้พวกลูกน้องหนีไปกับเขา แต่เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ลูกน้องของเขายังมีครอบครัวอยู่ในเฟยหู่ และพวกเขาก็ไม่น่าจะได้รับโทษตาย ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเอาทุกอย่างมาเสี่ยง
“เจ้าบังคับให้ข้าทำแบบนี้! อย่ามาโทษที่ข้าโหดร้ายเลยนะ!”
หัวหน้านักรบพึมพำกับตัวเองด้วยสายตาที่ชั่วร้าย