บทที่ 1880+1881

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1880 พบหน้า

คำสั่งทหารปานขุนเขาที่กดทับลงมา หลงซือเย่ย่อมไม่อาจฝ่าฝืนได้ กล่าวอำลากับกู้ซีจิ่วแล้วจากไปอย่างเร่งร้อน

อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็สนใจพิธีวิวาห์ของมหาเทพของจอมมารยิ่งนักเช่นกัน

ที่แท้ดินแดนแห่งนี้เทพมารก็สามารถครองคู่กันได้ กลายเป็นสามีภรรยา

ได้ยินว่าจอมมารหนิงเสวี่ยโม่กับมหาเทพเสินจิ่วหลี่เคยมีสัมพันธ์กันที่ทวีปอื่น จนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน

การกำเนิดของเด็กคนนี้ก็แปลกประหลาด แรกเริ่มนั้นถูกฟูมฟักอยู่ในศิลาหนี่ว์วา จากนั้นก็กะเทาะศิลาออกมา ทันทีที่ถือกำเนิดก็สามารถวิ่งได้พูดเป็นเลย…

เด็กเช่นนี้หากกำเนิดในครอบครัวมนุษย์ธรรมดา ย่อมกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์พันลึก

แต่ในเมื่อเป็นลูกของมหาเทพกับจอมมาร…พันธุกรรมย่อมแข็งแกร่งยิ่งนัก เด็กคนนี้จะประหลาดพิสดารเช่นใดก็ไม่เหนือไปจากความคาดหมายของกู้ซีจิ่วเลย

บุตรชายของเทพและมาร ซ้ำยังถูกฟูมฟักในศิลาหนี่ว์วา แน่นอนว่าต้องแข็งแกร่งมาก!

ทุกครั้งที่กู้ซีจิ่วมายังดินแดนเบื้องบนล้วนยุ่งง่วนยิ่งนัก ยุ่งอยู่กับการตามหาคน ถึงแม้พิธีสมรสของมหาเทพกับจอมมารจะยิ่งใหญ่อลังการนัก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เดิมทีคิดเอาไว้ว่าจะไม่ไป

แต่ภายหลังได้ลองใคร่ครวญดูอีกครั้งพิธีสมรสของมหาเทพกับจอมมารย่อมต้องเชื้อเชิญยอดคนจากสามภพมาร่วมงานเป็นแน่ คงจะเป็นงานชุมนุมของผู้มีความสามารถงานหนึ่ง!

ไม่แน่ว่าในบรรดานั้นอาจมีคนที่เธอต้องการตามหา…

….

พิธีสมรสของมหาเทพกับจอมมารอลังการอย่างยิ่ง!

ผู้คนคับคั่งล้นหลาม งดงามตระการตา

เกี้ยววิวาห์เป็นราชรถบุปผา ทั้งคันสานขึ้นจากบุปผาเซียน แสงมงคลทอประกายพร่างพราว เข้าคู่กับม่านระย้ามุกเงือก ดุจภาพฝันมายายิ่งขึ้นไปอีก

เป็นอย่างที่กู้ซีจิ่วคาดการณ์ไว้ ยอดคนของสามภพมารวมกันอยู่ที่นี่แทบทั้งหมดแล้ว!

มีเสียงหัวเราะแซ่ซ้องยินดี กลีบบุปผาโปรยปรายดั่งสายธาร ปูทับถมอยู่บนเส้นทางเมฆา ปลิดปลิวปานระลอกคลื่น

กู้ซีจิ่วซ่อนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูทุกอย่างนี้ รู้สึกรางๆ ว่าฉากนี้ค่อนข้างคุ้นตาอยู่บ้าง ราวกับว่าในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เคยมีคนจัดงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้ให้เธอเหมือนกัน…

เบื้องหน้าพลันเลื่อนลอย คล้ายจะมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ในชุดแดงอุ้มเจ้าสาวของเขาก้าวออกประตูไป เดินไปขึ้นเกี้ยวมงคลท่ามกลางสายตาของสาธารณะชน…

เธอสะบัดหน้าเล็กน้อยภาพหลอนนั้นหายไปอีกครั้ง

สองร้อยปีมานี้เธอได้เห็นภาพหลอนอยู่เป็นประจำ ในภาพหลอนยังคงเป็นชายหญิงคู่นั้น ดังนั้นเธอจึงเห็นจนชินไปแล้ว

สิ่งที่ทำให้เธอค่อนข้างยินดีคือ เมื่อก่อนยามที่ภาพหลอนปรากฏขึ้นรูปลักษณ์ของผู้คนในภาพหลอนจะพร่าเบลอยิ่งนัก พอจะฝืนมองออกได้ว่าเป็นเงาร่างคนเท่านั้น อย่างอื่นไม่ชัดเจนเลย แต่สองคนนั้นกลับค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนในยามนี้ เธอสามารถมองเห็นโครงร่างของชายหญิงในภาพหลอนได้แล้ว…นับว่ามีพัฒนาการไปอีกขั้นแล้ว

งานวิวาห์ครื้นเครงเร่าร้อนปานกองเพลิงที่ลุกโหม สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดผ่านใบหน้าของผู้ที่มาร่วมงานวิวาห์เหล่านั้น

ผู้คนเหล่านี้คนของสามคีรีห้าบรรพตล้วนมีทั้งสิ้น บ้างก็รูปโฉมหล่อเหลางดงาม บ้างก็พิสดารแปลกใหม่ บ้างก็สง่าผ่าเผย…มากมายนับไม่ถ้วน กู้ซีจิ่วกวาดตามองแวบหนึ่ง ล้วนเป็นหัวคนที่แออัดเนืองแน่น…

เธอขยี้ตาเล็กน้อย คนมากมายถึงเพียงนี้ ต่อให้เธอจับสัมผัสผู้ใดได้บ้าง ก็เกรงว่าคงแยกไม่ออกกระมัง?

เธอไม่ชอบสถานที่ที่มีคนมากเกินไป

เพียงแต่เพื่อภารกิจแล้ว เธอทำได้เพียงอดทนเอาไว้

เธอมองไปทีละแถวๆ ค่อยๆ ตามเกี้ยววิวาห์ไป ไม่ทันได้รู้ตัวก็ติดตามมาจนถึงชั้นฟ้าที่เก้าแล้ว ตามไปจนถึงตำหนักของมหาเทพ…ตำหนักนภาลัย

หน้าตำหนักนภาลัยมีไอมงคลอบอวล ไอเซียนล่องลอย มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกันเนืองแน่น

กู้ซีจิ่วกวาดสายตาผ่านร่างของแขกเหรื่อเหล่านี้ไปอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยังคงสัมผัสอะไรไม่ได้เช่นเดิม…

เธอค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย โชคดีที่สองร้อยปีมานี้เธอเคยชินกับความผิดหวังไปเสียแล้ว จึงไม่เก็บมาคิดเป็นจริงเป็นจัง

เธอไม่ชินกับการอยู่ร่วมกับฝูงชนนานๆ จึงซ่อนตัวอยู่บนท้องฟ้าเสียเลย มองลงไปยังฉากวิวาห์เบื้องล่างนั้น มองเป็นเพียงการชมเรื่องครื้นเครงฉากหนึ่ง

ทันใดนั้นเธอคล้ายว่าจะมองเห็นอะไรบางอย่าง สายตาพลันร่อนลงบนร่างของเด็กน้อยคนหนึ่ง!

——————————————————————-

บทที่ 1881 การแต่งงานช่างดีเสียจริง

เด็กคนนั้นอายุราวสี่ห้าขวบ สวมเสื้อคลุมสีทองอ่อนจางที่เปลี่ยนสีได้ยามอยู่ใต้แสงตะวัน นัยน์ตาโต แพขนตายาว ริมฝีปากน้อยเม้มนิดๆ ดูบอบบางกว่ากลีบบุปผาเสียอีก ในมือถือตะกร้าบุปผาไว้ ก้าวเยื้องย่าง พลางโปรยกลีบบุปผาไปด้วย ด้านหลังเขายังมีเด็กหญิงในชุดขาวฟูฟ่องกลุ่มหนึ่ง และเด็กชายในชุดสีฟ้าอ่อนกลุ่มหนึ่งติดตามมาด้วย

เด็กน้อยเหล่านี้งดงามกันทั้งสิ้น แต่เอาเด็กน้อยเหล่านี้มารวมกันแล้ว ก็ยังน่ามองสู้เด็กชายในชุดสีทองอ่อนจางคนนั้นไม่ได้!

มุมปากของเด็กคนนั้นหยักยิ้มบางๆ ถึงแม้จะอยู่ภายใต้การจับจ้องของสายมากมายปานนี้กลับไม่ประหม่าเลยสักนิด เข้าไปหาบ่าวสาวคู่นั้นเช่นนี้

กู้ซีจิ่วอยู่กลางนภามองเด็กน้อยคนนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด!

เบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ปรากฏฉากหนึ่งขึ้นมา ชายหญิงคู่หนึ่งถูกกักไว้ในช่องแคบบางอย่างออกไปไม่ได้ชั่วขณะ จู่ๆ ชายคนนั้นก็หดเล็ดลง ถูกหญิงอุ้มเอาไว้ พุ่งออกมาจากช่องแคบนั้น…

เมื่อหญิงสาวคนนั้นปล่อยคนในอ้อมแขนลง ถึงได้พบว่าอีกฝ่ายกลายเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง สูงไม่ถึงหนึ่งเมตร…

หลังจากหญิงสาวคนนั้นทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง ก็หันหลังออกเดิน แต่เดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาอีกครั้ง มองเห็นเด็กน้อยคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมพยายามจะเติบใหญ่ขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวมองเขา เขาก็ยิ้มอย่างอายๆ แวบหนึ่ง ยิ้มจนปรากฏลักยิ้มสองข้างแก้ม…

ภาพเหล่านี้เลือนหายไปแทบจะในชั่วพริบตา และไม่ทราบเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น หนนี้กู้ซีจิ่วมองเห็นเด็กน้อยในภาพหลอนอย่างชัดเจน รูปโฉมเหมือนเด็กน้อยที่ทำหน้าที่เป็นเด็กโปรยดอกไม้ทุกประการ!

หัวใจเธอเสมือนถูกบางอย่างจู่โจมอย่างหนักหน่วง เธอจึงตั้งสติเล็กน้อย

มองดูเด็กน้อยคนนั้นอีกครั้ง มองเห็นว่าในมือของเด็กคนนั้นเปลี่ยนเป็นช่อบุปผาแล้ว กำลังยื่นให้เจ้าสาวด้วยรอยยิ้มละไม น้ำเสียงกระจ่างใส “ท่านแม่ สุขสันต์วันวิวาห์! สุขสันต์วันเกิด!”

กู้ซีจิ่วตะลึงไปเล็กน้อย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยคนนี้คือบุตรชายของบ่าวสาวที่อยู่เบื้องหน้าคู่นี้ เสินเนี่ยนโม่บุตรชายของเทพและมารในตำนานผู้นั้น

เสื้อคลุมตัวน้อยของเสินเนี่ยนโม่เรียบกริบ แม้แต่รอยยับสักรอยก็ไม่มี

ยังมีหนูน้อยตาโตที่งดงามยิ่งนักคนหนึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับเสินเนี่ยนโม่ด้วย เงยหน้าขึ้นกล่าวคำอวยพรเช่นกัน

หนิงเสวี่ยโม่ผู้เป็นเจ้าสาวย่อมดีใจยิ่งนัก รับช่อดอกไม้ในมือของบุตรชายมา ซ้ำยังลูบหัวบุตรชาย แล้วก็ลูบหัวหนูน้อยคนนั้นด้วย

หนูน้อยแย้มยิ้มอย่างมีความสุขนัก เสินเนี่ยนโม่เม้มริมฝาจิ้มลิ้มนิดๆ…

งานวิวาห์ดำเนินต่อไป สายตาของทุกคนที่อยู่ในงานล้วนอยู่ที่ร่างของคู่บ่าวสาวทั้งสิ้น กู้ซีจิ่วซ่อนอยู่บนฟ้า ทว่าไม่อาจห้ามใจได้เพ่งพินิจเสินเนี่ยนโม่อีกครั้ง

กล่าวกันว่าบุตรแห่งเทพมารผู้นี้อายุยังไม่ครบขวบมิใช่หรือ? นี่ดูเหมือนเด็กสี่ห้าขวบเลย…

เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเนี่ยนโม่เป็นหัวหน้าของเหล่าเด็กน้อย หลังเสร็จหน้าที่เด็กโปรยบุปผาแล้ว เด็กน้อยกลุ่มนี้ก็รวมตัวอยู่รอบกายเขา พูดคุยกับเขา

หนูน้อยที่ส่งมอบดอกไม้ให้พร้อมกับเสินเนี่ยนโม่คนนั้น ติดตามอยู่ข้างกายของเสินเนี่ยนโม่ปานแผ่นยาหนังสุนัข ไม่ทราบว่าหยิบลูกกวาดออกมาจากไหน ยื่นให้เสินเนี่ยนโม่เสมือนมอบสมบัติล้ำค่าให้ “พี่เนี่ยนโม่ ให้ท่านกินนะ”

เสินเนี่ยนโม่วางท่ายิ่งนัก ไม่มีแม้แต่ทีท่าว่าจะรับไว้ “ข้าไม่ชอบกินของหวาน”

หนูน้อยคนนั้นถูกเมิน ทว่าไม่ได้รู้สึกเสียหน้าเลย ยังคงแปะอยู่ข้างกายเขา เงยหน้ามองคนทั้งสองที่กำลังกราบไหว้ฟ้าดินอยู่ สีหน้าใฝ่หา “การแต่งงานช่างดีเสียจริง! พี่เนี่ยนโม่ รอจนข้าโตแล้วก็จะออกเรือนกับท่านบ้างดีไหม?”

เสินเนี่ยนโม่เอียงคอมองแม่หนูน้อย ไม่รู้ว่าหยิบพริกเม็ดหนึ่งออกมาจากไหนกัน ยื่นให้แม่หนูน้อย “กล้ากินสิ่งนี้หรือไม่?”

หนูน้อยคนนั้นมองพริกสีแดงจัดจ้านจากนั้นก็มองเสิ่นเนี่ยนโม่ ตัดสินใจในทันใด ฉวยพริกเม็ดนั้นแล้วกัดเข้าไปคำโต!

——————————————