บทที่ 1882+1883

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1882 ตอนนี้เธอไม่หวั่นไหวกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น…

จากนั้น เห็นได้ชัดว่านางถูกความเผ็ดเล่นงานแล้ว!

ทั้งไอทั้งสำลัก น้ำมูกน้ำตาไหล ทว่าฝืนทนไว้ไม่ร้องไห้ออกมา เพียงมองเสินเนี่ยนโม่ตาละห้อย “พี่เนี่ยนโม่ เช่นนี้…ได้แล้วใช่ไหม?”

เสินเนี่ยนโม่ยิ้มจนปรากฏลักยิ้มขึ้นบนดวงหน้าน้อยๆ มองฟองน้ำมูกที่ผุดออกมาจากจมูกน้อยๆ ของนาง กล่าวอย่างเอาจริงเอาจังว่า “ไม่ได้ เจ้าสกปรกเกินไป”

หนูน้อยคนนั้นร้องไห้จ้าแล้ว…

กู้ซีจิ่วที่อยู่บนฟ้ามองแล้วอยากหัวเราะนัก ช่างเป็นเจ้าเด็กแสบที่ไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาโดยแท้! อายุแค่นี้ก็เจ้าเล่ห์ขนาดนี้แล้ว…

ปกติแล้วกู้ซีจิ่วไม่ค่อยชอบเด็กเล็กๆ เท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นคือวันนี้เธอมีภารกิจที่ตนต้องทำอยู่ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เธอสมควรจะมองคนอื่นๆ ให้มากหน่อย แต่วันนี้ค่อนข้างผิดปกติ สายตาของเธออดไม่ได้ที่ร่อนลงบนร่างของเสินเนี่ยนโม่ หรือจะเป็นเพราะเด็กน้อยคนนี้หล่อเหลาเกินไป?

เสินเนี่ยนโม่ไม่สนใจหนูน้อยที่หัวใจแตกสลายเพราะเขาอีก หันไปมองพ่อแม่ของเขา ทันใดนั้นเขาคล้ายจะสัมผัสถึงบางสิ่งได้ เงยหน้ามองขึ้นมา มองมายังทิศทางนี้ของกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วซ่อนตัวอยู่ให้หมู่เมฆ เขาย่อมมองไม่เห็น แต่กู้ซีจิ่วกลับรู้สึกว่าสายตาของตนสบเข้ากับเด็กชายตัวน้อยผู้นี้!

กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย

ภายใต้แสงตะวัน นัยน์ตาของเด็กน้อยคนนี้มืดมิดดุจรัตติกาล กระจ่างใสดั่งธาราไหลริน ในความบริสุทธิ์แฝงเสน่ห์เย้ายวนที่ยากจะบรรยายได้เอาไว้รางๆ

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ทอดถอนใจอยู่ในใจ ‘ไม่เสียที่เป็นบุตรแห่งเทพมาร! ในไอเซียนที่ลอยล่องแฝงเร้นไอชั่วร้ายที่ไม่อาจบรรยายได้กระจ่าง…เด็กคนนี้เมื่อเติบใหญ่ขึ้นจะเป็นตัวตนที่สามารถล่มบ้านล้างเมืองได้เป็นแน่ ไม่รู้ว่าจะมีเด็กสาวมากมายปานได้ที่ถูกเขาทำให้หัวใจแตกสลาย…’

ขณะที่เธอกำลังใจลอยอยู่ พลันมีดอกไม้ช่อหนึ่งกระแทกเข้ามาในอ้อมแขนเธอ เธอผงะไปเล็กน้อย ก้มหน้ามอง จำได้ว่านี่คือช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือของเจ้าสาว

เธอก้มมองอีกครั้ง มองเห็นว่าบรรดาแขกเหรื่อมากมายที่อยู่ด้านล่างกำลังเงยหน้ามองท้องฟ้า มองหาดอกไม้ช่อนี้อยู่…

ชัดเจนยิ่งนัก คู่บ่าวสาวที่อยู่ด้านล่างนั้นดำเนินการไปถึงขั้นที่เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้แล้ว เจ้าสาวออกแรงมากเกินไป ช่อดอกไม้จึงถูกโยนขึ้นมาบนท้องฟ้า!

ซ้ำยังพุ่งเข้าใส่อ้อมแขนเธออย่างประจวบเหมาะพอดีด้วย…

ส่วนในคู่บ่าวสาวคู่นั้นสายตาของเจ้าบ่าวมองมายังทิศทางที่เธออยู่พอดี ชัดเจนยิ่งนัก อีกฝ่ายมองเห็นเธอแล้ว

เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ ผู้ใดรับได้ผู้นั้นคือผู้ที่มีวาสนามงคลรายต่อไป ความหมายแฝงงดงามยิ่งนัก คนมากมายจึงต้องการไขว่คว้าสิ่งนี้

กู้ซีจิ่วมองดอกไม้ในอ้อมแขน อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีชะตามงคลหรอกนะ…

ตอนนี้เธอไม่หวั่นไหวกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น…

ขณะที่เธอกำลังจะเคลื่อนไหว เจ้าบ่าวที่อยู่ด้านล่างก็สะบัดแขนเสื้อขึ้นไปบนฟ้าคราหนึ่ง มวลเมฆรอบกายกู้ซีจิ่วกระจายออกไป เผยร่างเธอออกมา

สายตานับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างเธอ ดูเหมือนจะนึกไม่ถึงว่าบนฟ้ายังมีคนที่ตีตั๋วยืนแบบเธออยู่ด้วย…

กู้ซีจิ่วรู้สึกขอบคุณตัวเองยิ่งนักที่วันนี้สวมเสื้อคลุมสีม่วงอ่อนตัวหลวมโคร่ง ซ้ำยังสวมหน้ากากบดบังใบหน้า ไม่มีผู้ใดมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ

เธอกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง เปิดปากเอ่ย “ข้าแค่ผ่านทางมา…ไร้เจตนาจะช่วงชิงบุปผานี้ ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองประสงค์จะโยนให้ผู้ใดหรือ? ข้าสามารถจัดการให้ได้”

เจ้าสาวที่อยู่ด้านล่างยิ้มน้อยๆ “การโยนสิ่งนี้เป็นเพียงการส่งต่อความเป็นมงคลเท่านั้น โยนไปถึงมือผู้ใดก็นับว่าเป็นของผู้นั้น ในเมื่อท่านผู้สูงศักดิ์ได้รับ นั่นแสดงว่าบุปผานี้มีวาสนากับท่าน ตอนนี้บุปผานี้เป็นของท่านแล้ว ท่านอยากจัดการเช่นไรก็จัดการได้เลย”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ข้าไม่มีวาสนามงคล ยังคงต้องโยนให้แก่ผู้ที่มีชะตามงคลจะดีกว่า ข้าจะโยนแทน ดูเอาเถิดว่าแท้จริงแล้วบุปผานี้มีวาสนากับผู้ใด…”

เธอพลันสะบัดมือ โยนช่อดอกไม้ให้มือออกไป

———————————————————————–

บทที่ 1883 มันไม่ชอบเจ้า เจ้าอ้วนเกินไป

ด้านล่างมีมือนับไม่ถ้วนยื่นออกมา คิดจะช่วงชิงบุปผาช่อนี้ กลับคาดไม่ถึงว่าว่าจะลมหอบใหญ่พัดมา พัดพาบุปผานี้ให้ลอยขึ้นไป กระแทกใส่ศีรษะของคนผู้หนึ่งจนเกิดเสียงดังฟุ่บ…

กู้ซีจิ่วก้มมองทันที ทึ่มทื่อไปแล้ว!

ผู้ที่โดนช่อบุปผากระแทกใส่คือเสินเนี่ยนโม่ที่กำลังชมเรื่องครื้นเครงอยู่!

เสินเนี่ยนโม่มือไม้สาละวนดึงช่อดอกไม้ลงมาจากหัว เขาถูกกระแทกจนมึนงงอยู่บ้าง เงยหน้าขึ้นอย่างขุ่นเคือง สบสายตากับกู้ซีจิ่วเข้าพอดี!

สายตาสองคู่ประสานกันอยู่กลางอากาศ…

แววตาของเสินเนี่ยนโม่กระจ่างชัด ดวงหน้าน้อยๆ งามลออปานหยกขาว นิ้วมือที่อยู่นแขนเสื้อของเขาถึงขั้นที่ยื่นออกมาแล้ว ตั้งท่าจรดนิ้ว คิดจะส่งสายฟ้าไปฟาดใส่คนที่โยนของลงมาจากที่สูงจนกระแทกใส่หัวเขา ทว่าเมื่อมองเห็นกู้ซีจิ่วที่อยู่บนฟ้าก็ตะลึงงันไป!

ผู้ที่อยู่บนฟ้าสวมชุดสีม่วงอ่อน บดบังใบหน้าทั้งหมดไว้ด้วยหน้ากากภูตผีที่น่าสะพรึง เขามองไม่ออกกระทั่งว่าอีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง…

แต่ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากคู่นั้นทำให้เขาใจเขาบีบรัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เคล็ดอาคมที่ร่ายไว้ไม่ถูกส่งออกไปแล้ว

กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “ขออภัย!” พลันใช้วิชาเคลื่อนย้าย หายไปเลย

เสินเนี่ยนโม่นิ่งงัน

ขุนพลเทพเย่เทียนหลีที่อยู่ด้านข้างยิ้มละไมเอ่ยแสดงความยินดีกับเขา “เนี่ยนโม่ ยินดีด้วย ยินดีด้วยที่เจ้าได้รับวาสนามงคล”

เสินเนี่ยนโม่เลิกคิ้วนิดๆ เอ่ยถามเขาอย่างไม่เข้าใจ “วาสนามงคลคือสิ่งใด? สามารถทำให้วรยุทธ์ของข้าก้าวหน้าได้หรือไม่?”

เย่เทียนหลีไปไม่เป็นแล้ว…

ฝูงชนต่างยิ้มออกมา

เสินเนี่ยนโม่ก้มมองช่อบุปผาในมือ บุปผานี้ยังคงสดใหม่อยู่ บนนั้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างของคนชุดม่วงเมื่อครู่นั้นอยู่จางๆ ทำให้เขาใจสั่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด…

“พี่เนี่ยนโม่ มอบบุปผานี้ให้จื่อหลิงได้หรือไม่? จื่อหลิงชอบบุปผา” แม่หนูน้อยที่ถูกเสินเนี่ยนโม่แกล้งจนร้องไห้หายงอแงแล้ว ยื่นมือน้อยๆ ขาวนุ่มนิ่มมาหาเขา

ยามนี้คู่บ่าวสาวจากไปแล้ว สายตาของฝูงชนจึงร่อนลงบนร่างเสินเนี่ยนโม่ เมื่อเห็นท่าทางของแม่หนูน้อย ฝูงชนต่างมองดูกันอย่างคึกคัก รู้สึกว่าเด็กน้อยทั้งสองน่าสนุกเหลือเกิน และดูสมกันเหลือเกิน

บางคนที่มีสายตาเฉียบแหลมจดจำได้ว่า หนูน้อยจื่อหลิงผู้นี้คือมุกกลางหัตถ์ของหลูเนี่ยนเจินเหรินแห่งทวีปนี้ และหลูเนี่ยนเจินเหรินก็เป็นสหายของมหาเทพเสินจิ่วหลี่ เป็นเลิศด้านคาถาอาคม เป็นบุคคลที่มีตัวตนยิ่งนักผู้หนึ่ง

ยามนี้ธิดาของเขายืนอยู่กับเสินเนี่ยนโม่ เด็กน้อยทั้งสองเสมือนหยกคู่ งดงามน่ามองยิ่งนัก ฝูงชนจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยหยอกเย้ากันสักประโยคสองประโยค สนับสนุนเสินเนี่ยนโม่ให้มอบบุปผาแก่จื่อหลิง

ซ้ำยังกล่าวว่าพวกเขาทั้งสองสมกันมาก บางคนก็กล่าวหยอกล้อเสินเนี่ยนโม่อย่างปากไม่มีหูรูดว่า “เนี่ยนโม่ มอบบุปผาให้จื่อหลิง แล้ววันหน้าก็ให้นางออกเรือนกับเจ้าดีหรือไม่?”

เสินเนี่ยนโม่ถือช่อบุปผาฟังวาจาหยอกล้อของคนเหล่านี้อยู่เงียบๆ สุดท้ายเขาก็กะพริบตาปริบๆ นำช่อบุปผามาแนบหูตน ราวกับฟังอะไรอยู่

ฝูงชนล้วนมองเขาอย่างสนใจใคร่รู้ ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่

ผ่านไปครู่หนึ่ง เสินเนี่ยนโม่ก็นำบุปผาออกห่างจากหู มองหลูจื่อหลิงอย่างจริงจังยิ่ง “ขอโทษด้วย บุปผาช่อนี้บอกว่ามันไม่ชอบเจ้า เจ้าอ้วนเกินไป”

หลูจื่อหลิงเงียบไปอึดใจหนึ่ง ใบหน้าน้อยๆ ของนางแดงก่ำ ร้องไห้จ้าขึ้นมาอีกครั้ง!

นางอ้วนตรงไหนกัน? แค่เป็นหนูน้อยน้อยที่อวบอัดไปบ้างเท่านั้น ฮือ นางไม่ได้อ้วนนะ!

….

คืนนี้กู้ซีจิ่วนอนไม่ค่อยหลับอีกแล้ว เธอนำกล่องใบนั้นออกมามองอยู่พักหนึ่ง

เธอครอบครองกล่องใบนี้มาสองร้อยปีแล้ว ทว่าไม่เคยเปิดได้เลย

ใคร่คือผู้ที่มีวาสนากับมันกันนะ?

ชีวิตนี้เธอจะหาเจอหรือเปล่า?

ในสมองมีเงาร่างของเสินเนี่ยนโม่แวบขึ้นมาอีกครั้ง จึงยกมือนวดหว่างคิด เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าเด็กคนนั้นดูคุ้นตายิ่งนัก…

น่ารักจนทำให้เธออยากกอด

——————————-