บทที่ 1884+1885

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1884 เธออยากสัมผัสเขา…

เขาจะใช่คนที่ตนกำลังตามหาหรือเปล่า?

เป็นไปไม่ได้กระมัง?

คนที่เธอตามหาคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ หากบอกว่ามหาเทพเสินจิ่วหลี่ผู้นั้นคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เธอยังจะเชื่อมากกว่า แต่นั่นเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง…

เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ต่อให้จำแลงกายได้สารพัด ก็คงจะไม่กลับชาติมาเป็นเด็กน้อยจริงๆ กระมัง?!

เพียงแต่ ถ้าหากว่าใช่ล่ะ?

คล้ายว่าเธอจะมีความรู้สึกที่ค่อนข้างประหลาดต่อเด็กคนนั้น…

กู้ซีจิ่วพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับ สุดท้ายจึงลุกขึ้นมาสวมชุดคลุมเสียเลย

ตอนกลางวันมีคนมากเกินไป สัมผัสที่หกของเธออาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ไม่สู้ไปลองตรวจสอบตอนกลางคืนเอา ดูว่ายังมีความรู้สึกพิเศษอยู่หรือไม่

กู้ซีจิ่วเป็นคนที่คิดแล้วทำเลย ดังนั้นเธอจึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปทันที…

….

เสินเนี่ยนโม่พำนักอยู่ในตำหนักนภาลัย

และกู้ซีจิ่วก็ทราบดีว่าตำหนักนภาลัยเป็นตัวตนที่พิเศษอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ ณ ชั้นฟ้าที่เก้า เป็นชั้นฟ้าลำดับสูงสุด

สถานที่แห่งนี้นอกจากเจ้านายในตำหนักนภาลัยรวมถึงข้ารับใช้ที่ได้รับการยอมรับแล้ว คนนอกไม่อาจเข้าไปได้

มีเขตแดนครอบคลุมอยู่!

เขตแดนนี้มหาเทพติดตั้งด้วยตัวเอง ผู้ใดก็ทำลายไม่ได้

กู้ซีจิ่วคิดไว้ว่า ถ้าตนต้องการจะเข้าไปในตำหนักนภาลัยแห่งนี้คงต้องเปลืองแรงยิ่งนัก กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเธอใช่วิชาเคลื่อนย้ายจากด้านนอกตำหนักเข้าไปโดยตรงได้เลย! ไม่พบอุปสรรคกีดขวางเลยสักนิด

หลังจากเข้าไปได้แล้วเธอก็ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง

หรือเป็นเพราะเจ้านายของที่นี่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงาน แขกเหรื่อยังมิจากไป ด้วยเหตุนี้มหาเทพผู้นั้นจึงคลายเขตแดนออกหรือ? เพื่อให้แขกเข้าออกได้สะดวกใช่ไหม?

ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไร สุดท้ายเธอก็เข้ามาได้แล้ว

เนื่องจากตอนกลางวันมาร่วมพิธีวิวาห์ที่นี่แล้ว ดังนั้นเธอจึงคุ้นเคยกับการจัดแต่งของที่นี่ยิ่งนัก

ยามนี้ใกล้ถึงยามรุ่งอรุณแล้ว เป็นช่วงเวลาที่มืดมิดอับแสงที่สุด อักทั้งเธอสวมชุดสีดำ จึงไปมาอย่างเทพไม่รู้ผีได้เห็นได้จริงๆ

ในไม่ช้า เธอก็หาเรือนนอนของเสิ่นเนี่ยนโม่พบ

ปัจจุบันวรยุทธ์เธอสูงส่ง ความสามารถในการพรางกายก็เป็นเลิศ เธอเข้ามาได้โดยไม่มีผู้ใดพบเห็น นี่ทำให้เธอทั้งยินดีปรีดาทั้งเป็นกังวลในมาตรการความปลอดภัยของตำหนักนภาลัยยิ่งนัก

เข้ามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ หากมีศัตรูแทรกซึมเข้ามาลักพาเด็กจะทำยังไง?

ความคิดนี้ถูกเธอซัดกลับเข้าไปในสมอง เงี่ยหูฟังอยู่ใต้หน้าต่าง ด้านในมีเสียงหายใจแผ่วเบา ชัดเจนยิ่งนักว่าคนที่อยู่ด้านในหลับสนิทแล้ว

หลับสนิทก็ดี หลับสนิทแล้วจะได้สังเกตได้สะดวกๆ…

ร่างเธอเปล่งแสงวาบ เคลื่อนย้ายเข้าไปในเรือน

ในเรือนตกแต่งอย่างหรูหรายิ่ง เตียงหลังใหญ่ตั้งชิดกำแพง ม่านเตียงห้อยลู่ ข้างเตียงมีเปลือกหอยอยู่ชิ้นหนึ่ง เปลือกหอยอ้าแง้มเล็กน้อย ด้านในมีแสงของไข่มุกราตรีส่องลอดออกมา…

สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดผ่านเปลือกหอยแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเจ้าหอยยักษ์ของบ้านตนขึ้นมา เจ้านั่นยังคงฝึกฝนอยู่ในโลกเบื้องล่างตลอด

เนื่องจากระดับขั้นไม่เพียงพอ มันกับลู่อู๋จึงไม่สามารถติดตามเธอขึ้นมาด้านบนได้ ขอเพียงเธอต้องขึ้นมายังดินแดนเบื้องบน ก็จะพาเจ้าสองตัวนั้นไปไว้ที่วังค้ำนภาของตนให้ฝึกฝนอยู่ที่นั่น

สีสันของของเปลือกหอยที่อยู่เบื้องหน้าคล้ายคลึงกับเจ้าหอยยักษ์บ้านเธออย่างไม่น่าเชื่อ

สายตาเธอกวาดผ่านม่านเตียงอีกครั้ง

ม่านเตียงเป็นสีฟ้าอ่อน บนนั้นมีภาพวาดทิวทัศน์ขุนเขาสายธารอยู่ มีกลิ่นอายดั่งหมอกฝนพรำ ณ เจียงหนาน

ฝีแปรงดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัด ทว่างดงามมีอารมณ์ศิลป์ยิ่งนัก

เห็นได้ชัดว่าภาพวาดบนม่านนี้เสินเนี่ยนโม่เป็นผู้วาด…

กู้ซีจิ่วยืนอยู่หน้าเตียงครู่หนึ่ง ยื่นมือไปแหวกม่านเตียงเบาๆ ในที่สุดก็ได้เห็นเด็กน้อยที่หลับใหลอยู่ด้านใน

แพขนตาดุจพัด ทาบคลุมดวงตา ผิวพรรณงามกระจ่างปานหยก ริมฝีปากบางหยักขึ้นน้อยๆ ต่อให้ไม่ยิ้มก็คล้ายจะแฝงแววยิ้มหัวไว้สามส่วนแล้ว บนร่างเขามีกลิ่นหอมอ่อนจางสายหนึ่ง กลิ่นหอมนี้เบาบางยิ่งนัก ทว่าทำให้หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ในใจคล้ายถูกเส้นด้ายบางๆ อันใดรัดรึงแล้วกระตุกคราหนึ่ง เธอหลุบตามองเด็กน้อยผู้นี้ ความคิดพิลึกอย่างหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในใจ เธออยากสัมผัสเขา…

————————————————————————

บทที่ 1885 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์

เธอไม่อยากรบกวนฝันหวานของเด็กน้อย ดังนั้นเธอจึงยื่นมือไปเบาๆ ปลายนิ้วเอื้อมไปแตะดวงหน้าเล็กๆ ที่นุ่มนิ่มของเด็กน้อย

เพียงแต่ว่าปลายนิ้วเธอยังไม่ทันสัมผัสถูกเขา แพขนตาของเขาพลันสั่นไหว ลืมตาขึ้นมา

กู้ซีจิ่วกำลังใจลอยอยู่พอดี ลืมหลบไปชั่วขณะ ทั้งสองจึงได้สบตากัน

กู้ซีจิ่วแข็งทื่อไปแล้ว

เสินเนี่ยนโม่ตกตะลึง!

นัยน์ตาที่หรี่ปรืออยู่บ้างของเสินเนี่ยนโม่พลันเบิกกว้าง!

กู้ซีจิ่วยังไม่ทันแสดงท่าทีอะไร เบื้องหน้าพลันพร่าเลือน ผ้าห่มผืนหนึ่งถูกโยนมาคลุมศีรษะเธอ!

ใบหน้าเฉิดฉันของเธอมืดทะมึน รู้สึกรางๆ ว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ตนเคยใช้มาก่อน นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะใช้ออกมา

เธอโบกมือคราหนึ่ง ผ้าห่มผืนนั้นยังไม่ได้ทันสัมผัสถูกมุมชุดเธอก็ร่วงลงไปบนพื้นทันที

‘พลั่ก!’ กระแสพลังสายหนึ่งซัดเข้าใส่เธออย่างแรง

กระแสพลังสายนี้ไม่เบาเลย กู้ซีจิ่วเซถอยไปหลายก้าว สะบัดแขนเสื้อพรึบ กระแสพลังสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เธอเงยหน้าขึ้น กลับพบว่าเด็กคนนั้นปานกระสุนปืนใหญ่พุ่งชนหน้าต่างจนพัง เหินทะยานออกไป

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

เธอน่าตกใจขนาดนั้นเชียวหรือ? ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีสีหน้าราวกับเห็นผี?

เธอยกมือลูบหน้าตัวเองตามสัญชาตญาณ สัมผัสถูกหน้ากากเย็นเฉียบ…

ปัจจุบันเธอชอบสวมหน้ากากอย่างยิ่ง ออกไปข้างนอกจัดการธุระอันใดส่วนใหญ่ล้วนสวมไว้ และมีหน้ากากมากมายหลายแบบ รูปทรงเช่นใดล้วนมีทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอออกมาได้สุ่มหยิบมาสวมอันหนึ่ง ไม่ได้มองเช่นกันว่ามีรูปลักษณ์อย่างไร ยามนี้พอมองตัวเองแล้วพลันสะดุ้งโหยง!

หน้ากากอันนี้ใบหน้าซีดขาวไร้สีสัน ริมฝีปากสีแดงโลหิต ซ้ำยังแลบลิ้นออกมาครึ่งหนึ่งด้วย ตาโปนถลนปานตีตายโหงที่สิ้นชีพจากการแขวนคอ!

เธอกระแอมเบาๆ เด็กน้อยตื่นขึ้นมากลางดึกจู่ๆ ก็ได้เห็นใบหน้าเช่นนี้…

เขาไม่ตกใจจนฉี่ราดก็ถือว่ามีความสามารถยิ่งนักแล้ว!

ซ้ำยังใช้กลยุทธ์มากมายถึงเพียงนี้ได้ในชั่วพริบตาอีก…

ช่างเป็นหนูน้อยที่มีความสามารถยิ่งนัก!

เขาพุ่งออกไปเช่นนี้จะไปที่ไหนกัน?

คงมิใช่ว่าไปหาบิดามารดาของเขาแล้วกระมัง?!

สามีภรรยาคู่นั้นเพิ่งสมรสกัน ซ้ำคืนนี้ยังเป็นคือเข้าหออีก ต้องไม่อยากถูกรบกวนเป็นแน่…

เธอ…เธอไม่ได้ตั้งใจนะ

กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายออกไปนอกประตู มองเห็นเงาร่างหนึ่งใหญ่หนึ่งก้าวมาแต่ไกล

เธอใจเต้นแวบหนึ่ง ใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปที่ต้นไม้ใหญ่ใบเขียวชอุ่มดกเป็นพุ่มที่อยู่ด้านข้าง ซ่อนตัวอยู่ในนั้น

หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนั้นย่อมเป็นมหาเทพเสินจิ่วหลี่กับเสินเนี่ยนโม่สองพ่อลูก

เสินเนี่ยนโม่ยังดูขวัญผวาอยู่บ้าง “ท่านพ่อ เนี่ยนโม่เห็นคนหน้าผีคนหนึ่งจริงๆ นะ เขาเป็นศัตรูของท่านหรือเปล่า? ใช่เจ้าสวะลั่วจิ่วเฉินผู้นั้นหรือไม่?”

เสินจิ่วหลี่ส่ายหน้า “วางใจเถอะ ไม่ใช่หรอก ลั่วจิ่วเฉินตายไปแล้ว ฟื้นคืนชีพไม่ได้แล้ว”

แล้วก้มมองบุตรชายอีกครั้ง “ทำไมเล่า? กลัวหรือ?”

เสิ่นเนี่ยนโม่เชิดหน้า “เปล่านะ! เนี่ยนโม่แค่จะเตือนท่านให้รู้ตัว”

มหาเทพเสินจิ่วหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เช่นนั้นหรอกหรือ…ขอบใจมากนะ”

สองพ่อลูกพูดคุยกัน พลางก้าวเข้าไปในเรือนนอนของเสินเนี่ยนโม่

ผ่านไปครู่หนึ่งเสินจิ่วหลี่ก็ออกมา ยามเดินผ่านต้นไม่ใหญ่ที่กู้ซีจิ่วอยู่ เขาก็ปรายตามองเล็กน้อย กล่าวอย่างเฉยเมยประโยคหนึ่งว่า “จะฝึกฝนเขาก็ใช้วิธีดีๆ หน่อยเถิด”

อาภรณ์ขาวปลิวไสว จากไปในเส้นทางเดิม

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เธอเข้าใจดี เสินจิ่วหลี่พบตัวเธอแล้ว!

ตนแต่งผีไปหลอกลูกชายเขาให้ตกใจ เขาไม่เก็บมาใส่ใจเลยหรือ?

คล้ายว่าเขาจะตำหนิเพียงการแต่งตัวเป็นผีของเธอเท่านั้น…

เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว อันที่จริงเธอไม่ได้คิดจะแต่งเป็นผีเลยนะ ทุกอย่างเป็นแค่ความผิดพลาด…

ฝึกฝนเขาด้วยวิธีดีๆ งั้นหรือ?

มหาเทพผู้นี้คิดให้เธออบรมสั่งสอนบุตรชายแทนเขาหรือไง?

————————————-