Sign in Buddha’s palm 304 (II) ท้องฟ้าถล่ม
เท่านั้น
มันยังคงไม่จบ
หลังจากสังหารบรรพชนสายฟ้า ร่างของซูฉินก็หายตัวไปอีกครั้ง ไปโผล่อยู่ไม่ไกลจากบรรพชนหิมะแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะ
“ไม่ดีแล้ว!”
บรรพชนหิมะแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะยังคงตกใจกับการตายของบรรพชนสายฟ้าไม่หาย ก็พบว่าซูฉินเข้ามาใกล้นางเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นพลังจิตวิญญาณที่น่ากลัวก็พลุ่งพล่านวังอันน้อยที่อยู่เหนือศีรษะก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว
ซูฉินทุบวังอันน้อยด้วยหมัด และหมัดอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็ได้ทําลายจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนหิมะจนสิ้น
ฟูว!
ซูฉินประทับฝ่ามือเข้าใส่หม้อยาที่อยู่ด้านหน้าจ้าวโอสถแห่งสํานักเทพโอสถจนมันแตกออกเป็นชิ้นๆ เมื่อเทียบกับผนึกสายฟ้าสวรรค์และวังอันน้อยของบรรพชนหิมะหม้อยานี้ไม่ใช่อาวุธที่เหมาะสมแก่การป้องกันด้วยซ้ํา มันจะหยุดร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําของซูฉินได้อย่างไร?
ชั่วพริบตา จ้าวโอสถก็ได้เดินตามรอยบรรพชนสายฟ้าและบรรพชนหิมะไปติดๆ ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแรกกําเนิดถูกทุบเป็นเสี่ยงๆไม่ทิ้งอะไรไว้เลย
ทันใดนั้น ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีคนอื่นๆ ก็เริ่มส่งเสียงคร่ําครวญ เนื้อหนังแตกกระจายจิตวิญญาณแรกกําเนิดสลายกลายเป็นผุยผง
ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเหล่านี้อ่อนแอที่สุดในบรรดาคนทั้งเจ็ดอ่อนแอเสียยิ่งกว่าจ้าวโอสถที่เชี่ยวชาญด้านการปรุงกลั่นโอสถ หากไม่ได้อยู่ไกลจากซูฉินที่สุดเกรงว่าคงตกตายไปนานแล้ว แต่กระนั้นไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่อยู่ดี
“นี่?”
ห่างออกไป ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนเบิกตากว้าง มองไปที่ซูฉินด้วยอาการขนพองสยองเกล้า
นับตั้งแต่เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางตายไปครี่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งห้าต่างตกตายไปตามๆกันเดิมที่พวกเขาเหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดรวมตัวกันล้อมสังหาร คิดว่าตนมีแต้มต่อสามารถจัดการซูฉินได้เหมือนฆ่าไก่ แต่ในชั่วพริบตากลับเหลือตัวเขาอยู่เพียงคนเดียว
แม้จะเป็นผลมาจากทักษะโจมตีผสานได้ถูกทําลายแต่คนเหล่านี้ก็เป็นถึงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเชียวนะ? แม้ว่าเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริงต้องการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ห้าคนพร้อมกัน อย่างน้อยจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ต้องเหลือรอดมาได้มิใช่หรือ?
“ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ถึงห้าคนหากอยู่ต่อหน้าเซียนเทพปฐพี ถึงพวกเขาจะพ่ายแพ้อย่างน้อยก็ต้องมีหนึ่งถึงสองคนหลบหนีไปได้ แม้จะถูกเซียนเทพปฐพี่ตามล่าจนตายในที่สุดก็ตามแต่เจ้าเป็นใครกัน ไม่ใช่เซียนเทพปฐพีด้วยซ้ํา แต่มีความสามารถเทียบเท่าเซียนเทพปฐพี?”
ปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนตั้งสติถามออกด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ
ตัวตนระดับนี้ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เคยมีความสิ้นหวังแบบนี้ปรากฏในใจ แต่ในยามนี้ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนเหมือนกลับมาอยู่ในตอนที่ตนเองยังอยู่ในขอบเขตวิทยายุทธเก้าระดับชั้น แล้วต้องเผชิญหน้ากับตํานานยุทธขั้นสูงสุด มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งกลัวและไร้ซึ่งอํานาจ
ซูฉันไม่ใช่เซียนเทพปฐพีและปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนก็มั่นใจเรื่องนี้มากไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่คนอื่นๆอย่างเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางจ้าวโอสถสํานักเทพโอสถบรรพชนหิมะตําหนักเทพเจ้าหิมะและคนที่เหลือล้วนยืนยันเรื่องนี้ได้
ไม่เช่นนั้นหากพวกเขารู้ว่าซูฉินเป็นเซียนเทพปฐพีพวกเขาคงคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา จะกล้าต่อต้านต่อไปได้อย่างไร
แม้ความแตกต่างระหว่างครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกับเซียนเทพปฐพีจริงๆจะห่างกันเพียงครึ่งก้าว แต่ช่องว่างของความแข็งแกร่งนั้นเปรียบเสมือนผืนน้ํากว้าง
ทว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ซูฉินยังไม่ได้หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติ เหมือนกับขอบเขตเซียนเทพปฐพีให้เห็นไม่มีกลิ่นอายอันทรงพลังของทะเลปราณ
ต้องรู้ว่าเชียนเทพปฐพีทุกคนย่อมใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดผสานเข้ากับทะเลปราณในส่วนลึกของความว่างเปล่า จึงจะสามารถดึงทะเลปราณออกมาได้ แต่ซูฉินนั้นไม่น่าจะเคยสัมผัสมันมาก่อน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีแก่นทะเลปราณอยู่ในจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาเลย
จุดนี้เองที่แสดงให้เห็นว่าซูฉันไม่ใช่เซียนเทพปฐพี
แม้ว่าซูฉินจะก้าวหน้าไปไกลกว่าขอบเขตตํานานยุทธ มันก็เป็นได้เพียงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี ซึ่งมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับพวกเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนไม่คาดคิด คือแม้ซูฉินจะไม่ใช่เซียนเทพปฐพี แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ธรรมดาๆก็ยังไม่นับว่าอ่อนแอแม้แต่น้อยซึ่งน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
เมื่อเทียบกับขอบเขตตํานานยุทธที่กําลังจะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนเทพปฐพี แม้ในยุคเฟื่องฟูปราณฉีครั้งล่าสุดสิ่งเหล่านี้ก็ไม่เคยเกิด
ขึ้น
ถ้าเซียนเทพปฐพี่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ จะยังถูกเรียกว่าเซียนเทพปฐพีอีกหรือ?
“จงตายเสียเถอะ”
เป็นธรรมดาที่ซูฉินจะขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคําถามของปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนจึงต่อยออกไปตรงๆ
ด้วยสภาวะร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําของซูฉินได้ก้าวข้ามร่างกายธรรมดาๆ ไปแล้วแค่ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวก็สามารถเทียบเคียงเซียนเทพปฐพีการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่จึงทําได้เพียงแค่เหวี่ยงหมัดเตะขาออกไป
“สู้ตาย!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนก็ใจสั่น รีบใช้ทักษะต้องห้ามของนิกายเฮยหยวนในทันที
ชั่วพริบตา ร่างของปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนก็ขยายออกหลายเท่า ราวกับยักษ์ขนาดย่อมสูงเกินกว่าสิบเมตรและรัศมีพลังอันน่ากลัวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ช่วงเวลาต่อมา
หมัดของซูฉินก็พุ่งมาถึง
แกร็ก แกรีก
ร่างของปฐมบรรพชนนิกายเฮยหยวนก็ทรุดตัวลงกลายเป็นความว่างเปล่าไปอย่างรวดเร็ว
ภายในเมืองฉางอัน
ตํานานยุทธนับไม่ถ้วนที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ต่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่สามารถตอบสนองได้เป็นเวลานาน
แค่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ถึงเจ็ดคนผนึกกําลังกันเข้าสังหารซูฉินก็น่าตกใจพออยู่แล้ว อย่างน้อยในยุคที่ไม่มีเซียนเทพปฐพีก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงแล้ว ยังจะมีใครบ้างที่คู่ควรให้ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีถึงเจ็ดคนต้องร่วมมือกัน?
แต่ตอนนี้ซูฉินไม่เพียงแต่โดนล้อมโดยครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เจ็ดคนแต่ยังสามารถสังหารพวกมันด้วยกระบวนท่าเดียวจนเหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดตกตายไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวจิตวิญญาณแรกกําเนิดแม้แต่ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนที่ว่ากันว่า เป็นอันดับหนึ่งในเรื่องการหลบหนีก็ไม่อาจรอดพ้นตกตายอย่างสมบูรณ์เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่ง
รู้หรือไม่ว่าแม้แต่ในยุคที่มีเซียนเทพปฐพีคงอยู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีจะตกตายเป็นจํานวนมากขนาดนี้
ท้ายที่สุดแล้วครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ก็ไม่ได้โง่เขลาเป็นไปได้อย่างไรที่จะสร้างความขุ่นเคืองให้กับเซียนเทพปฐพีจนตนเองตกตาย?
เนื่องจากไม่มีความขัดแย้งกัน เซียนเทพปฐพีย่อมไม่ลงไม้ลงมือ
สําหรับขอบเขตเซียนเทพปฐพี พวกเขาได้แยกตัวออกจากสังคมมนุษย์ไปแล้วหากไม่จําเป็นพวกเขาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกนี้เลย
“เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่แล้ว…”
มีตํานานยุทธหลายคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองขึ้นไปดูซูฉินคลื่นพายุพลันก่อตัวในใจพวกเขา
โดยเฉพาะศิษย์นิกายใหญ่ที่ถูกฝังหัวมานมนานว่าความรุ่งโรจน์ของพวกเขา ล้วนมาจากครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี และตอนนี้ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกลับตกตายไปเช่นนี้ ศักดิ์ศรีความรุ่งโรจน์ล้วนมลายหายไปเช่นกัน
เหล่าตํานานยุทธอิสระเมื่อได้เห็นฉากนี้ใจของพวกเขาก็พลันสั่นไหว เรื่องราวในช่วงหลายพันปีมานี้นิกายใหญ่มักจะดูถูกสิ่งมีชีวิตในต่างดินแดน และตอนนี้การตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเหล่านั้น ก็เท่ากับเป็นการประกาศให้ทุกคนทราบว่า
ยุคที่นิกายใหญ่เรืองอํานาจได้ผ่านพ้นไปแล้ว
“ท่านปู่ เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่? ฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ?”เด็กชายที่สวมหัวเสือเงยหน้ามองปู่ของตน พยายามแหงนหน้ามองบนท้องฟ้าน่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ตํานานยุทธ จะสามารถเห็นเหตุการณ์บนท้องฟ้านับพันเมตรได้อย่างไร?
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชายชราในชุดสามัญชนก้มศีรษะ วางมือลงบนหัวของเด็กน้อยกระซิบด้วยน้ําเสียงที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ท้องฟ้ากําลังถล่ม1]ลงมาแล้ว”
[1] ท้องฟ้าถล่ม อุปมาว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นสร้างความกดดันมหาศาลจนรู้สึกไม่มีกําลังพอจะรองรับสิ่งนี้คล้ายกับท้องฟ้าที่ถล่มลงมา