ราชันเร้นลับ 494 : เมอร์ล็อกหนึ่งคำ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 494 : เมอร์ล็อกหนึ่งคำ โดย Ink Stone_Fantasy

ท่ามกลางท้องฟ้าสีดำอันมีจันทราสีแดงลอยเด่นสง่า ไคลน์เดินเข้าไปหาดอนน่ากับแดนตันพร้อมกับนั่งยองลง

เซซิล พรรคพวกหญิงของคลีฟส์ ถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับหยิบไรเฟิลขึ้นจากพื้นดาดฟ้าเรือ เธอย่อตัวลงและเดินไปหลบในอีกมุมหนึ่ง โดยรักษาระยะห่างจากเครื่องในหมูโรยพริกไทยประมาณสิบเมตร

“คุณลุง พวกเขากำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหม”

เด็กหญิงซุกซนใบหน้าตกกระ ดอนน่า เริ่มแสดงสีหน้าประหวั่น แต่ดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไคลน์เลื่อนมือซ้ายขึ้นมาและนำนิ้วชี้จ่อริมฝีปาก เป็นการส่งสัญญาณบอกให้เด็กน้อยทั้งสองลดเสียงลง

ในเวลาเช่นนี้ ไคลน์อดรู้สึกขอบคุณจักรพรรดิโรซายล์ไม่ได้ เป็นเพราะรุ่นพี่นักเดินทางข้ามโลกได้พยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ภาษากายของโลกได้รับความนิยมบนทวีปเหนือ การสื่อสารของตนจึงไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น

ถ้าจำไม่ผิดสัญญาณมือ’ อย่าทำเสียงดัง’ เคยเป็นอากัปกิริยาหยาบคายของชาวโลเอ็นมาก่อน แต่หากเป็นทวีปใต้จะหมายถึงการบอกให้ ‘จูบฉันที’ …

ไคลน์กำลังครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย

ดอนน่าและแดนตันไม่กล้าส่งเสียงอีก เพียงนั่งยองอย่างเงียบงัน รอคอยการต่อสู้ของคลีฟส์ด้วยใจจดจ่อ

อดีตนักผจญภัยหยิบคันเบ็ดขึ้นพลางเกี่ยวเครื่องในหมูติดปลายเบ็ด ตามด้วยการวางเสียบไว้กับฐานยึดและเดินไปยังริมเรือ

เกิดเสียง ‘ซ่า’ ขณะปลายเบ็ดถูกหย่อนกระทบผิวน้ำ

คลีฟส์โปรยเครื่องในหมูชิ้นอื่นลงบนพื้นดาดฟ้าเรืออย่างใจเย็น ก่อนจะเดินเข้าไปหลบมุมในทิศทางตรงข้ามกับเซซิล

คนทั้งสองยืนกำลังยืนทำมุมประมาณหกสิบองศาจากจุดยึดคันเบ็ดในลักษณะสามเหลี่ยม

คลีฟส์พิงหอกสามง่ามและอาวุธอื่นไว้บนกำแพงห้องพัก จากนั้นก็หยิบไรเฟิลขึ้นมาถือในท่าเตรียมเล็ง

ดาดฟ้าเรือถูกบรรยากาศเงียบงันเข้าปกคลุมเป็นเวลานาน มีเพียงเสียงกลไกของเครื่องจักรและเสียงคลื่นซัดกระทบท้องเรือ

ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ดอนน่าและแดนตันเริ่มทนไม่ไหว พวกเธอต้องเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านั่งยองเป็นการนั่งก้นแนบพื้น หลังเอนพิงผนังห้องพักเพื่อขจัดอาการเหน็บชา

ทันใดนั้น ปลายคันเบ็ดเริ่มถูกดึงจมลงไปด้านล่างเล็กน้อย

เสียงเสียดสีของบางสิ่งเริ่มดังใกล้เข้ามาทุกขณะ จนกระทั่งร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ

ร่างของสัตว์ประหลาดถูกฉาบด้วยแสงนวลจากดวงจันทร์แดง ทุกซอกมุมร่างกายถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวเข้ม ผิวรอบนอกยังมีเมือกข้นเคลือบไว้อีกหนึ่งชั้น

รูปกายไม่เหมือนกับมนุษย์มากนัก คล้ายกับปลาแขนยาวมากกว่า ตามร่องนิ้วมีพังผืดแผ่นใหญ่เกาะติดอย่างชัดเจน

เมอร์ล็อกสูงประมาณ 1.9 เมตร ดวงตากลมโต แก้มสองข้างคล้ายเหงือกปลา

เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์อันคล้ายคลึงกับปีศาจในตำนานปรัมปรา ดอนน่ารีบเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากตัวเองมิให้ส่งเสียงกรีดร้อง ขณะเดียวกันก็รีบใช้มืออีกข้างปิดปากแดนตัน

หัวไวใช้ได้… ไคลน์อมยิ้มพลางสำรวจเมอร์ล็อกอย่างใจเย็น

แตกต่างจากผู้คลุ้มคลั่งซึ่งชายหนุ่มเคยพบเจอพร้อมลุงนีลล์เมื่อในอดีต ตัวเมอร์ล็อกไม่มีส่วนสมองเหมือนกับมนุษย์ เป็นเครื่องยืนยันว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประเภทสัตว์ประหลาด

เมอร์ล็อกกวาดสายตามองรอบตัวอย่างหวาดระแวง ก่อนจะนั่งยองลงและหยิบเครื่องในหมูใส่ปากเคี้ยวกร้วมกร้าม

แสงในดวงตาซีดจางลง คล้ายกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในภวังค์ความฝันชั่วขณะ

สติปัญญาต่ำตามคาด… ไคลน์ส่ายหน้าเมื่อเห็นเหยื่อติดกับอย่างง่ายดาย

ปัง!

คลีฟส์เหนี่ยวไกปืนทันที กระสุนพุ่งออกจากปากลำกล้องกระทบแผ่นอกเมอร์ล็อกจนเกล็ดแตกละเอียดและเลือดสาดกระเซ็น

“แว๊!” เมอร์ล็อกส่งเสียงร้องคล้ายทารก ตามด้วยการกระโจนเข้าหาคลีฟส์ตรงมุมมืดด้วยความเร็วเทียบเท่ารถจักรไอน้ำ

ทันใดนั้น เซซิลในอีกมุมหนึ่ง เปิดฉากยิงใส่เมอร์ล็อกอย่างชำนาญ

ปัง!

กระสุนทะลวงเข้าไปในส่วนซี่โครง เกล็ดปลาแตกกระจาย การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดเชื่องช้าลงทันที

ด้วยผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมจากเครื่องในผสมพริกไทย ตัวเมอร์ล็อกออกอาการโงนเงนพลางชะงักพฤติกรรม เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตนควรโจมตีเป้าหมายใดก่อน

ช่องว่างดังกล่าวเปิดโอกาสให้คลีฟส์และเซซิลบรรจุกระสุนไรเฟิลเข้าไปใหม่

ไกปืนถูกเหนี่ยวอีกครั้ง

ปัง! ปัง!

เลือดเมอร์ล็อกสาดกระเซ็นเป็นฝอย ความเจ็บปวดแสนสาหัสทำให้มันตาสว่าง หลุดพ้นจากภวังค์มึนงงในช่วงก่อนทันที

เมอร์ล็อกรีบกลิ้งตัวสลับกระโจนไปทางคลีฟส์เพื่อหลบหลีกการยิงในนัดถัดไป ระยะห่างของมันกับคลีฟส์ลดลงอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอาการบาดเจ็บ

อดีตนักผจญภัยวางไรเฟิลลงพร้อมกับหยิบหอกสามงามจากริมผนังอย่างคล่องแคล่ว ประหนึ่งวางแผนไว้ในใจนานแล้ว

คลีฟส์ไม่คิดหลบหลีก มันม้วนตัวสวนเข้าไปหาเมอร์ล็อกจากด้านข้าง และเล็งแทงสามง่ามเสียบชายโครงอย่างแม่นยำ

จุดดังกล่าวปราศจากเกล็ดปกป้องเนื่องจากถูกเซซิลยิงแตกในจังหวะก่อนหน้า

เมอร์ล็อกรีบกระตุกหมุนตัวด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นพายุขนาดย่อม สามง่ามถูกเหวี่ยงจนกระเด็น คลีฟส์เสียหลักล้มกระแทกพื้นดาดฟ้าเรือ

เมอร์ล็อกสอดส่องซ้ายขวา เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย มันตัดสินใจไม่โจมตีใส่คลีฟส์และเซซิลต่อ แต่เลือกวิ่งก้าวใหญ่เพื่อเตรียมกระโดดลงจากเรือ

ปัง!

เซซิลยิงซ้ำ กระสุนทำลายเกล็ดแต่ไม่ทำให้เมอร์ล็อกหยุดวิ่ง

ผ่านไปสองก้าว เมอร์ล็อกเข้าระยะกระโดดและเตรียมงอเข่า

แต่ด้วยสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ การส่งแรงจึงไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เมอร์ล็อกกะระยะพลาดและชนกับขอบเรือด้านใน

โครม!

หลังจากบาดเจ็บจากความโง่เขลาส่วนตัว เมอร์ล็อกพยายามตะเกียกตะกายปีนขอบเรือเพื่อไปยังอีกฝั่งให้ได้

เมื่อเห็นเหยื่อกำลังจะหนีรอด ไคลน์ชักลูกโม่ออกมาเล็งและง้างนก

แต่ทันใดนั้น เสียงปืนปริศนาพลันดังมาจากอีกหนึ่งทิศทาง!

ปัง!

ดวงตาข้างซ้ายของเมอร์ล็อกถูกยิงจนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ หากมองเข้าไปจะเห็นอวัยวะภายในกำลังยุบพองอย่างน่าหวาดเสียว

มันยังไม่ตายสนิท เพียงเสียหลังล้มลงไปนอนบนพื้นดาดฟ้า และพยายามตะเกียกตะกายกลับออกไปให้ได้

ไม่กี่วินาทีถัดมา พิษจากหอกสามง่ามของคลีฟส์เริ่มแสดงผล ร่างกายเมอร์ล็อกชักกระตุกแผ่วเบาจนกระทั่งแน่นิ่ง

ไคลน์มองตามเสียงปืนและเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินออกจากมุมเงามืดระหว่างห้องพัก

อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน สวมโค้ทสีแดงเข้มตัวใหญ่หนา และหมวกหนีบทหารเรือ หมวกยอดนิยมประจำยุคสมัย

มือถือปืนคาบศิลาทรงโบราณสีเหล็ก ปากกระบอกมีควันดำระอุเข้มข้น

ไคลน์เคยได้ยินลูกเรือแนะนำตัวชายคนนี้ให้ตนฟังแล้ว ไม่ใช่ใครนอกจากกัปตันเรือโมราขาวลำนี้

ไอร์แลนด์·คักส์

กัปตันเรือเจ้าของรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก หางตา และมุมปาก เดินเข้าไปหาคลีฟส์และกล่าวด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง

“ในฐานะกัปตัน ผมต้องทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ได้โปรดให้อภัยการแอบจับตามองคราวนี้ด้วย”

คลีฟส์ยืนขึ้น และกล่าวโดยไม่ทรยศความรู้สึกตัวเอง

“เชิญตามสบาย นี่เป็นเรือของคุณ และตามข้อตกลง คุณมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งจากการล่า”

ไอร์แลนด์หันมาจ้องไคลน์กับคนอื่น

“เรือจะจอดเทียบท่าเพื่อเติมเสบียงและน้ำสะอาดในอีกสองวัน กว่าจะถึงตอนนั้น คุณต้องหาวิธีเก็บรักษาศพเมอร์ล็อกอย่างมีประสิทธิภาพ เอาแบบนี้เป็นไง ขายมันให้ผมในราคาถูกกว่าปรกติ ส่วนต่างคือส่วนแบ่งของผม”

“ก็คงต้องตามนั้น” คลีฟส์และเซซิลมองหน้ากันเล็กน้อย “หนึ่งร้อยสามสิบปอนด์ แล้วศพเมอร์ล็อกจะเป็นของคุณทันที”

ลำพังตะกอนพลังของเมอร์ล็อกก็มีราคาหนึ่งร้อยห้าสิบถึงสองร้อยปอนด์แล้ว ยังไม่รวมอวัยวะอื่นภายในศพ หนึ่งร้อยสามสิบปอนด์จึงนับว่าถูกมาก…

แต่คลีฟส์กับเซซิลคงมิอาจเรียกร้องได้มากนัก เพราะนี่คือเรือของไอร์แลนด์ กัปตันย่อมมีลูกเรือและคนงานจำนวนมาก หากการเจรจาล้มเหลว คลีฟส์กับเซซิลสามารถจมก้นทะเลภายในไม่กี่วินาที…

นั่นคือในกรณีเราไม่เข้าไปช่วย…

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า คลีฟส์กับเซซิลไม่ใช่ผู้วิเศษ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่เส้นทางชำนาญด้านยิงปืน แต่ในส่วนของไอร์แลนด์ ชายคนนี้น่าสงสัย…

ไคลน์ยืนฟังการเจรจาพลางครุ่นคิด

“เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ต้องการขูดรีดคุณ เอาไปหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ นั่นคือราคายุติธรรมต่อทุกฝ่าย”

ไอร์แลนด์กวักมือเรียกลูกเรือคนหนึ่งพร้อมกับมอบกุญแจตู้นิรภัยให้

“คุณคือ ‘ไอร์แลนด์ผู้เที่ยงธรรม’ คนนั้นเองหรือ…” เซซิลอุทานขึ้นหลังจากนึกสมญานามบนท้องทะเลของอีกฝ่ายออก

ไอร์แลนด์ยิ้ม

“ถูกต้อง”

ขณะเดียวกัน ดอนน่าและแดนตันซึ่งกำลังตื่นเต้นจากการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาดตัวเป็นๆ พยายามเดินเข้าไปใกล้ศพของด้วยความหวาดหวั่นแกมอยากรู้อยากเห็น

“ม…มันตายแล้วใช่ไหมคะ?” ดอนน่าใช้เท้าเตะศพแผ่วเบา ก่อนจะรีบวิ่งไปหลบหลังน้องชายอย่างสั่นกลัว

“สัตว์ประหลาดตัวจริง!” แดนตันอุทานด้วยดวงตาลุกวาว

“ในทะเลมีสัตว์ประหลาดมากมาย โดยเฉพาะเจ้านี่ หากไม่นับว่ามีแขนขาคล้ายมนุษย์ พวกมันไม่มีสิ่งใดเหมือนมนุษย์แม้แต่อย่างเดียว” ไอร์แลนด์อธิบายอย่างอ่อนโยน

ถัดมา มันนั่งยองลงข้างศพเมอร์ล็อกและใช้มีดเฉือนเอาเนื้อแก้มตรงใต้ตาจำนวนหนึ่ง เผยให้เห็นเนื้อสดสีขาวขุ่นเจือเลือดฝาดสีแดง

“ส่วนอร่อยสุดยอดของเมอร์ล็อก ต้องกินแบบดิบจึงจะวิเศษ” ไอร์แลนด์แล่เนื้อแก้มให้บางลงและส่งมีดติดปลายเนื้อสีขาวไปทางดอนน่า “เธอทำให้ฉันนึกถึงลูกสาว แต่น่าเสียดาย ตอนนี้หล่อนมีครอบครัวเป็นของตัวเองไปแล้ว ฮะฮะ!”

“น…หนูไม่กล้ากินค่ะ” ดอนน่ากล่าวขณะเพ่งมองเนื้อสีขาวขุ่นบนปลายมีด

“ฮะฮะ! มีใครอยากลองชิมไหม” ไอร์แลนด์หัวเราะพลางมองไปรอบตัว

เมื่อเห็นว่าไม่มีการร้องเตือนจากสัมผัสวิญญาณ ไคลน์พยักหน้ารับ

“ผมนึกสงสัยในรสชาติ”

ไอร์แลนด์ยื่นมีดให้

“ลองเข้าไปสักคำ หากเป็นบนบก แม้แต่ขุนนางหลายคนก็ไม่มีโอกาสได้กินสิ่งนี้ เมอร์ล็อกเป็นสัตว์ประหลาด พวกเราควรมองว่ามันเป็นเพียงปลากลายพันธุ์”

ไอร์แลนด์พยายามขจัดอคติในใจสองพี่น้อง

ขณะเดียวกัน ไคลน์อยากถามออกไปว่ามีวาซาบิ โชยุ หรือเครื่องปรุงชนิดอื่นบ้างไหม แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่กล่าวถึง ชายหนุ่มจึงไม่ต้องการแสดงตัวว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุง

มันรับมีดและกัดแผ่นเนื้อฝานขาวขุ่นซึ่งมีเลือดแดงเคลือบเล็กน้อย

ความสดใหม่พลันระเบิดในช่องปาก เลือดมีกลิ่นไม่คาวมาก ช่วยมอบรสชาติเค็มและดึงความหวานของเนื้อออกมาได้ถึงขีดสุด

ไคลน์เคี้ยวต่ออีกสองคำ พลางดื่มด่ำไปกับความสดและอ่อนนุ่มของเนื้อปลา นับตั้งแต่เกิดมา มันไม่เคยสัมผัสรสชาติแบบนี้มาก่อน

“สุดยอดมาก…” มันยกนิ้วโป้งเพื่อยกย่องความอร่อยของอาหารโดยไม่เหนียมอาย

ดอนน่ายืนมองด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น เธอเกิดความอยากจะลิ้มรสเนื้อแก้มของเมอร์ล็อกขึ้นมาบ้าง

จนกระทั่งความสงสัยเอาชนะความหวาดกลัว เด็กหญิงส่งสัญญาณขอลองชิมบ้าง

ไอร์แลนด์ไม่ขัดข้อง เพียงฝานเนื้อแผ่นบางพร้อมกับยื่นมีดให้เด็กหญิงตัวเล็ก

จากนั้นก็ยืนมองเธอหลับตาปี๋ด้วยสีหน้ากล้าๆ กลัวๆ ขณะกัดเนื้อสีขาวเข้าไปในปากหนึ่งคำ

เพียงไม่นาน ดอนน่าเผยรอยยิ้มพร้อมกับอุทานอย่างตื่นเต้น

“อร่อยจนบรรยายไม่ถูก!”

คำยืนยันของเด็กหญิงช่วยให้แดนตัน เซซิล และคนอื่นๆ แบ่งเนื้อแก้มก้อนสุดท้ายกินอย่างเท่าเทียม ทุกคนลิ้มรสความเอร็ดอร่อยด้วยสีหน้าพึงพอใจ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พึงพอใจ

พึงพอใจในรสชาติ แต่ไม่พึงพอใจในปริมาณ!

เมื่อเห็นไอร์แลนด์กินเนื้อแก้มส่วนสุดท้ายหมด คลีฟส์ชี้ไปทางศพเมอร์ล็อกและกล่าว

“เนื้อซี่โครงเหมาะแก่การทอด เนื้อท้องเหมาะแก่การย่าง แต่ส่วนอื่นมีรสชาติห่วย”

“คิดแบบเดียวกัน” ไอร์แลนด์ยิ้ม “ผมจะให้พ่อครัวนำไปปรุงทันที ในค่ำคืนเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ลิ้มรสอาหารมื้อเยี่ยมไปพร้อมกับไวน์คุณภาพดีอีกแล้ว พวกเราจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์และตำนานในท้องทะเลซึ่งกันและกัน”

ชักอดใจรอไม่ไหวแล้วสิ…

แต่ทำไมการลักลอบล่าเหยื่อถึงกลายเป็นมื้ออาหารสุดอบอุ่นไปได้?

ไคลน์กลืนน้ำลายอึกใหญ่

 ……………………