ราชันเร้นลับ 495 : ตำนานสมบัติลับ โดย Ink Stone_Fantasy
ณ ดาดฟ้าเรือ แผ่นใยหินถูกวางรองใต้เตาตะแกรงถ่านสำหรับย่าง เพื่อป้องกันมิให้ประกายไฟปลิวลงไปสัมผัสกับพื้นไม้
พ่อครัวร่างท้วมสวมหมวกเชฟสีขาวซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของโรซายล์ กำลังใช้แปรงคุณภาพสูงบรรจงทาเครื่องเทศสูตรพิเศษลงบนเนื้อปลาสีขาวชิ้นยาวหั่นบาง ส่วนผสมประกอบด้วยโหระพา ยี่หร่า เกลือทะเล พริกไทย และน้ำมะนาว เนื้อปลาถูกพลิกเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าทั้งสองด้านสุกเท่ากัน
เนื้อท้องของเมอร์ล็อกค่อนข้างมัน ไขมันหยดลงบนถ่านฟืนในเตาย่างจนเกิดเสียงซู่ซ่าไม่ขาดสาย
กลิ่นหอมฟุ้งลอยคละคลุ้งเต็มอากาศ ไคลน์สูดดมเข้าไปอย่างมีความสุขหนแล้วหนเล่า
เบื้องหน้าชายหนุ่มคือโต๊ะและเก้าอี้ทรงกลม บนโต๊ะมีขวดไวน์ลวดลายพิเศษวางอยู่ ของเหลวด้านในมีสีแดงอมทอง ลักษณะค่อนข้างหนืดโดยสังเกตจากขณะเรือโคลง
“ไวน์เลือดโซเนียถูกหมักจากยางไม้น้ำตาลซึ่งพบได้มากในเขตรอบนอกน้ำพุสีทอง รสชาติคล้ายน้ำผึ้งผสมเลือด ค่อนไปทางหวานละมุนลิ้น มึนเมาได้ง่ายมาก หากถูกใจหญิงสาวคนใด ให้มอมเธอด้วยไวน์ชนิดนี้ รับประกันว่าจะกินเพลินจนไม่รู้ตัว… ฮะฮะ! แต่คุณต้องคอแข็งกว่าเธอนะ”
เมื่อเห็นไคลน์เพ่งมองขวดไวน์ กัปตันไอร์แลนด์·คักส์กล่าวแนะนำเชิงติดตลก
สมกับเป็นอดีตสรั่งเรือ เชี่ยวชาญการทำให้บรรยากาศในวงสนทนาไหลลื่น…
ไคลน์นั่งลงพลางซักถามด้วยสีหน้าเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน
“นักผจญภัยมืออาชีพจะไม่ดื่มเหล้า”
คลีฟส์ด้านข้างพยักหน้าเห็นด้วย
“นักผจญภัยจะให้รางวัลตัวเองก็ต่อเมื่อกลับถึงบ้านแล้วเท่านั้น”
“น่าเสียดาย”
ไอร์แลนด์หันไปมองดอนน่าและแดนตัน เด็กทั้งสองต่างก็กำลังจ้องขวดไวน์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“เด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะห้ามดื่ม”
“หนูเคยดื่มแล้ว มันอร่อยมาก!” ดอนน่าโต้แย้งทันควัน “เพียงแต่… หนูหลับไปโดยไม่รู้ตัวและตื่นขึ้นมาตอนบ่ายของอีกวัน…”
“ผมจำได้ว่าพี่กินไปตั้งสองแก้ว!” สุภาพบุรุษรุ่นเล็ก แดนตัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความอิจฉา
ไอร์แลนด์ไม่คิดเติมเต็มความใคร่รู้ของเด็กทั้งสอง เพียงสั่งให้ลูกเรือนำชาเย็นมาบริการพร้อมกับกล่าวต่อ
“เรือลำนี้มีชาวทวีปใต้โดยสารมาด้วยหลายคน ก็เลยต้องมีชาเย็นไว้บริการ”
แดนตันเบือนสายตาไปทางอื่นด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะหันไปเห็นศพเมอร์ล็อกซึ่งถูกนำเนื้อส่วนดีออกไปหมดแล้ว
“มันไม่ได้น่ากลัวเหมือนภายนอก… แค่ตัวใหญ่กว่าปลาปรกติ มีแขนขาสี่ข้าง และหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้นเอง!”
ดอนน่าหันไปมองน้องชาย
“ดีใจด้วย นายเข้าถึงสัจธรรมแล้ว”
จากนั้น เด็กหญิงหันไปมองคลีฟส์และไอร์แลนด์ด้วยดวงตาเปล่งปลั่ง
“คุณลุงทั้งสอง ในทะเลมีสัตว์ประหลาดแบบนี้เยอะไหมคะ”
พลังพิเศษของเมอร์ล็อกมิได้พิสดารจนอยู่เหนือจินตนาการมนุษย์ เป็นเพียงสัตว์ป่าดุร้ายผิวแข็งและมากพละกำลัง ไม่ต่างอะไรกับสิ่งมีชีวิตในตำนานทางทะเลประเภทหนึ่ง
ไอร์แลนด์หัวเราะ
“ไม่เลย อย่างน้อยก็พบได้น้อยในเส้นทางเดือนเรือหลัก พวกมันถูกกวาดล้างจนแทบไม่เหลือแหล่งอาศัยในละแวกนี้ การได้พบเมอร์ล็อกตัวนี้ถือเป็นความโชคดีอย่างมาก ลองนึกดูให้ดี ถ้าฉันมีโอกาสล่าสัตว์ประหลาดมูลค่า 200 ปอนด์ทุกวัน ป่านนี้คงไม่เสียเวลาเป็นกัปตันเรือเดินสมุทรแน่นอน คงทุ่มเทเวลาให้กับการออกล่าก้อนทองว่ายน้ำได้ด้วยเรือล่าสัตว์ทั้งวันทั้งคืน!”
สมเหตุสมผล… ไคลน์พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั่งชำเลืองสักพัก ชายหนุ่มทราบว่าวัตถุดิบวิเศษจากเมอร์ล็อกเกิดมาจากส่วนถุงลม โดยตะกอนพลังจะแผ่แสงวารีสีฟ้าอ่อนออกมาตลอดเวลาจนดูคล้ายอัญมณี
คลีฟส์ยกแก้วชาดำซึ่งลูกเรือเพิ่งยกมาบริการขึ้นจ่อจมูก มันสูดดมหนึ่งครั้งพร้อมกับจิบเข้าไปอย่างละเมียดละไม
“มีเพียงการแล่นเรือออกจากเส้นทางหลักเข้าไปในท้องทะเลลึกเท่านั้น จึงจะได้พบกับสัตว์ทะเลดุร้าย โดยส่วนมาก บริเวณดังกล่าวมักเต็มไปด้วยหมอกหนาทึบหรือไม่ก็พายุสายฟ้า แฝงไว้ด้วยภัยอันตรายเหนือจินตนาการ นอกจากตัวเมอร์ล็อกน่ากลัวซึ่งสามารถปืนขึ้นเรือ ยังมีอีกหลายตำนานกล่าวถึงนากาทะเลลึก ลำตัวส่วนบนของพวกมันจะเหมือนกับมนุษย์ แต่ส่วนล่างเป็นงูทะเล มีหกแขนและคล่องแคล่วว่องไว”
ไอร์แลนด์เสริม
“ยังมีหมึกยักษ์ซึ่งสามารถพ่นของเหลวกัดกร่อนใส่มนุษย์หลายคนในคราวเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสัตว์ประหลาดบางชนิดสามารถพลิกเรือได้ด้วยการออกแรงเพียงเล็กน้อย มีนางเงือกคอยร้องเพลงสะกดให้เหยื่อเกิดความหลงใหล มีมังกรครามมาพร้อมพลังสายฟ้ารุนแรง และมีนกตัวใหญ่ซึ่งการกระพือปีกเพียงหนึ่งหนสามารถสร้างลมพายุกระโชก… หึหึ… ฉันเองก็ไม่เคยเห็นพวกมันตัวเป็นๆ มาก่อนเหมือนกัน ทั้งหมดเป็นเพียงตำนานแห่งท้องทะเล ไม่มีใครยืนยันได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริงหรือนิทานหลอกเด็ก”
นางเงือก…
ไคลน์ครุ่นคิดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“สุดยอด!” ดอนน่าอุทานพลางจินตนาการภาพตามคำบอกเล่าของผู้ใหญ่
แดนตันมองไปรอบวงสนทนา เมื่อสังเกตเห็นว่าไคลน์เอาแต่นั่งเงียบ จึงซักถามด้วยความสงสัย
“คุณลุงก็เป็นนักผจญภัยเหมือนกันสินะครับ เคยพบเจอสัตว์ประหลาดบ้างไหม”
ไคลน์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้ม
“เคยครั้งหนึ่ง พวกเราห้าคนเผชิญหน้ากับเมอร์ล็อกเข้าโดยบังเอิญ หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดจบลง เมอร์ล็อกตัวดังกล่าวก็ถูกกำจัด”
นี่คือประสบการณ์จริงสมัยเป็นเหยี่ยวราตรีเมืองทิงเก็น และยังเป็นประสบการณ์เผชิญหน้ากับผู้คลุ้มคลั่งหนแรกของไคลน์
ในขณะนั้น ตนและลุงนีลล์ได้รับการขอร้องจากสเวย์น บอสใหญ่แห่งผับมังกรชั่ว ให้ช่วยจัดการกับ ‘ลูกเรือ’ กลายพันธุ์คนหนึ่ง
คิดถึงตรงนี้ ไคลน์รู้สึกโหยหาวันเวลาสมัยอดีตขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าแสนเย็นชาเริ่มเผยความอ่อนโยนเจือจาง
“ห้าคน?” ขณะอุทาน ดอนน่าแอบนับจำนวนบุคลากรในการล่าเมอร์ล็อกเมื่อครู่
หนึ่ง สอง สาม…
เธอพบว่า ลำพังนักผจญภัยแค่สามคนก็สามารถฆ่าเมอร์ล็อกได้ง่ายดายแล้ว
ไอร์แลนด์ชิงถามขัดจังหวะ
“พบโดยบังเอิญ?”
“ถูกต้อง” ไคลน์ตอบเสียงเรียบ
“สูญเสียใครไปไหม?” ไอร์แลนด์ซักไซ้
ไคลน์ส่ายหน้า
“ทุกคนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย”
“พบเมอร์ล็อกโดยบังเอิญและสามารถจัดการได้ด้วยห้าคน… พวกคุณแข็งแกร่งกันมาก” คลีฟส์กล่าวยกย่อง
พวกพ้องของมัน เซซิล พยักหน้าเห็นด้วย
จริงอยู่ การล่าเมื่อครู่อาจจบลงอย่างรวดเร็ว และตัวเมอร์ล็อกก็เหมือนจะมิได้เก่งกาจสักเท่าไร แต่ในความเป็นจริง ทั้งเธอและคลิฟส์ต่างทราบดีว่า ผลลัพธ์เกิดจากการเตรียมตัวล่วงหน้าและกุมจุดอ่อนเหยื่อไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เมอร์ล็อกเห็นภาพหลอนจากพริกไทยเม็ด จากนั้นก็อ่อนแรงลงเมื่อได้สติกลับมา แถมยังถูกเล่นงานโดยของแสลงอย่างครีมสะระแหน่ เมื่อผนวกเข้ากับไรเฟิลสองกระบอก ทุกสิ่งก็ง่ายขึ้นมาก
“เห็นด้วย… แข็งแกร่งมาก” ไอร์แลนด์เริ่มจ้องไคลน์ด้วยสีหน้าหวาดระแวง
ก็เก่งกว่าคนธรรมดาพอสมควร เป็นถึงหน่วยพิเศษลำดับ 9 และ 8 ล่ะนะ…
ไคลน์กล่าวพลางยิ้มชืด
“ตอนนั้นผมยังหนุ่มและไม่มีประสบการณ์ด้านการต่อสู้แม้แต่น้อย จึงรับบทบาทคอยสนับสนุนจากด้านหลังเพียงอย่างเดียว”
“คุณลุง แต่ตอนนี้คุณก็ยังหนุ่มนะคะ!” ดอนน่าพยักหน้าหงึกหงัก
พูดได้ดี สาวน้อย…
ขณะเดียวกัน ไคลน์สัมผัสว่ากัปตันไอร์แลนด์เริ่มผ่อนคลายลงหลังจากตนกล่าวประโยคเมื่อครู่จบ
ทันใดนั้น ลูกเรือหลายคนเริ่มเดินเข้ามาพร้อมกับถือถาดเซรามิกใบใหญ่ ด้านบนมีเนื้อปลาทอดจนกลายเป็นสีเหลืองทอง โรยด้วยใบโหระพาเพิ่มสีสัน
กลิ่นอันเข้มข้นและหอมกรุ่นจากการทอดกำลังบุกรุกเข้าไปในต่อมความอยากอาหารของทุกคนโดยไม่ปรานี
ไอร์แลนด์ยกแก้วไวน์เลือดโซเนียของตนพร้อมกับน้ำดื่มอวยพร
“แด่ค่ำคืนอันงดงาม ขอให้พายุสถิตกับทุกท่าน!”
“แด่ค่ำคืนอันงดงาม!” ดอนน่าและแดนตันส่งเสียงขานรับพลางกระดกชาเย็น
ไคลน์ชนแก้วชาดำของตนกับคนใกล้ตัว
จากนั้น ชายหนุ่มใช้ส้อมจิ้มเนื้อเมอร์ล็อกทอดใส่ปากเคี้ยว และพบว่าตัวเนื้อซี่โครงไม่มีมันแทรกเลยสักนิด เป็นสัมผัสแน่นกระชับเหมาะสำหรับคนต้องการขยับปากเคี้ยว
ยิ่งเมื่อนำไปทอดให้อมน้ำมันผัก ข้อเสียด้านความแห้งได้ถูกกลบจนมิดชิด ยิ่งเคี้ยวนานเท่าไร ก็ยิ่งสนุกปากและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์มากเท่านั้น
ยังด้อยกว่าเนื้อแก้ม แต่ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว เราไม่เคยกินปลาทอดชนิดใดอร่อยเท่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะในเบ็คลันด์หรือเมืองท่าพริสต์… ไคลน์สรรเสริญอาหารจานตรงหน้า
ไอร์แลนด์วางมีดส้อมลง จิบไวน์เลือดโซเนียและเริ่มวกกลับเข้าประเด็น
“อันตรายอันดับหนึ่งบนท้องทะเลหาใช่สัตว์ประหลาด แต่เป็นโจรสลัด พวกมันรักอิสระ บังคับเรือแล่นไปตามใจนึกคิด ไม่มีใครคาดเดาการกระทำหรือเตรียมตัวรับมือล่วงหน้าได้เลย”
“คุณลุงกัปตัน พวกเราจะได้เจอโจรสลัดไหมครับ” ขณะเคี้ยวปลาทอด แดนตันซักถามด้วยสีหน้าเจือความกังวล
ไอร์แลนด์ยิ้ม
“เส้นทางเดินเรือไปยังหมู่เกาะรอสต์นับว่าปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งของโลก ระหว่างทางมีเกาะอาณานิคมให้พักเติมเสบียงทุกสองถึงสามวันเสมอ อีกทั้ง ตลอดเส้นทางยังมีเรือลาดตระเวนของกองทัพเรือและโบสถ์วายุสลาตันไม่ขาดสาย หรือต่อให้มีโจรสลัดแล่นเรือเข้ามาในแถบนี้ พวกมันก็จะไม่ลงมืออย่างเอิกเกริก หรือถ้าได้เห็นปืนใหญ่หลายกระบอกรอบเรือของเรา ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าส่งเสียงข่มขู่รีดไถจากระยะไกล”
เมื่อเห็นเด็กทั้งสองคนเริ่มโล่งใจ ไอร์แลนด์เล่าเสริม
“แต่ถ้าเป็นเส้นทางถัดจากหมู่เกาะรอสต์ลงไปทางใต้ หรือไม่ก็ทางทิศตะวันออก การเดินทางแต่ละครั้งจะต้องสวดภาวนาต่อพระองค์วายุสลาตันสักหน่อย ในละแวกดังกล่าว เรือโจรสลัดจำนวนมากมักเล่นซ่อนแอบกับเรือหลวงของรัฐบาลและของโบสถ์ หากพวกเรามีโชค ก็จะไม่พบพวกมันเข้าระหว่างทาง แต่ถ้าโชคร้าย ก็อาจได้พบโจรสลัดแข็งแกร่งบางฝ่าย เช่นเหล่าเจ็ดพลเรือโจรสลัด รวมถึงไปสี่ราชาโจรสลัด อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเกินไป นับตั้งแต่นาสต์ได้กลายเป็นราชาแห่งห้าห้วงสมุทร เขาทำการตั้งกฎเหล็กสากลให้โจรสลัดทุกฝ่ายปฏิบัติตาม โจรสลัดส่วนใหญ่จึงทำเพียงปล้นทรัพย์สินจนเกลี้ยง โดยไม่ล่วงเกินผู้โดยสารไปมากกว่านั้น ถ้าเป็นในละแวกนี้ กลุ่มโจรสลัดน่ากลัวอันดับหนึ่งคือกัปตันแห่งทิวลิปดำ พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ มักมักสั่งให้ลูกน้องฆ่าคนบริสุทธิ์ทั้งหมดเพื่อส่งลงไปอยู่ในนรกบ่อยครั้ง บุคคลน่าหวาดกลัวลำดับถัดมาคือ พลเรือเอกโลหิต เซนอล มันชื่อชอบการหลั่งเลือดเป็นอย่างมาก และมักให้ปล่อยลูกน้องกระทำในสิ่งต่ำทรามเหนือพรรณนา หญิงสาวส่วนใหญ่จะถูกขืนใจก่อนจับส่งขายเป็นทาสบนเกาะ…”
ได้ยืนเช่นนั้น ร่างกายดอนน่าพลันสั่นเทา
เด็กหญิงรีบเปลี่ยนประเด็น
“หนูเคยได้ยินว่ามีสมบัติในทะเลด้วย!”
“มีตำนานเกี่ยวกับสมบัติในทะเลมากมาย แค่เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องหลอกลวง” ไอร์แลนด์ชำเลืองไปทางคลีฟส์พลางเล่าต่อ “จากบรรดาตำนานสมบัติลับทั้งหมด มีหกเรื่องโด่งดังมากเป็นพิเศษ
“อันดับหนึ่งก็คือ ‘กุญแจเทพมรณา’ มีข่าวลือเล่าต่อกันมาอย่างยาวนานว่า ในช่วงปลายยุคสมัยที่สี่ หลังจากเทพมรณาสร้างหายนะไร้ชีวิตชีวาขึ้น ท่านถูกรุมโจมตีจากเจ็ดเทพจารีตจนมีสภาพจวนเจียนสิ้นลม จึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามหนีกลับไปยังทวีปใต้ โดยระหว่างทางได้สร้างพายุและคลื่นทะเลเกรี้ยวกราดกีดขวางทวีปเหนือและใต้เอาไว้ นั่นคือตำนานต้นกำเนิด ‘ทะเลคลั่ง’ แต่จนแล้วจนรอด ท่านก็เดินทางไปไม่ถึงทวีปใต้ มีข่าวลือว่าเทพมรณาหายตัวไปในทะเลระหว่างทางอย่างเป็นปริศนา”
กล่าวถึงตรงนี้ ไอร์แลนด์ถอนหายใจยาว
“ใครบางคนเคยกล่าวไว้ สักแห่งภายในทะเลคลั่งนั้นมีสมบัติของเทพมรณาซ่อนอยู่ โดยต้องใช้กุญแจชนิดพิเศษในการเปิด แต่ไม่มีใครทราบว่ากุญแจดังกล่าวมีหน้าตาเป็นเช่นไร อันดับถัดมาคือ ‘น้ำพุไม่แก่เฒ่า’ กล่าวกันว่าอยู่ลึกเข้าไปในทะเลโซเนียอันกว้างใหญ่ไพศาล โดยหนึ่งในสี่ราชาโจรสลัด ราชาอมตะ อาการิธ เคยดื่มน้ำจากบ่อน้ำพุดังกล่าวเข้าไป”
……………………