บทที่ 347 มีความสุขบนทุกข์คนอื่น

รักหวานอมเปรี้ยว

คุยเหรอ?

มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากของเธอ

เธอพอจะรู้ว่าเขาต้องการพูดถึงเรื่องอะไร แต่สำหรับตัวเธอแล้วคิดว่าไม่มีอะไรให้น่าพูดถึง

การที่เธอตัดสินใจตัดขาดมิตรภาพกับทามทอย นอกจากเข้าช่วยเปปเปอร์ปกปิดหลอกลวงเธอแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือทามทอยมีความรู้สึกดีต่อเธอ

เปปเปอร์บอกว่าทามทอยชอบเธอ

ดังนั้นเมื่อครู่ที่เธอได้ลองสังเกตทามทอยอย่างเงียบๆ

แต่เธอไม่เห็นว่าทามทอยชอบเธอตรงไหน แต่ถึงอย่างไรเปปเปอร์ก็คงไม่ได้โกหก ดังนั้นเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน เธอจึงเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์มิตรภาพกับทามทอย

เนื่องจากเธอไม่อาจตอบสนองต่อความรู้สึกของทามทอยได้ ดังนั้นก่อนที่ทามทอยจะพูดอะไรออกมา เธอควรจะตีตัวออกมาให้ห่างเขาก่อน

เมื่อเป็นเช่นนี้ความรู้สึกที่ทามทอยมีต่อเธอบางทีอาจจะค่อยๆ จางหายไป

……

เช้าวันต่อมา มายมิ้นท์ยังคงหลับใหลอยู่ในความฝัน แต่เธอถูกปลุกขึ้นด้วยโทรศัพท์สายหนึ่ง

เธอยังไม่ทันจะลืมตาขึ้น ก็ได้ยื่นมือออกมาจากผ้าห่มแล้วคลำไปที่หัวเตียงด้วยความชำนาญ

หลังจากสัมผัสได้ถึงโทรศัพท์แล้ว เธอก็ใช้ความเคยชินกดรับสาย ก่อนจะนำโทรศัพท์มาไว้ที่ข้างหู “สวัสดีค่ะ ใครคะ?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันง่วงนอนของมายมิ้นท์ คิ้วของเปปเปอร์ก็ดูอ่อนลงเล็กน้อย “ผมเอง”

“เปปเปอร์?” มายมิ้นท์ตื่นขึ้นทันที เธอเบิกตากว้างนำโทรศัพท์ออกมาดูชื่อ สายที่โทรเข้ามาเป็นชื่อเขาจริงๆ

“ครับผมเอง” เปปเปอร์พยักหน้า “ผมทำให้คุณตื่นเต้นเหรอ?”

มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างของตัวเอง แต่ไม่ได้พูดอะไรออก

น้ำเสียงของเปปเปอร์ฟังดูรู้สึกผิด “ขอโทษนะครับ ผมคิดว่าคุณตื่นแล้ว”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” มายมิ้นท์วางโทรศัพท์แนบหูแล้วถามขึ้นเบาๆ

เปปเปอร์ดูเหมือนจะสัมผัสไม่ได้ถึงความเยือกเย็นของเธอเท่าไรนัก เขาจึงได้ยิ้มขึ้นพูดว่า “ข่าวดีครับ ผู้ชายคนนั้นเดินทางมาถึงเมืองเดอะซีแล้ว”

“อะไรนะคะ” มายมิ้นท์กระโดดขึ้นจากเตียง

เนื่องจากท่าทางการเคลื่อนไหวของเธอที่กะทันหันจนเกินไป ทำให้เธอไม่ทันระวัง บริเวณท้องน้อยเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นจนส่งเสียงซี๊ดออกมา

เปปเปอร์ได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกตกใจ “เป็นอะไรครับ?”

“ไม่มีอะไรค่ะ” มายมิ้นท์ลูบทองน้อยของเธอ “ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนคะตอนนี้”

เปปเปอร์ฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอดูสั่นคลอนเล็กน้อย ตอนนี้เธอคงยังรู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมากสินะ แต่ไม่อยากจะบอกเขา เธอเป็นอะไรกันแน่?

เขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และตอบกลับไปว่า “เมื่อสักครู่เพิ่งเดินทางมาถึงสถานีรถเมืองเดอะซี ตอนนี้กำลังถูกพาตัวมาที่นี่”

“โรงพยาบาลเหรอคะ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “เปปเปอร์ตอบเบาๆ ในลำคอว่าอืม “ใช่ครับ คุณจะมาไหม?”

น้ำเสียงของเขาดูมีความหวัง

ตอนนี้ เขาพอจะเดาได้แล้วว่าเมื่อวานที่เธอเดินทางมาเยี่ยมเขา คงไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเธอเอง

เพราะว่าท่านย่าก็ได้เจอเธอด้วย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเธอน่าจะไปหาท่านย่า จากนั้นท่านย่าจึงสั่งให้เธอไปหาเขา ไม่อย่างนั้นเธอจะมาเยี่ยมเขาได้ยังไง?

ในเมื่อเธอไม่มาหาเขา เขาก็จะวางแผนให้เธอมาเอง

ดังนั้นเขาจึงสั่งให้นำชายคนนั้นไปที่โรงพยาบาล เมื่อเป็นเช่นนี้เธอก็จะมาที่โรงพยาบาลเพื่อดูหน้าชายคนนั้น และจะได้พบเขาด้วย

แม้ว่าวิธีแบบนี้จะดูสกปรกไปหน่อย แต่เพื่อต้องการที่จะได้พบเธอ ถึงวิธีการจะต่ำช้าก็ช่างมัน

มายมิ้นท์กำมือแน่น “ทำไมต้องเอาเขาไปที่โรงพยาบาลด้วย เปลี่ยนสถานที่ไม่ได้หรือคะ?”

“ไม่ได้ครับ เพราะตอนนี้ผมไม่สามารถเดินทางออกไปจากโรงพยาบาลได้ คุณเองก็น่าจะรู้ และคนคนนั้นผมเป็นคนจับกลับมา ผมก็มีคำถามอยากถามเขา ดังนั้นวิธีเดียวก็คือคุณต้องเดินทางมาโรงพยาบาล” เปปเปอร์ก้มหน้าเพื่อปิดบังความรู้สึกในใจ

แน่นอนว่ามายมิ้นท์เดาออกถึงจุดประสงค์ที่เขาไม่อยากเปลี่ยนสถานที่นัดพบ เธอหัวเราะเยาะอยู่ในใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นก็ไม่ผิด เขาเป็นคนจับผู้ชายคนนั้นมา

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปนะ” มายมิ้นท์ทำสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อพูดจบเธอก็วางสายลงทันที

เปปเปอร์เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเขากลับมาอยู่ที่หน้าจอหลักแล้วก็ยิ้มออกมาเยาะเย้ยตนเอง

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า มีอยู่วันหนึ่งเขาจะต้องใช้วิธีเหล่านี้เพียงเพราะเพื่อต้องการเจอผู้หญิงคนหนึ่ง

“ประธานเปปเปอร์ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์เคาะประตูเข้ามา

เปปเปอร์จัดการกับความรู้สึกในใจแล้วทำท่าทางเคร่งขรึมดังเดิม “มีเรื่องอะไรครับ?”

“เมื่อสักครู่ผมได้สืบมา พบว่าคุณเยี่ยมบุญกำลังหาคนร่วมระดมทุนไปทั่ว” ผู้ช่วยเหมันตร์ เดินมาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงแล้วตอบเขา

เปปเปอร์หรี่ตาลงมอง “หาคนร่วมระดมทุนเหรอ?”

“ใช่ครับ ตอนนี้มีสามบริษัทแล้วที่ตอบรับยินยอมร่วมระดมทุนด้วย แต่จำนวนเงินที่เยี่ยมบุญต้องการนั้นมากเกินไป สามบริษัทนั้นสามารถให้เงินเขาได้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นคุณมายมินท์จะได้รับหุ้นไม่มากนัก” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ

เปปเปอร์หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็นว่า “เขาจะต้องหาผู้ร่วมระดมทุน เพราะเขาหาเงินไม่ได้ ทางธนาคารไม่ให้เขากู้เงินเพราะว่าผมกำชับเอาไว้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเอสซีกรุ๊ปก็จะต้องล้มละลาย หากต้องการที่จะดึงเอสซีกรุ๊ปที่ใกล้ล้มละลายกลับมา มีเพียงแค่สองวิธีนั่นก็คือแต่งงานร่วมกับบริษัทใหญ่ และร่วมหาผู้ร่วมระดมทุน แต่ สองสาวในตระกูลภักดีพิศุทธิ์นั้น ในวงการคงไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเลือกเงื่อนไขที่อันตรายที่สุดนั่นก็คือการร่วมระดมทุน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็มองไปทางผู้ช่วยเหมันตร์ “ผมจำได้ว่าอสังหาฯหนึ่งใจก็อยู่ในเครือข่ายบริษัทตระกูลนวบดินทร์ใช่ไหม?”

“ใช่ครับ เมื่อปีที่แล้วเรื่องอสังหาฯหนึ่งใจตึกร้านนั้นวุ่นวายมาก หลังจากที่หัวหน้าใหญ่ถูกจับไป ท่านก็ได้กำชับให้ผมซื้ออสังหาฯหนึ่งใจกลับมา แต่ต่อมาเนื่องจากเหตุผลนานาประการจึงยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนถึงเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เองคนที่รู้ว่า หนึ่งใจเป็นของบริษัทตระกูลนวบดินทร์จึงมีไม่มาก” ผู้ช่วยเหมันตร์ครุ่นคิดแล้วตอบออกมา

เปปเปอร์แววตาเป็นประกายแวบเข้ามา “ดีมาก คุณจงใช้อสังหาฯหนึ่งใจไปซื้อหุ้นของเยี่ยมบุญ ผมจะค่อยๆ กลืนกินหุ้นในมือของเยี่ยมบุญทีละเล็กละน้อย”

การหาบริษัทร่วมระดมทุนเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ตามปกติแล้วบริษัททั่วไปจะไม่ยอมเลือกร่วมระดมทุนกับผู้อื่นถ้าไม่หมดหนทางจริง

ผู้ช่วยเหมันตร์แววตาเป็นประกาย “ประธานเปปเปอร์ครับ หุ้นที่ซื้อมาจากคุณเยี่ยมบุญ จะมอบให้คุณมายมิ้นท์หรือเปล่าครับ?”

“เอาเถอะน่า ไปจัดการตามที่ผมบอกก็พอ” เปปเปอร์ไม่ได้ตอบคำถามเขา

แต่ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ดีว่าเขาคงต้องการเช่นนั้น

“ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับแว่นแล้วหันหลังเดินออกไปทันที

อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา มายมิ้นท์ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล

เธอมองไปที่เปปเปอร์แล้วถามว่า “เขาอยู่ไหนคะ?”

“อยู่ระหว่างทางมา พอดีรถมันติดน่าจะอีกประมาณสิบกว่านาทีก็ถึง นั่งก่อนสิครับ” เปปเปอร์นอนอยู่บนเตียงไม่อาจขยับเขยื้อนได้ เขาชี้ไปตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างหน้าต่างเป็นความหมายให้เธอเดินมานั่งลงเอง

ในตอนแรกที่มายมิ้นท์เดินเข้ามาไม่เห็นคนอื่นในห้อง เธอคิดว่าเปปเปอร์หลอกเธอเสียอีก

ตอนนี้เมื่อได้ยินเขาบอกว่ายังมาไม่ถึง สีหน้าของเธอก็ดีขึ้นเล็กน้อยแล้วลากเก้าอี้มานั่งลง

เปปเปอร์มองไปที่ท้องน้อยของเธอ “ตอนนี้ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”

มายมิ้นท์นั่งไขว่ห้าง “ก็ดีนี่คะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” เปปเปอร์เห็นว่าสีหน้าของเธอแม้จะดูไม่ดีมากนัก แต่ก็ยังดีกว่าวันที่ผ่าตัดมากทีเดียว จึงเดาได้ว่าเธอน่าจะกำลังฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นเขาจึงวางใจลงเล็กน้อย

“เมื่อวานนี้ทามทอยไปหาคุณใช่ไหม?” จู่ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรออก เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถาม

มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น “ที่แท้คุณบอกเขานี่เอง แต่ฉันรู้ทุกเรื่องแล้วนี่คะ”

ไม่อย่างนั้นทำเธอจะได้ยินมาจากไหนล่ะ

“ผมบอกเขาเอง เขาเดินทางไปขอโทษคุณ แล้วคุณ……” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากเรียวบางของเขา

มายมิ้นท์มองดูเขา “ฉันทำไมคะ?”

“คุณให้อภัยเขาหรือเปล่า” เปปเปอร์มองไปที่แววตาอันเฉยเมยของเธอ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตัดสินใจถามมันออกมา

มายมิ้นท์เบ้ริมฝีปาก “ทำไมฉันต้องให้อภัยเขาล่ะ ทั้งเขาและคุณ พวกคุณมันคนประเภทเดียวกัน”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ แววตาของเปปเปอร์ก็เผยถึงความเยาะเย้ยออกมา

เขาเดาได้ถูกแล้ว เธอไม่ให้อภัยทามทอยจริงๆ ด้วย

วินาทีนี้ ความตึงเครียดที่อยู่ในหัวใจอันเล็กน้อยของเปปเปอร์ก็ผ่อนคลายลงทันที

เธอไม่ให้อภัยเขาก็ดีแล้ว

เพราะตัวเขาเองก็หลอกเธอ ซึ่งเธอไม่ยอมให้อภัยเขา ดังนั้นทามทอยก็ไม่ควรได้รับการอภัย

ทามทอยจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานเหมือนกับเขา!

“ดูเหมือนคุณจะดีใจมากนะคะ” มายมิ้นท์หันไปหรี่ตามองเปปเปอร์

ไม่เพียงแค่รู้สึกดีใจ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขเพราะทามทอยไม่ได้รับการอภัย

เธอคิดไปเองหรือเปล่า?

“คุณมองออกด้วยเหรอครับ?” เปปเปอร์ไม่ได้ปฏิเสธแต่พยักหน้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา

แววตาของมายมิ้นท์มองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ

เหอะๆ ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง เขากำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น มีความสุขที่ทามทอยไม่ได้รับการอภัย

เธอมองไม่ออกจริงๆ ว่าเขาเป็นคนแบบนี้!