ตอนที่ 672 ทรมานนาง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 672 ทรมานนาง

สตรีเยี่ยงอันหลิงเกอหากแสดงความโกรธออกมายังพอรับมือได้ แต่หากสงบนิ่งเช่นยามนี้ถือว่ารับมือได้ยากยิ่ง

เฝิงเยว่เอ๋อเมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอมิได้มีท่าทีโกรธเคือง ทว่าแค่มองตรงมาที่นางนิ่ง ๆ ยิ่งทำให้ภายในใจของนางรู้สึกกังวลกว่าเดิม หากอันหลิงเกอมิสังหารก็คงจะทรมานนางเป็นแน่

เมื่อครู่เฝิงเยว่เอ๋อได้พบกับความโหดเหี้ยมของอันหลิงเกอมาแล้ว

นางมิอยากโดนทำร้ายเช่นนั้นอีกจึงหวังว่าหากอันหลิงเกอจักสังหารนางให้ตายไปเสียโดยเร็วยังดีเสียกว่า คิดได้ดังนั้นนางจึงหันไปมองมู่จวินฮานอย่างต้องการขอร้อง

แต่เวลานี้มู่จวินฮานจะเข้าข้างนางอีกหรือ เขาจึงเบือนหน้าหนีโดยมิมองนางอีก

เฝิงเยว่เอ๋อรู้ว่าตอนนี้มิเหลือโอกาสอีกแล้วจึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมที่อันหลิงเกอจะมอบให้เท่านั้น

บัดนี้เหล่าที่ปรึกษาซึ่งมามุงดูก็ได้ทยอยออกไปหมด ทั้งห้องจึงเหลือเพียงสามคนเท่านั้น มู่จวินฮานที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยก็หาได้สนใจว่าอันหลิงเกอจัดการกับเฝิงเยว่เอ๋อเยี่ยงไร

อันหลิงเกอคิดว่าที่ตนต้องพบกับความทรมานเช่นนี้เพราะสิ่งที่เฝิงเยว่เอ๋อได้กระทำลงไปแล้วจักให้ตนทนไหวได้อย่างไรกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจนกำหมัดแน่น

เฝิงเยว่เอ๋อเห็นหน้าผากของอันหลิงเกอมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา แม้รู้ชะตากรรมดีว่าวันนี้ต้องตายแต่ก็อดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมามิได้ ระหว่างที่นางตัวสั่นเทาอยู่นั้น อันหลิงเกอก็เดินเข้ามาพร้อมบีบไปที่บาดแผลของนางเต็มแรง

“โอ๊ย ! ” เฝิงเยว่เอ๋อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ความทรมานที่หัวไหล่ถูกบีบเค้นทำให้นางแทบหมดสติไปและมิรู้ว่าอันหลิงเกอใส่อันใดที่บาดแผลของนางจึงทำให้ทั้งปวดทั้งคัน ทรมานเจียนตายเช่นนี้

“หึ นี่เป็นของล้ำค่าจากหอพิษกู่ เจ้ารับไว้แล้วกัน” หลังอันหลิงเกอกล่าวจบ เฝิงเยว่เอ๋อก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น

“เจ้าใส่อันใดลงไปที่แผลของข้า ? ” น้ำเสียงของเฝิงเยว่เอ๋อสั่นเครือ แม้รู้ว่าตนต้องตายเร็ว ๆ นี้ แต่มิอยากตายเพราะพิษหนอนกู่เลย

นางรู้จักพิษหนอนกู่ดี รู้ถึงความร้ายกาจของมันเป็นอย่างดี

“แค่ไข่ของหนอนพิษกู่เท่านั้น ไม่มีอันใดมากหรอก เพียงแต่เมื่อพวกมันเติบโตเต็มที่แล้วก็จะมุดไปตามบาดแผลและค่อย ๆ กัดกินเจ้า อ้อ ใช่สิ หนอนพิษกู่โตเต็มวัยก็จักมีหน้าตาคล้ายตะขาบนั่นเอง”

อันหลิงเกอกล่าวจบก็โบกมือเรียกให้คนนำตัวเฝิงเยว่เอ๋อไปส่งที่เรือน

ตอนนี้การเมินเฉยต่อเฝิงเยว่เอ๋อถือเป็นการลงโทษที่หนักหนามากและการให้คนคอยเฝ้าดูเพื่อมิให้นางฆ่าตัวตายหรือมิให้รักษาอาการของตนได้ เช่นนั้นนางก็ต้องทนรับความเจ็บปวดโดยตลอด

“ข้าจักบอกอันใดให้ ไข่หนอนพิษกู่นี้จะใช้เวลามิเกินสามวันในการฟัก จากนี้ก็ภาวนาให้เจ้ามีบุญมากพอแล้วกัน” อันหลิงเกอกล่าวจบก็มิหันไปมองเฝิงเยว่เอ๋ออีก ปล่อยให้นางถูกองครักษ์ลากตัวออกไป

มู่จวินฮานเห็นเฝิงเยว่เอ๋อถูกลากตัวออกไปเช่นนั้น แววตาสุดท้ายของนางที่จ้องมองเขาก็กระจ่างชัดเต็มสองตา

แต่เขาก็ไม่ใจอ่อนหรือสงสารอีกเพราะรู้ดีว่าทั้งหมดล้วนเป็นผลกรรมที่นางก่อเอาไว้

แค่นางกล้าทำร้ายบุตรของเขาก็ทำให้มู่จวินฮานรู้สึกโกรธมากแล้ว

ก่อนหน้านี้นางยังก่อเรื่องไว้ตั้งมากมายทั้งต่อหน้าและลับหลัง หากให้พูดออกมาทั้งหมดก็คงมีแต่เรื่องชั่วช้า

ส่วนอันหลิงเกอเมื่อเรื่องนี้จบลงก็ถอนหายใจออกมา ร่างของนางโงนเงนจนมู่จวินฮานต้องรีบเข้ามาประคองเอาไว้ บัดนี้นางได้จัดการเฝิงเยว่เอ๋อไปแล้วก็นับว่าเป็นการลดปัญหาใหญ่ได้อีกหนึ่งเปราะ

แต่มิรู้เหตุใดภายในใจของอันหลิงเกอหาได้สงบไม่ นางรู้สึกว่าเรื่องนี้มิได้จบลงโดยง่ายดายหรอกเพราะในความฝันของนางคือคนที่จ้องมองอยู่ท่ามกลางฝูงชนมิใช่เฝิงเยว่เอ๋อ

ทางฝั่งอิ่งจือเมื่อมาถึงถ้ำน้ำแข็งก็วางบุตรของอันหลิงเกอไว้ในโลงน้ำแข็ง จากนั้นก็จ้องทารกน้อยที่หลับใหลอยู่ในห่อผ้าเล็ก ๆ พลันแววตาของเขาก็ปรากฏความรู้สึกผิดและเสียใจออกมา

แท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดมิได้เป็นเพราะเฝิงเยว่เอ๋อ นางมิได้ทำสิ่งใด หากจะบอกว่านางเป็นคนทำก็คงมีเพียงการสาปแช่งอันหลิงเกอและบุตรเท่านั้น

ทว่าสิ่งที่ทำร้ายทารกคนนี้คือเคล็ดวิชาพิษหนอนกู่ที่เขาวางไว้ในสวนต่างหาก อิ่งจือใคร่ครวญถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้วก็มิรู้ว่าควรเดินหน้าต่อไปหรือไม่

เพราะเขาเองก็คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะตั้งครรภ์ในเวลานี้ แต่เมื่อเริ่มแผนการไปแล้วก็มิอาจหยุดได้อีก หนทางที่จะได้ครอบครองบัลลังก์ก็ต้องไร้ความปรานี

อิ่งจือนึกภาพมิออกว่าหากอันหลิงเกอรู้เรื่องทั้งหมดแล้วจักเป็นเช่นไร ?

แต่สิ่งที่เขารู้ดีคือเมื่อนางรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วคงไม่มีทางอภัยแน่ แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ทำได้มีเพียงคอยดูอาการของทารกคนนี้เอาไว้

จากนั้นอิ่งจือก็ทำการเตรียมโลงน้ำแข็งขนาดเล็กขึ้นมาเพราะมีเพียงที่หนาวเย็นเช่นนี้จึงจะสามารถปกป้องทารกน้อยที่เกิดมาพร้อมผนึกพิษหนอนกู่ให้มีชีวิตต่อไปได้

มู่จวินฮานและอันหลิงเกอทราบอาการของบุตรในตอนนี้ดีจึงมิได้กังวลมากนัก

แต่ก็มิรู้ว่าบุตรของตนต้องหลับใหลอีกนานเพียงใดเพราะพลังชีวิตมีน้อยตั้งแต่กำเนิดจึงทำให้เขามิสามารถตื่นขึ้นมาในเวลานี้ได้ ทำได้เพียงใช้น้ำแข็งช่วยรักษาร่างกายเอาไว้แล้วรอเวลาที่เขาพร้อมจะตื่นขึ้นมาเท่านั้น

มู่จวินฮานได้ออกจากเรือนของอันหลิงเกอแล้ว นางกำลังนอนอยู่บนเตียง เดิมทีร่างกายของนางต้องการพักผ่อนอยู่แล้ว เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้นางรู้สึกทนมิได้จึงลุกขึ้นมาจัดการกับเฝิงเยว่เอ๋อเช่นนั้น

เมื่อจัดการเรื่องของเฝิงเยว่เอ๋อแล้วอันหลิงเกอจึงเบาใจขึ้นเล็กน้อย เดิมทีนางก็มีความแค้นกับเฝิงเยว่เอ๋ออยู่แล้ว บัดนี้ได้สะสางความแค้นจึงทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

ในที่สุดอันหลิงเกอก็สามารถหลับได้อย่างสนิทและไม่มีอาการฝันร้ายอีก

เช้าวันต่อมา อันหลิงเกอไปที่ถ้ำน้ำแข็งของอิ่งจือ

เมื่อเห็นบุตรที่แสนบอบบางอยู่ในโลงน้ำแข็ง อันหลิงเกอก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก หากมิเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเด็กคนนี้คงยังนอนหลับสบายอยู่ในครรภ์ของนาง ทว่าตอนนี้ต้องมีสภาพเช่นนี้ได้

“เจ้ามาแล้ว” อิ่งจือเพิ่งเห็นอันหลิงเกอก็พบว่าดวงตาของนางแดงก่ำพร้อมกับอุ้มบุตรเอาไว้แนบอก ทำให้เขารู้ว่านางร้องไห้เพราะบุตรเป็นแน่ ภายในใจของเขาจึงรู้สึกละอายมิน้อย

เขาจึงช่วยซับน้ำตาให้นางพร้อมความรู้สึกสับสนยิ่งนัก

ตอนนี้เขามิรู้ว่าควรเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอเช่นไรดี สายตาที่นางมองมายังเขาก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจมากด้วย

“อิ่งจือ เจ้าคิดว่าลูกของข้าอีกนานแค่ไหนถึงจะตื่นขึ้นมา” ไม่มีมารดาคนไหนอยากเห็นบุตรต้องมาทรมานเช่นนี้ อันหลิงเกอเองก็เช่นกัน

“บางที คงอีกสักพัก” อิ่งจือใจลอยเล็กน้อย ตอนนี้เขามิรู้ว่าควรมองหน้าอันหลิงเกอเช่นไร แต่อันหลิงเกอยังถามคำถามเช่นนี้แล้วจักให้เขาตอบอย่างไร

อันหลิงเกอเฝ้ามองบุตรอยู่เช่นนั้น จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาโดยมิรู้ตัวและตอนนั้นเองนางก็รู้สึกคิดถึงบุตรทั้งสองที่อยู่กับมู่เหล่าหวางเฟยขึ้นมา เหตุใดบุตรของนางล้วนโชคร้ายเช่นนี้ ?

หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็ถอนหายใจ ก่อนจะห่อร่างของลูกน้อยเอาไว้แล้วนำกลับลงในโลงน้ำแข็งดังเดิม

อิ่งจือเห็นนางผละออกจากบุตรแล้วจึงไปรินชามาให้ ก่อนจะนั่งลงเป็นเพื่อนนาง อันหลิงเกอเพิ่งรู้สึกว่าชาของอิ่งจือเหมือนมิใช่ชาที่ชอบดื่มอีกแล้ว

“เหตุใดเจ้าจึงเปลี่ยนชา ? ” อันหลิงเกอรู้สึกแปลกใจพลางคิดว่าอิ่งจือไม่มีวันเปลี่ยนเป็นชาชนิดอื่นเสียอีก

“แล้วเหตุใดเจ้ายังมัวจดจำเรื่องในอดีตอยู่อีก ? ” อิ่งจือกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ความจริงแล้วเขารู้สึกว่ารสชาติแสนคุ้นเคยนั้นทำให้เจ็บปวดจนมิอาจนอนหลับอย่างสงบได้