ตอนที่ 673 ตายทั้งเป็น
โดยเฉพาะหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่เขาดื่มชาโป้เหอก็มักนึกถึงแต่อันหลิงเกอ
ทำให้ความรู้สึกผิดภายในใจปะทุขึ้นมิหยุดหย่อนจนไม่อาจทนได้
อันหลิงเกอมิได้กล่าวอันใดต่ออีก นางเพียงวางถ้วยชาลงเพราะมิชอบ ส่วนอิ่งจือก็รู้
แต่ทั้งสองก็มิได้กล่าวอันใดกันอีกจนกระทั่งสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา
“เรียนพระชายา เฝิงเยว่เอ๋อ นาง นาง ท่านรีบไปดูเถิดเจ้าค่ะ” ตอนนี้ผู้ใดต่างก็รู้ว่าอันหลิงเกอคือพระชายาตัวจริง ทุกคนจึงมิให้ความเคารพต่อเฝิงเยว่เอ๋ออีก
อันหลิงเกอเห็นสาวใช้เข้ามารายงานอย่างรีบร้อนจึงลุกขึ้นและเอ่ยลาอิ่งจือทันที ยามที่นางมาถึงเรือนของเฝิงเยว่เอ๋อก็พบว่ามู่จวินฮานก็กำลังมาที่นี่พอดี
ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน เมื่อเข้าไปก็พบว่าในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เดิมทีอันหลิงเกอทำไปก็เพื่อต้องการทรมานอีกฝ่ายอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นสภาพของเฝิงเยว่เอ๋อจึงมิได้รู้สึกตกใจอันใด มีเพียงมู่จวินฮานเท่านั้นที่ขมวดคิ้วมุ่น
“พวกเจ้าปล่อยข้า ปล่อยข้า ! ” เสียงกรีดร้องอย่างทรมานของเฝิงเยว่เอ๋อดังก้องทั่วห้อง แต่อันหลิงเกอแปลกใจ เพราะเพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวหนอนพิษกู่ยังมิน่าจะฟักออกมา แล้วเหตุใดนางถึงได้ทรมานเพียงนี้ ?
เมื่ออันหลิงเกอและมู่จวินฮานเดินเข้าไปใกล้จึงพบว่าไข่หนอนพิษกู่ได้ฟักออกมาและกลายเป็นตัวหนอนแล้ว ดูน่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อเห็นเช่นนั้นภายในใจของอันหลิงเกอก็อดสงสัยมิได้เพราะเดิมทีหนอนพิษกู่ควรจะฟักตัวในอีกสามวัน เหตุใดแค่วันเดียวก็กลายเป็นเช่นนี้ได้
เช่นนั้นเฝิงเยว่เอ๋อก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน อันหลิงเกอมิได้เป็นห่วงชีวิตของอีกฝ่ายหรอก ทว่ายังรู้สึกมิสาแก่ใจเพราะเฝิงเยว่เอ๋อยังทรมานมิสาสมกับสิ่งที่กระทำ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ ? ” อันหลิงเกอถามสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างแต่อีกฝ่ายก็ดูจะตกใจมิน้อยเพราะหนอนพิษกู่ นางเอาแต่ยืนตัวสั่นโดยมิรู้ว่าควรตอบคำถามเช่นไร
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” อันหลิงเกอถามย้ำอีกครั้งแต่น้ำเสียงดังกว่าเมื่อครู่มากนัก ครั้งนี้สาวใช้ได้ยินอย่างชัดเจนจึงเงยหน้าขึ้นมองอันหลิงเกอ
“เรียนพระชายา วันนั้น…วันนั้นเมื่อเฝิงเยว่เอ๋อกลับมา พวกเราก็พบว่าบนร่างของนางก็มี…มีหนอนออกมาแล้วเจ้าค่ะ” ฟังจากที่สาวใช้รายงานก็ดูเหมือนว่าไข่หนอนพิษกู่จะฟักเป็นตัวตั้งแต่วันแรกแล้วหรือ ?
จากนั้นอันหลิงเกอก็จ้องมองเฝิงเยว่เอ๋อราวกับต้องการค้นหาคำตอบบางอย่างจากกายของอีกฝ่าย
บาดแผลเหวอะหวะน่ากลัวบนไหล่ทั้งสองข้างของเฝิงเยว่เอ๋อมีหนอนคอยกัดกินมิหยุด อันหลิงเกอเห็นดังนั้นก็พอคาดเดาสาเหตุได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางทำร้ายเฝิงเยว่เอ๋อได้ใช้กำลังภายในทะลวงร่างของอีกฝ่าย
จากนั้นก็โรยไข่หนอนพิษกู่ลงไป เมื่อไข่หนอนพิษกู่รู้สึกได้ถึงกำลังภายในที่ถูกทะลวงก่อนหน้านี้จึงฟักเป็นตัวอย่างรวดเร็ว
ทำให้ตอนนี้บนร่างกายของเฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่ามีหนอนพิษกู่คืบคลานอยู่มากน้อยเพียงใด หนอนพวกนี้กัดกินเนื้อของนางมิหยุด
ทำให้ผิวพรรณที่เคยผุดผ่องเน่าเฟะและมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา
นอกจากบริเวณที่มีบาดแผลเดิมอยู่แล้ว บริเวณอื่นก็เริ่มมีบาดแผลลุกลามไปเรื่อย ๆ จากการกัดกินของหนอนพิษกู่ทั้งสิ้น บาดแผลเหล่านั้นมิได้ใหญ่มากนักจึงทำให้ยังมิถึงแก่ชีวิตตอนนี้
ทว่าทำให้เฝิงเยว่เอ๋อเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ทั้งเจ็บ ทั้งคันเพราะถูกหนอนพิษกู่กัดกินร่างกาย คาดว่าอาจใช้เวลาถึงห้าวันกว่านางจะถึงแก่ชีวิต
และภายในห้าวันนี้เฝิงเยว่เอ๋อทำได้เพียงทนเจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่เช่นนั้น อันหลิงเกอครุ่นคิดแล้วอดตกใจในความอำมหิตของตนมิได้
นางมิเคยรู้มาก่อนว่าตนอำมหิตได้ถึงเพียงนี้
ส่วนมู่จวินฮานเห็นท่าทางทุกข์ทรมานของเฝิงเยว่เอ๋อและเห็นหนอนที่น่ากลัวเหล่านั้นแล้วก็อดสงสารมิได้ เขาจึงเบือนหน้าหนีเพราะมิอาจทนมองบาดแผลตามร่างกายของเฝิงเยว่เอ๋อได้อีก
อันหลิงเกอสังเกตเห็นท่าทีของมู่จวินฮานก็เข้าใจได้ นางรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีผู้ใดทนรับความทรมานเช่นนี้ได้หรอก
ผ่านไปชั่วอึดใจเฝิงเยว่เอ๋อก็หมดสติ ทั้งคู่จึงเดินออกมา ระหว่างทางมู่จวินฮานมิได้กล่าวอันใดกับอันหลิงเกออีก นางเองก็มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเช่นกัน
มู่จวินฮานมิได้ตามนางกลับไปที่สวนแต่ตรงไปประชุมต่อ อันหลิงเองก็มิรู้ว่าเหตุใดถึงยังอ่อนเพลียอยู่เยี่ยงนี้ รู้สึกเหมือนครั้งก่อนที่ตั้งครรภ์ไม่มีผิด
แต่ตอนนี้นางคลอดบุตรแล้ว เหตุใดยังอ่อนเพลียอีก ?
อันหลิงเกอกลับถึงสวนสมุนไพรก็มิได้เก็บเรื่องที่คลางแคลงใจมาคิดมาก นางเพียงล้มตัวลงนอนบนเตียงเพื่อพักผ่อนสักหน่อย
ระหว่างนอนอยู่บนเตียง มินานอันหลิงเกอก็หลับไป
ในฝันคล้ายเห็นบุตรทั้งสองคนอยู่ในนั้นและพวกเขาดูมีความสุขอย่างมาก
ทว่าพริบตาเดียวเด็กทั้งสองก็เริ่มร้องไห้และคนที่ปรากฏอยู่เบื้องหลังพวกเขาก็คือมู่เหล่าหวางเฟย ทำให้อันหลิงเกอเกิดความสงสัยขึ้นมา
ภาพในฝันคือเห็นบุตรของนางกำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด นางมิรู้ว่าเหตุใดแต่จะต้องเกี่ยวข้องกับมู่เหล่าหวางเฟยแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นนางจึงต้องการพบบุตรให้ได้ !
แม้อันหลิงเกอรู้ว่าเป็นแค่ความฝัน แต่มิว่าอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ ฉากสุดท้ายในความฝันมีหลายสิ่งที่เลือนราง มิว่านางพยายามมองอย่างไรก็มองไม่ชัดเจน
จนผ่านไปเนิ่นนาน
ความฝันได้จบลงเพียงเท่านั้น อันหลิงเกอตื่นขึ้นมาก็สูดหายใจเข้าลึกทันที นางรู้ว่าตอนนี้ควรทำเช่นไร ใช่ นางต้องไปหาลูกและต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าพวกเขายังปลอดภัยดีหรือไม่
หลังบอกกับมู่จวินฮานแล้ว แม้เขาหวังที่จะไปเป็นเพื่อนนางด้วยแต่อันหลิงเกอปฏิเสธโดยบอกว่าสามารถไปคนเดียวได้
“ท่านแม่” ตอนที่อันหลิงเกอกำลังใจลอยอยู่นั้น ลูก ๆ ของนางก็เดินเข้ามาพอดี
“มาหาแม่เร็วเข้า”
เมื่อได้พบหน้าบุตรทั้งสองแล้วอันหลิงเกอก็รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาซึมออกมา
“ท่านแม่จับคนชั่วได้หรือยังเจ้าคะ ? ” บุตรสาวมองอันหลิงเกออย่างตั้งใจ อันหลิงเกอเพิ่งรู้ว่าบุตรของตนเติบโตถึงเพียงนี้แล้ว
“ท่านย่าบอกว่าท่านแม่ไปจับคนชั่วเจ้าค่ะ”
ท่านย่าหรือ ?
มู่เหล่าหวางเฟย
สีหน้าของอันหลิงเกอเข้มขึ้นแต่ก็มิได้เอ่ยอันใดออกมา
ครั้งนี้มู่เหล่าหวังเฟยยอมให้นางได้พบหน้าบุตรโดยง่าย ดูท่าแล้วคงเป็นเพราะมู่จวินฮานมากดดันแน่นอน
อันหลิงเกอจึงได้เบาใจขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีนางกังวลเรื่องของเด็ก ๆ มาก แต่ตอนนี้มองแล้วพวกเขาเองก็เริ่มที่จะสามารถปกป้องตัวเองได้บ้างแล้ว เป็นนางเองที่คิดมากเกินไป
หลังบอกลาบุตรทั้งสองเสร็จแล้ว อันหลิงเกอก็จากพวกเขามาอีกครั้ง
แม้ภายในใจของนางรู้สึกอาลัยอาวรณ์มาก แต่ที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องพวกเขาทั้งสอง
บัดนี้ทั้งสองคนยังปลอดภัยดี สำหรับอันหลิงเกอถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
แต่หากนางยิ่งแสดงออกว่าใส่ใจพวกเขามากเพียงใดก็จะมีคนพุ่งเป้าไปที่บุตรทั้งสองได้
ทางด้านมู่จวินฮานก็นอนพักผ่อนอยู่ที่สวนสมุนไพรเพื่อรออันหลิงเกอก่อนแล้ว เมื่ออันหลิงเกอกลับมาก็เห็นอาหารบนโต๊ะที่เขาเตรียมไว้จึงรู้สึกอุ่นใจมิน้อย
ตอนที่อันหลิงเกอกำลังรู้สึกมีความสุขอยู่นั้นมู่จวินฮานก็ตื่นขึ้นมาพอดี เขาเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของอันหลิงเกอจึงดึงนางมากอดไว้แนบอกเพื่อปลอบประโลม
หลังทั้งคู่ทานมื้อค่ำด้วยกันเสร็จแล้วก็เข้านอนและกอดกันจนหลับไป อันหลิงเกอมิได้ฝันถึงอันใดอีก นางเห็นเพียงความว่างเปล่าและหลับสบายมาก
ทว่าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่มู่จวินฮานออกไปแล้วอันหลิงเกอที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสมุนไพรก็พบคนผู้หนึ่งโดยมิคาดคิด