บทที่ 463: ชัดเจนว่ามันใหญ่กว่าเดิม 18+

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 463: ชัดเจนว่ามันใหญ่กว่าเดิม 18+

 

หลังจากที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของชินเหลียงหยูกับซูหยาง โหลวหลานจีและฟางซีหลานก็จ้องมองเธอด้วยสายตาอิจฉา หญิงใดที่ได้กลายเป็นคู่ครองของเขา ถึงแม้ว่าจะได้เป็นเพียงนางบำเรอก็ยังถือได้ว่าต้องมีความสุขสมใจตลอดชีวิต

 

ไม่เพียงแต่เขาในตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในนามของอัจฉริยะอันดับหนึ่งของทวีปตะวันออก แต่เขาก็ยังมาจากตระกูลซูหนึ่งในตระกูลใหญ่ทั้งสี่อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนจะมีเรื่องลึกลับมากมายรอบกายเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอนาคตของเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่

 

“อย่างไรก็ตาม ท่านเจ้าซี ได้แนะนำให้พวกเราไปพบกับเขาที่บ้านตระกูลซีภายในห้าเดือนเพื่อรับรางวัลจากชัยชนะที่เหลือจากการแข่งขัน เขายังคงกล่าวว่าพวกเราควรนำศิษย์สามคนไปกับพวกเราอีกด้วย ซึ่งพวกเขาจะได้เข้าไปในสระสวรรค์เป็นเวลาเจ็ดวัน”

 

“สระสวรรค์ง.. พวกเราจะเลือกว่าศิษย์คนไหนควรได้ไปอย่างไรดี นั่นมีจำกัดเพียงแค่สามที่เท่านั้น แต่พวกเรามีคนถึงสิบคนที่เข้าร่วมในการแข่งขันนี้ และพวกเราก็มิสามารถที่จะแยกแยะศิษย์คนอื่นได้”

 

“ท่านสามารถละเว้นข้าจากการใช้สระสวรรค์นี้ ท่านผู้นำนิกาย” ฟางซีหลานกล่าว

 

“เจ้ามั่นใจเรื่องนี้รึ นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น พลังการฝึกปรือของเจ้าจักดำเนินต่อไปเร็วกว่าเดิมถึงร้อยเท่าถ้าเจ้าฝึกฝนในนั้น และหากว่าเจ้าได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนในนั้นเป็นเวลาเจ็ดวันก็เหมือนกับความก้าวหน้าเกือบสองปีในเวลาสั้นๆเจ็ดวันนี้”

 

“ข้าพอใจกับการฝึกวิชาในปัจจุบันของข้า และข้าก็ได้รับมากเพียงพอแล้วจากซูหยาง ดังนั้นท่านควรจะเลือกคนอื่น คนที่มีพรสวรรค์” ฟางซีหลานยืนกรานในการยกที่ของเธอให้

 

“ข้าก็มิต้องการที่นี้เช่นกัน ท่านผู้นำนิกาย” ซุนจิงจิงก็ปฏิเสธโอกาสนี้เช่นกัน

 

“เอ๋ เจ้าก็ด้วยรึ” โหลวหลานจีงงงัน

 

ตามเหตุผลแล้วซุนจิงจิงและฟางซีหลานมีคุณสมบัติมากที่สุดในการฝึกในสระสวรรค์ในเมื่อพวกเธอเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเหล่าศิษย์ และการที่พวกเธอปฏิเสธโอกาสนี้ ปกติแล้วนี่ถือว่าเป็นความเสียเปล่า

 

“แม้ว่าสระสวรรค์ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและแน่นอนว่าจักต้องให้ประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมาก แต่ว่ามันมิจำเป็นต่อข้า” ซุนจิงจิงกล่าว

 

“ช่างเป็นเหตุผลที่ไร้เหตุผล…” โหลวหลานจีพูดไม่ออก

 

ทันใดนั้นซูหยางก็กล่าวขึ้น “เรามีเวลาอีกห้าเดือนในการตัดสินใจ ดังนั้นพวกเราค่อยคิดเรื่องนี้กันอย่างช้าๆ การคัดเลือกศิษย์ใหม่ของพวกเราจะเริ่มต้นในอีกไม่ช้า เราสามารถให้หนึ่งที่กับคนที่มีแววมากที่สุดในท้ายที่สุดได้ ไม่ว่าอย่างไรก็มิมีเหตุผลที่จะห้ามเราในการมอบหนึ่งที่ให้กับศิษย์ใหม่”

 

“ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถใช้ล่อหลอกให้มีคนมากกว่านั้นมายังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเรา”

 

“ใช้สระสวรรค์เป็นเหยื่อในการคัดเลือกศิษย์ใหม่งั้นรึ… มีแต่คนแบบเจ้าที่กล้าที่จะคิดเรื่องแบบนั้น…” โหลวหลานจีกล่าวด้วยใบหน้าสับสน

 

“อย่างไรก็ตาม…” ซุนจิงจิงพลันกล่าว

 

“ก็นับว่าผ่านไปตั้งนานแล้วนับตั้งแต่ที่พวกเราร่วมฝึกวิชาด้วยกันครั้งล่าสุด ซูหยาง พวกเรามีเวลามากมายกว่าที่พวกเราจะกลับไปถึงนิกาย ดังนั้นทำไมพวกเรามิใช้เวลานี้มาต่อกันจากเวลานั้นล่ะ”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซูหยางก็ยิ้ม “มันเพิ่งผ่านไปเพียงแค่อาทิตย์เดียวเองมิใช่รึ”

 

“หนึ่งอาทิตย์ยาวนานเหลือเกิน” เธอตอบด้วยเสียงหัวเราะคิกคักน่ารัก

 

“จ-เจ้าต้องการที่จะร่วมฝึกวิชากันในตอนนี้รึ” โหลวหลานจีมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง เด็กสาวคนนี้หน้าด้านมากมายเท่าไหร่กัน

 

“มันก็แค่เหมือนกับตอนที่พวกเราเดินทางไปยังเมืองหิมะโปรย”

 

“ไม่อยากจะเชื่อ…” โหลวหลานจีส่ายหน้าพูดไม่ออก

 

“อืม… พวกท่านกำลังจะร่วมฝึกวิชากัน… ที่นี่รึ” ชินเหลียงหยูถามด้วยสีหน้าสับสน

 

“ใช่แล้ว เจ้าต้องการที่จะร่วมกับพวกเราด้วยเช่นกันรึ”

 

“…”

 

ชินเหลียงหยูไม่ได้ตอบคำถามทันที มันเป็นเวลาเพียงวันเดียวนับตั้งแต่เธอได้ประสบการณ์การร่วมฝึกวิชาคู่เป็นครั้งแรกในชีวิตและเธอก็กำลังจะทำสิ่งนี้ต่อหน้าคนอื่น สิ่งต่างๆกำลังดำเนินไปเร็วเหลือเกิน

 

“ข-ข้ามิถือ ถ้าซูหยางต้องการให้ข้าฝึก ข้าก็จะฝึก”

 

ในที่สุดเธอก็ให้ซูหยางตัดสินใจแทนเธอ

 

“เจ้ามิต้องทำถ้าเจ้ามิต้องการ รู้ไหม” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

“ม-ไม่ ข้ามิรังเกียจแต่อย่างใด ว่าไปแล้วข้าก็ได้มีประสบการณ์เรื่องนี้ด้วยตาของตนเองมาก่อน” ชินเหลียงหยูพูด อ้างถึงเวลาตอนที่เธอแอบมองหญิงสาวสามสิบสองคนร่วมฝึกวิชากับเขาในเวลาเดียวกัน

 

“เช่นนั้นเมื่อมิมีอะไรทำกันในช่วงเวลานี้”

 

ซุนจิงจิงพลันยืนขึ้นและเปลื้องเสื้อผ้า เผยให้เห็นถึงร่างที่กระหายและน้องสาวที่เปียกแฉะไปเรียบร้อยแล้วให้กับทุกคนในรถม้า

 

“ช่างไร้ยางอาย…”

 

โหลวหลานจีและฟางซีหลานส่ายหน้าขณะที่พวกเธอก็เปลื้องเสื้อผ้าตนเองออกเช่นกัน

 

ชินเหลียงหยูเป็นคนสุดท้ายที่เปลื้องเสื้อผ้าออก และเมื่อเธอได้เปิดเผยให้เห็นผิวสีแทนที่สวยออกมาในที่สุด หญิงสาวที่เหลืออีกสามคนก็ได้แต่จ้องไปยังร่างกายที่พิเศษเฉพาะของเธอ

 

“ช่างเป็นร่างกายที่มีสีชมพูสวยน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าร่างของเจ้าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์สำหรับการร่วมฝึกคู่โดยเฉพาะ หญิงสาวทุกคนจากทวีปใต้มีร่างกายเหมือนเจ้าหรือไม่” โหลวหลานจีชมเชยร่างของเธอด้วยสายตาที่ค่อนข้างอิจฉา

 

“ข-ข้ามิรู้อะไรในเรื่องนั้น…” ชิวเหลียงหยูหน้าแดง ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับคำชมแบบนี้

 

ในเวลานั้นซุนจิงจิงและฟางซีหลานต่างพากันจดจ่ออยู่กับแก่นกายที่โกรธเกรี้ยวที่อยู่ระหว่างขาของซูหยาง ราวกับว่าพวกเธอถูกมันสะกดจิตไว้

 

“เพียงแค่อาทิตย์เดียวเอง แต่ดูเหมือนว่ามันจะโตกว่าเดิม” ซุนจิงจิงพึมพัม

 

ซูหยางเพียงแค่นั่งยิ้มอยู่ที่นั้นและพูดว่า “ทำไมมิให้ร่างกายของเจ้ายืนยันว่ามันเป็นเช่นนั้นหรือไม่ล่ะ”

 

เพราะว่าร่างสวรรค์ของชินเหลียงหยู ไม่เพียงแค่พลังการฝึกปรือของเขาที่เพิ่มขึ้น กระทั่งน้องชายของเขาก็ใหญ่ขึ้นมาอยู่บ้างหลังจากที่พวกเขาร่วมฝึกวิชาคู่

 

“ข้ามิเกรงใจแล้ว”

 

ซุนจิงจิงพลันตรงเข้าไปที่เขาและไปยืนอยู่เหนือแท่งสังวาสของเขา จากนั้นเธอก็ลดสะโพกลงลูบไล้ของเหลวจากดอกไม้ของเธอไปทั่วแท่งสังวาสของเขาก่อนที่จะสอดใส่แท่งยักษ์นั้นเข้าไปในถ้ำของเธอ

 

“อาาา…”

 

ซุนจิงจิงร้องครางเสียงวาบหวามหลังจากนั้น และเธอก็พูดด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บนใบหน้าแดงซ่านของเธอว่า “ชัดเจนว่ามันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม”