“ตอนนี้พอได้แล้วขอรับ พูดออกมาเถิดว่าท่านก็มีใจตรงกันกับเรา หากเป็นเช่นนั้น เราพร้อมแล้ว เราจะเดิมพันทุกอย่าง แล้วไปหาท่านเอง”
แม้รูแฮจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญทางด้านวรรณกรรม แต่การคาดเดาความรู้สึกในใจกโยซึลนั้นมันซับซ้อนและยากกว่าการถอดความประโยคความใด แม้จะนึกถึงการกระทำหลายๆ ครั้งของนาง เขาก็ยังคงสับสนกับส่วนลึกในจิตใจของกโยซึล
แต่การตอบสนองในตอนนี้ น้ำเสียงติเตียนนี้ทำให้รูแฮมีความหวัง
“คาดเดาว่าท่านเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันของเราถูกต้องใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นคงมิรุ่มร้อนถึงเพียงนี้”
ความสงสัยถูกเปลี่ยนเป็นความมั่นใจ รูแฮจึงเข้าไปใกล้กโยซึลอีกนิด
มือที่ใหญ่และยาวเอื้อมเข้าไปอย่างระมัดระวัง นิ้วที่โค้งมนลูบไล้นางราวกับกำลังจับสำลีอ่อนนุ่มทีละชิ้น ตั้งแต่ปลายหู ลงมาที่แก้ม ผ่านคางแล้วกลับไปที่ริมฝีปาก ลงไปใต้ริมฝีปาก ลมหายใจที่สั่นคลอนแผ่กระจายไปทั่วลำคอของกโยซึล คิ้วของกโยซึลสั่นระริก ลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยกำลังใกล้เข้ามา เพียงแค่อยู่ในอ้อมกอดความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นก็เกินกว่าจะรับมือได้แล้ว มือที่กำลังลูบไล้ ลมหายใจที่ใกล้เข้ามา เข้ามาใกล้จุดอันตราย
รูแฮก้มหน้าลง นิ้วโป้งของเขาลูบผ่านไประหว่างคอกับไหปลาร้าของกโยซึล และในขณะที่ใบหน้าของทั้งสองคนกำลังจะประสานกัน
“ม ไม่เพคะ”
กโยซึลผลักรูแฮออกไปอย่างหวุดหวิดเบาๆ
นางผลักใบหน้าออกรูแฮด้วยแรงเพียงน้อยนิด เหมือนกับนิ้วที่บอบบางและเล็กของนาง แม้จะเป็นแรงที่ไม่มากนัก แต่รูแฮก็ถูกผลักออกไปอย่างไร้หนทาง เขาไม่ฝืนแต่ยอมรับการปฏิเสธของกโยซึลโดยดี
ตนถูกผลักออก
เกิดระยะห่างระหว่างทั้งคู่ที่เมื่อครู่ยังอยู่ใกล้กันมาก ความอบอุ่นจากการสัมผัสกันกระจัดกระจายไปในอากาศที่เย็นเยียบ ความเร่าร้อนที่กำลังพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วเย็นตัวลงเหมือนกับตอนที่ถูกเผาอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดระยะห่างขึ้นจึงทำให้สามารถหายใจและเริ่มตั้งสติได้
“ท่าน…ฮวางเซจาทรงคาดเดาผิดแล้วเพคะ”
กโยซึลสูดหายใจเข้าลึก นางข่มใจที่กำลังสั่นไหว
“เรา หม่อมฉัน กโยซึลคนนี้เป็นพระชายาของฮวางแทจาเพคะ พระชายาฮวางแทจาจะให้ชายอื่นที่ไม่ใช่ฮวางแทจามาอยู่ในใจของตนเองได้อย่างไรกัน”
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้กโยซึลสับสนวุ่นวายใจ นางผู้มักซ่อนตัวอยู่หลังคำแก้ตัวที่ว่านางคือพระชายาฮวางแทจา แต่ว่าตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าคำแก้ตัวของนางนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง แม้เขาจะตัวสั่นเพราะการปฏิเสธของกโยซึลแต่ใจเขานั้นไม่สั่นไหว
รูแฮถามกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม
“เหตุใดจึงเมินเฉยต่อมันกันขอรับ”
“มิได้เมินเฉยเพคะ”
รูแฮจับมือกโยซึลดึงเข้ามาใกล้ เอาฝ่ามือเล็กๆ ของกโยซึลมาวางไว้ที่หน้าอกของตน กโยซึลดึงมือลง แม้ตนจะหดมือลงแล้วก็ยังรู้สึกชัดถึงหัวใจที่เต้นแรงของรูแฮ เป็นชีพจรที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างชัดเจน เขาทำให้กโยซึลสามารถรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของเขาได้ด้วยตนเอง แล้วรูแฮก็พูดกับกโยซึลด้วยสายตาที่เฉียบคม
“กระหม่อมจะพิสูจน์ให้เห็นขอรับ”
กโยซึลถามกลับไปอย่างงงงวยเพราะคำพูดที่ไม่คาดคิดของเขา
“พิสูจน์หรือเพคะ”
“พิสูจน์ว่าหัวใจของเจ้าเองก็เต้นแรงเช่นนี้เมื่อสบตากับเรา จะพิสูจน์ให้แน่ชัดจนเจ้าไม่สามารถเมินเฉยต่อมันได้อีก”
“ท่าน…ฮวางเซจาทรงช่าง…”
ทำให้หม่อมเราเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก
ไม่สามารถพูดออกไปได้ คำพูดที่ว่าตนลำบากเพราะรูแฮ ตรงกันข้ามเกรงว่าจะกลายเป็นตัวพิสูจน์ความดื้อดึงของเขา กโยซึลทำสายตาเย็นชาอย่างตั้งใจ
“ทรงทำไม่สำเร็จหรอกเพคะ”
“เราทำได้ขอ จะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
รูแฮให้คำมั่นอย่างแน่วแน่ เขาคือคนนั้นที่ได้โยนคำประกาศสงครามไปให้กับบีพาอันผู้น่ากลัว แม้แต่
กโยซึลถึงแม้จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำสิ่งนั้น
“หากเราพิสูจน์ได้ เจ้า…ไม่สิ”
รูแฮเปลี่ยนคำเรียก
“พระชายาจะยอมรับมันใช่หรือไม่ขอรับ”
ยังไม่ใช่ตอนนี้ สำหรับรูแฮกโยซึลยังต้องเป็นชายาของฮวางแทจาอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นรูแฮก็ยังมีความมั่นใจ รูแฮมักจะถอยหนีด้วยแววตาเศร้าสร้อยเวลาที่นางใช้คำว่าพระชายาฮวางแทจามาเป็นข้ออ้าง แต่ว่าในคราวนี้เขาจะบุกเข้าไปด้วยความแน่วแน่ กโยซึลไม่สามารถปิดซ่อนความยุ่งยากใจของนางไว้ได้
“ต้อง ต้องยอมรับอะไรหรือเพคะ”
“ยอมรับเส้นทางที่หัวใจของพระองค์มุ่งไปหาอย่างไรเล่าขอรับ”
มันคือความอวดดี
เมื่อเห็นกโยซึลเบือนหน้าหนี ความดื้อรั้นของรูแฮก็บังเกิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล ตอนนี้เขาอยากจะได้ยินความจริงจากใจของนางด้วยตนเอง ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง นี่คือความปรารถนาและเป้าหมายใหม่ของรูแฮ
รูแฮยื่นมือออกไป กโยซึลหดไหล่ลงแล้วหลับตา แต่เขาเพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสนางอย่างแผ่วเบา
กโยซึลสูดหายใจดังเฮือกด้วยความตื่นเต้น รูแฮเพียงแค่ปัดเส้นผมที่ห้อยลงมาให้นาง
“กระหม่อมขอลาขอรับ”
อยู่ๆ รูแฮก็ถอยร่นออกไปโดยง่าย ตอนแรกดูเหมือนพยายามจะทำอะไรบางอย่างแต่ก็บอกลาแล้วถอยห่าง ไม่สามารถเข้าใจการกระทำของรูแฮได้เลย
“โปรดอย่าได้เจ็บปวดอีกเลยขอรับ”
และคำพูดสุดท้ายที่เขาไม่ลืมที่จะพูดเสริมไปนั้นทำให้กโยซึลหวั่นไหว ตอนนี้กโยซึลรู้สึกเหมือนกับว่าไข้ได้หายแล้ว แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้
“ขอให้เป็นคืนที่หลับสบายนะขอรับ”
รูแฮบอกลาอย่างสุภาพแล้วเดินออกจากห้องไป กโยซึลถอนหายใจออกมาเมื่อเขาเดินออกนอกประตูไปแล้ว
เหตุใดเขาถึงได้มั่นใจนัก
“จริงๆ เลย…”
นางจับหน้าอกตัวเอง เสื้อผ้าของนางดูยับเยิน
“ทำเกินไปแล้วเพคะ”
สิ่งที่นางรู้สึกผ่านกำปั้นเล็กๆ นั่นคือหัวใจของตนที่กำลังเต้นระรัว ส่งเสียงครึกโครมเช่นเดียวกับหัวใจของรูแฮ
“คนที่รู้จักพระราชวังแห่งนี้ รู้จักฝ่าพระบาทฮวางแทจากว่าเรานั้น เหตุใดถึงได้ทำเรื่องที่ไม่ยั้งคิดเช่นนี้”
มันผิด มันไม่ถูกต้อง
หัวใจของกโยซึลเต้นรัวมามากพอแล้ว ก่อนที่รูแฮจะพยายามพิสูจน์อะไรบางอย่าง หัวใจที่ถวิลหาเขา หัวใจที่เต้นแรงเหมือนกันกับเขา หรืออาจจะแรงกว่าเสียด้วยซ้ำ
“ให้เรายอมรับ…ความรู้สึกนี้หรือ”
กโยซึลเม้มริมฝีปากแน่น ความกลัวได้บังเกิดขึ้นพร้อมกับความตื่นเต้น
การล้อเล่นที่ต่างฝ่ายต่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ ทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้วทั้งคู่ การล้อเล่นที่มีจุดจบของมันอยู่แล้วได้เริ่มต้นขึ้น ทว่าจะทนกับมันได้นานเพียงใด กโยซึลนั้นจะยอมแพ้เมื่อใดนั่นคือปัญหา