ตอนที่ 31-1 การเดิมพัน

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“เรา” 

 

 

กโยซึลมองรูแฮพร้อมกับพูดออกมา 

 

 

“เราไม่ร้อน ไม่ว่าไข้จะสูงแค่ไหนเราก็ไม่ร้อน” 

 

 

“หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ” 

 

 

รูแฮถามกโยซึลพร้อมกับสบตานาง ดวงตาของกโยซึลเริ่มแดงขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือน้ำตา สาเหตุที่กโยซึลไม่มองรูแฮเลยตลอดช่วงเวลานั้นก็เพื่อที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ 

 

 

สายตาของนางดูเศร้าสร้อย รูแฮคิดว่าตนเศร้าอยู่เพียงคนเดียว ดูทว่าตลอดเวลาที่กโยซึลเมินเฉยต่อตนั้น นางเองเสียใจอยู่เช่นกัน ความเสียใจนั้นทำให้รูแฮใจสั่น ทำให้รู้แฮกระวนกระวายใจ 

 

 

ขณะที่รูแฮเต็มไปด้วยความคาดหวังที่ตื่นเต้น กโยซึลก็เปิดปากพูดออกมา 

 

 

“เราหนาว ไม่ว่าจะสวมผ้าแพรดีเพียงไหน ไม่ว่าจะห่มผ้าขนที่อ่อนนุ่มเพียงไหน เราก็ไม่เคยหนาวเช่นนี้มาก่อนเลย…” 

 

 

กโยซึลพูดต่อไปอย่างช้าๆ  

 

 

“ไม่ว่าความร้อนจะปกคลุมตัวเราเพียงไหน ไม่ว่าตัวเราจะร้อนเพียงใด ต่อให้เรากระโดดเข้าไปในกองไฟที่เผ้าไหม้ เราก็ยังคงหนาวอยู่ดี” 

 

 

ขณะที่น้ำเสียงเล็กๆ กำลังเปล่งออกมา รูแฮก็นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดแทรก จนกระทั่งนางพูดจบ 

 

 

“ตอนที่เราอยู่ฮวากุกเราไม่รู้จักความหนาวเลย แม้แต่การคิดถึงความหนาวนั้นก็ไม่มี แต่ว่าตอนนี้เราหนาว เรากำลังหนาวสั่นอยู่ในความหนาวที่น่าหวาดกลัว” 

 

 

กโยซึลยังคงคร่ำครวญถึงความหนาว ความหนาวเยือกเย็นที่นางรู้สึกนั้นไม่ใช่ปัญหาของอากาศ รูแฮสามารถที่จะคาดเดาได้ว่าความหนาวที่นางกำลังพูดถึงอยู่นั้นคืออะไร ถ้าเป็นความหนาวแบบนั้นเขาก็มีความมั่นใจที่จะช่วยหยุดมันได้ 

 

 

“กระหม่อม” 

 

 

ในที่สุดรูแฮที่นั่งฟังกโยซึลพูดอย่างเงียบๆ ก็พูดขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วจับมือของ 

 

 

กโยซึลอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงของเขาดูนิ่งเรียบแต่ก็กระตือรือร้น ดูนุ่มนวลแต่ก็มีพลัง จนอยากจะกระโจนเข้าไปแล้วฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เขา 

 

 

“กระหม่อมจะทำให้พระชายาอบอุ่นเองขอรับ” 

 

 

เขาพูดจบประโยคได้อย่างเฉียบขาดแม้จะรู้สึกสองจิตสองใจก็ตาม 

 

 

“ทรงจะทำให้หม่อมฉันอบอุ่นหรือเพคะ” 

 

 

กโยซึลยิ้มออกมาอย่างไม่มีความหมาย ดูแล้วเหมือนเป็นรอยยิ้มเศร้าสร้อย แต่ดูอีกทีก็เหมือนจะเป็นร้อยยิ้มที่เจ็บปวด 

 

 

“ทรงตรัสอย่างนั้นได้อย่างไร ทรงจะทำให้หม่อมฉันอบอุ่นได้อย่างไร พระองค์…พระองค์ทรงเป็นฮวางเซจามิใช่หรือ พระองค์คือฮวางเซจา รูแฮ ที่ไม่สามารถเป็นยูอึลจินได้มิใช่หรือเพคะ” 

 

 

ยูอึลจิน คือชื่อที่กโยซึลใช้เรียกรูแฮตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือฮวางเซจา แต่อย่างไรก็ตามนางก็ไม่ควรที่จะเรียกเขาว่า รูแฮ 

 

 

คำพูดของรูแฮช่างขาดความรับผิดชอบ มันเป็นคำพูดพล่อยๆ ที่กฎระเบียบอันเข้มงวดของพระราชวังแห่งนี้ที่ไม่สามารถยอมรับได้ การให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้อบอุ่นของรูแฮนั้นมันเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เขาช่างน่ารังเกียจที่มาทำให้เกิดความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนี้ กโยซึลใช้กำปั้นเล็กของตนเองทุบไปที่หน้าอกของรูแฮ 

 

 

น้ำเสียงที่ผสมความขุ่นเคืองของกโยซึลที่รูแฮได้ยินนั้นมันฟังดูหวานยิ่งกว่าคำสารภาพใด มันเป็นคำติเตียนที่รูแฮเฝ้ารออย่างไม่หยุดหย่อน 

 

 

ในที่สุดรูแฮก็ทนไม่ไหวจึงพูดออกไปว่า 

 

 

“กระหม่อมรักพระองค์ขอรับ” 

 

 

คำพูดสั้นๆ นั้นเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น สายตาที่หนักแน่นของรูแฮมองไปที่กโยซึล กโยซึลตัวแข็งทื่อไปทั้งอย่างนั้น นางคิดไม่ออกเลยว่าจะยอมรับคำพูดที่ชวนให้งงงันและวิตกกังวลของเขาได้อย่างไร 

 

 

รัก 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินคำสารภาพว่ารักและคิดถึงจากใครบางคน เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ไม่ต้องใช้คำอุปมา เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ของรูแฮ 

 

 

ทำอย่างไรดี 

 

 

จะทำอย่างไรดี 

 

 

ในหัวของกโยซึลนั้นมีความคิดมากมายจนนางไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้อง บางทีมันอาจจะเป็นเพียงข้ออ้าง ข้ออ้างที่นางอยากจะปลดปล่อยตัวเอง แล้วฝากความรู้สึกของตนเองไว้กับเขา  

 

 

“เรารักท่านอย่างจริงใจ” 

 

 

รูแฮพูดกระซิบอีกครั้ง เป็นน้ำเสียงที่ต่ำและนุ่มนวล แต่คลื่นน้ำเสียงนั้นมันช่างรุนแรงจนพัดความลังเลของกโยซึลออกไปจนหมดสิ้น 

 

 

นางไม่มีเวลาที่จะชั่งน้ำหนักและชั่งใจเกี่ยวกับปัญหาเหล่านั้นเลย ในชั่วขณะนั้นกโยซึลลืมทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่นางสามารถรับรู้ได้อย่างดีคือรูแฮที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น 

 

 

สายตาของเขา น้ำเสียงของเขา คือทั้งหมด 

 

 

รูแฮเดินเข้ามาหากโยซึลอย่างช้าๆ แล้วเขาก็กอดนาง กโยซึลไม่สะบัดเขาออก ไม่มีการปฏิเสธใด 

 

 

ตนทำไม่ได้ ความรู้สึกรุนแรงที่ส่งมายังตนทำให้ตนไม่สามารถหลบหลีกเขาได้เลย สุดท้ายแล้วตนก็ปล่อยให้มันเป็นไปที่ควรจะเป็น 

 

 

“อา..” 

 

 

กโยซึลส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอบอุ่นและสบายใจตั้งแต่มาที่มกกุก นี่เป็นกอดแรกที่รู้สึกปลอดภัย หรือเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมานาน กโยซึลทำราวกับไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ทำเป็นลืมทุกสิ่ง นางฝากตัวตนของนางไว้ในอ้อมกอดของรูแฮ นางหลับตาลงทั้งสองข้าง 

 

 

รูแฮกอดกโยซึลอยู่เป็นเวลานาน การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ทำให้เขาลำบากใจเช่นกัน หัวใจเต้นเหมือนกับจะระเบิด เสียงหัวใจเต้นดังกังวาลระหว่างหน้าอกของทั้งคู่ที่แนบสนิทกันอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจของใครกันแน่ ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดออกไปในแต่ละจุดที่สัมผัสกัน ยิ่งลมหายใจถูกผสมปนเปกันเท่าไร ความรู้สึกเบลอๆ ก็ไหลไปทั่วร่างกาย ร่างกายที่สัมผัสกันและกลิ่นกายทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับความรู้สึกในความเป็นจริงที่มันห่างไกลออกไป ไม่ว่าจะเป็นเวลา พื้นที่ สถานการณ์ที่วุ่นวายทุกอย่างทำให้จมลึกลงสู่ไปใต้พื้นทะเล 

 

 

“เฮ้อ” 

 

 

ลมหายใจที่สั่นไหวของใครสักคนลอยผ่านหูไป จุดที่ลมหายใจผสมผสานกันมันทำให้ร้อนวูบวาบ  

 

 

เขาไม่ได้เพียงล้อเล่น ที่รูแฮบอกว่าจะทำให้กโยซึลอบอุ่นขึ้นนั้นไม่ใช่คำโกหก ตอนที่กโยซึลได้สัมผัสกับเขานางรู้สึกเหมือนได้กอดดวงอาทิตย์ ไม่ใช่สิ เหมือนตัวเองกลายเป็นดวงอาทิตย์เสียเอง ความร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมา ความร้อนแรงที่คุมไม่อยู่มันวูบวาบขึ้นมาในทุกส่วนที่ได้สัมผัสกัน รวมถึงจุดที่ไม่ได้สัมผัสด้วย ทั้งบริเวณท้อง และด้านล่างของนาง เขาก็ทำให้นางรู้สึกเร่าร้อนได้ในที่สุด 

 

 

รูแฮก็รับรู้ได้ถึงความเร่าร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นมาของกโยซึล เขาค่อยๆ กระซิบที่หูของกโยซึลอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลทีละคำ ทีละคำด้วยปลายลิ้นหวานฉ่ำที่ขยับไปมา