“เรา”
กโยซึลมองรูแฮพร้อมกับพูดออกมา
“เราไม่ร้อน ไม่ว่าไข้จะสูงแค่ไหนเราก็ไม่ร้อน”
“หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”
รูแฮถามกโยซึลพร้อมกับสบตานาง ดวงตาของกโยซึลเริ่มแดงขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือน้ำตา สาเหตุที่กโยซึลไม่มองรูแฮเลยตลอดช่วงเวลานั้นก็เพื่อที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้
สายตาของนางดูเศร้าสร้อย รูแฮคิดว่าตนเศร้าอยู่เพียงคนเดียว ดูทว่าตลอดเวลาที่กโยซึลเมินเฉยต่อตนั้น นางเองเสียใจอยู่เช่นกัน ความเสียใจนั้นทำให้รูแฮใจสั่น ทำให้รู้แฮกระวนกระวายใจ
ขณะที่รูแฮเต็มไปด้วยความคาดหวังที่ตื่นเต้น กโยซึลก็เปิดปากพูดออกมา
“เราหนาว ไม่ว่าจะสวมผ้าแพรดีเพียงไหน ไม่ว่าจะห่มผ้าขนที่อ่อนนุ่มเพียงไหน เราก็ไม่เคยหนาวเช่นนี้มาก่อนเลย…”
กโยซึลพูดต่อไปอย่างช้าๆ
“ไม่ว่าความร้อนจะปกคลุมตัวเราเพียงไหน ไม่ว่าตัวเราจะร้อนเพียงใด ต่อให้เรากระโดดเข้าไปในกองไฟที่เผ้าไหม้ เราก็ยังคงหนาวอยู่ดี”
ขณะที่น้ำเสียงเล็กๆ กำลังเปล่งออกมา รูแฮก็นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ ไม่พูดแทรก จนกระทั่งนางพูดจบ
“ตอนที่เราอยู่ฮวากุกเราไม่รู้จักความหนาวเลย แม้แต่การคิดถึงความหนาวนั้นก็ไม่มี แต่ว่าตอนนี้เราหนาว เรากำลังหนาวสั่นอยู่ในความหนาวที่น่าหวาดกลัว”
กโยซึลยังคงคร่ำครวญถึงความหนาว ความหนาวเยือกเย็นที่นางรู้สึกนั้นไม่ใช่ปัญหาของอากาศ รูแฮสามารถที่จะคาดเดาได้ว่าความหนาวที่นางกำลังพูดถึงอยู่นั้นคืออะไร ถ้าเป็นความหนาวแบบนั้นเขาก็มีความมั่นใจที่จะช่วยหยุดมันได้
“กระหม่อม”
ในที่สุดรูแฮที่นั่งฟังกโยซึลพูดอย่างเงียบๆ ก็พูดขึ้น ขณะเดียวกันเขาก็ขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วจับมือของ
กโยซึลอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงของเขาดูนิ่งเรียบแต่ก็กระตือรือร้น ดูนุ่มนวลแต่ก็มีพลัง จนอยากจะกระโจนเข้าไปแล้วฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่เขา
“กระหม่อมจะทำให้พระชายาอบอุ่นเองขอรับ”
เขาพูดจบประโยคได้อย่างเฉียบขาดแม้จะรู้สึกสองจิตสองใจก็ตาม
“ทรงจะทำให้หม่อมฉันอบอุ่นหรือเพคะ”
กโยซึลยิ้มออกมาอย่างไม่มีความหมาย ดูแล้วเหมือนเป็นรอยยิ้มเศร้าสร้อย แต่ดูอีกทีก็เหมือนจะเป็นร้อยยิ้มที่เจ็บปวด
“ทรงตรัสอย่างนั้นได้อย่างไร ทรงจะทำให้หม่อมฉันอบอุ่นได้อย่างไร พระองค์…พระองค์ทรงเป็นฮวางเซจามิใช่หรือ พระองค์คือฮวางเซจา รูแฮ ที่ไม่สามารถเป็นยูอึลจินได้มิใช่หรือเพคะ”
ยูอึลจิน คือชื่อที่กโยซึลใช้เรียกรูแฮตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือฮวางเซจา แต่อย่างไรก็ตามนางก็ไม่ควรที่จะเรียกเขาว่า รูแฮ
คำพูดของรูแฮช่างขาดความรับผิดชอบ มันเป็นคำพูดพล่อยๆ ที่กฎระเบียบอันเข้มงวดของพระราชวังแห่งนี้ที่ไม่สามารถยอมรับได้ การให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้อบอุ่นของรูแฮนั้นมันเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เขาช่างน่ารังเกียจที่มาทำให้เกิดความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนี้ กโยซึลใช้กำปั้นเล็กของตนเองทุบไปที่หน้าอกของรูแฮ
น้ำเสียงที่ผสมความขุ่นเคืองของกโยซึลที่รูแฮได้ยินนั้นมันฟังดูหวานยิ่งกว่าคำสารภาพใด มันเป็นคำติเตียนที่รูแฮเฝ้ารออย่างไม่หยุดหย่อน
ในที่สุดรูแฮก็ทนไม่ไหวจึงพูดออกไปว่า
“กระหม่อมรักพระองค์ขอรับ”
คำพูดสั้นๆ นั้นเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น สายตาที่หนักแน่นของรูแฮมองไปที่กโยซึล กโยซึลตัวแข็งทื่อไปทั้งอย่างนั้น นางคิดไม่ออกเลยว่าจะยอมรับคำพูดที่ชวนให้งงงันและวิตกกังวลของเขาได้อย่างไร
รัก
นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินคำสารภาพว่ารักและคิดถึงจากใครบางคน เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไม่ต้องพูดอ้อมค้อม ไม่ต้องใช้คำอุปมา เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ของรูแฮ
ทำอย่างไรดี
จะทำอย่างไรดี
ในหัวของกโยซึลนั้นมีความคิดมากมายจนนางไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้อง บางทีมันอาจจะเป็นเพียงข้ออ้าง ข้ออ้างที่นางอยากจะปลดปล่อยตัวเอง แล้วฝากความรู้สึกของตนเองไว้กับเขา
“เรารักท่านอย่างจริงใจ”
รูแฮพูดกระซิบอีกครั้ง เป็นน้ำเสียงที่ต่ำและนุ่มนวล แต่คลื่นน้ำเสียงนั้นมันช่างรุนแรงจนพัดความลังเลของกโยซึลออกไปจนหมดสิ้น
นางไม่มีเวลาที่จะชั่งน้ำหนักและชั่งใจเกี่ยวกับปัญหาเหล่านั้นเลย ในชั่วขณะนั้นกโยซึลลืมทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่นางสามารถรับรู้ได้อย่างดีคือรูแฮที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น
สายตาของเขา น้ำเสียงของเขา คือทั้งหมด
รูแฮเดินเข้ามาหากโยซึลอย่างช้าๆ แล้วเขาก็กอดนาง กโยซึลไม่สะบัดเขาออก ไม่มีการปฏิเสธใด
ตนทำไม่ได้ ความรู้สึกรุนแรงที่ส่งมายังตนทำให้ตนไม่สามารถหลบหลีกเขาได้เลย สุดท้ายแล้วตนก็ปล่อยให้มันเป็นไปที่ควรจะเป็น
“อา..”
กโยซึลส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอบอุ่นและสบายใจตั้งแต่มาที่มกกุก นี่เป็นกอดแรกที่รู้สึกปลอดภัย หรือเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมานาน กโยซึลทำราวกับไม่สามารถขัดขืนเขาได้ ทำเป็นลืมทุกสิ่ง นางฝากตัวตนของนางไว้ในอ้อมกอดของรูแฮ นางหลับตาลงทั้งสองข้าง
รูแฮกอดกโยซึลอยู่เป็นเวลานาน การที่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็ทำให้เขาลำบากใจเช่นกัน หัวใจเต้นเหมือนกับจะระเบิด เสียงหัวใจเต้นดังกังวาลระหว่างหน้าอกของทั้งคู่ที่แนบสนิทกันอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจของใครกันแน่ ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดออกไปในแต่ละจุดที่สัมผัสกัน ยิ่งลมหายใจถูกผสมปนเปกันเท่าไร ความรู้สึกเบลอๆ ก็ไหลไปทั่วร่างกาย ร่างกายที่สัมผัสกันและกลิ่นกายทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับความรู้สึกในความเป็นจริงที่มันห่างไกลออกไป ไม่ว่าจะเป็นเวลา พื้นที่ สถานการณ์ที่วุ่นวายทุกอย่างทำให้จมลึกลงสู่ไปใต้พื้นทะเล
“เฮ้อ”
ลมหายใจที่สั่นไหวของใครสักคนลอยผ่านหูไป จุดที่ลมหายใจผสมผสานกันมันทำให้ร้อนวูบวาบ
เขาไม่ได้เพียงล้อเล่น ที่รูแฮบอกว่าจะทำให้กโยซึลอบอุ่นขึ้นนั้นไม่ใช่คำโกหก ตอนที่กโยซึลได้สัมผัสกับเขานางรู้สึกเหมือนได้กอดดวงอาทิตย์ ไม่ใช่สิ เหมือนตัวเองกลายเป็นดวงอาทิตย์เสียเอง ความร้อนพลุ่งพล่านขึ้นมา ความร้อนแรงที่คุมไม่อยู่มันวูบวาบขึ้นมาในทุกส่วนที่ได้สัมผัสกัน รวมถึงจุดที่ไม่ได้สัมผัสด้วย ทั้งบริเวณท้อง และด้านล่างของนาง เขาก็ทำให้นางรู้สึกเร่าร้อนได้ในที่สุด
รูแฮก็รับรู้ได้ถึงความเร่าร้อนที่พลุ่งพล่านขึ้นมาของกโยซึล เขาค่อยๆ กระซิบที่หูของกโยซึลอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลทีละคำ ทีละคำด้วยปลายลิ้นหวานฉ่ำที่ขยับไปมา