แต่รูแฮนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่กลัวหรืออย่างไรถึงได้พูดออกมาอย่างง่ายดาย
“พระชายา”
รูแฮเรียกกโยซึลทว่าไม่มีเสียงตอบรับ กโยซึลทำเพียงแค่ก้มหน้านิ่ง บางครั้งก็ขมับมือที่ถูกรูแฮกุมไว้ เสียงของรูแฮเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำเสียงที่เอาแต่ร้องเรียกอย่างวิงวอนเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมรับรู้ความในใจที่รวดร้าวของตน เมินเฉยมันอย่างโหดร้าย
“พระชายา”
รูแฮร้องเรียกกโยซึลที่ยังคงเงียบอีกครั้ง แต่ทว่านอกจากจะไร้เสียงตอบรับแล้ว แม้แต่จะมองมาที่ตนสักนิดก็ยังไม่มี รูแฮจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ…”
ใจของกโยซึลวูบไหวหลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ ภายในเวลาสั้นๆ ความกังวลต่างๆ พลันถาโถมเข้ามา อา เราทำอะไรผิดหรือเปล่านะ เราทำให้เขาทุกข์ใจหรือไร หรือเรากำลังทำให้เขาเหนื่อยล้ากับความผิดหวังกัน เราทำเกินไปหรือเปล่านะ หากเขายอมแพ้แล้วเรามาเสียใจทีหลังจะทำอย่างไร ความหวั่นเกรงขณะนั้นทำให้กโยซึลเปิดเผยความในใจที่ซุกซ่อนไว้ออกมาอย่างหมดสิ้น
วันนั้นในช่วงต้นฤดูร้อน ความในใจตั้งแต่วันที่ได้พบรูแฮอีกครั้งที่ตำหนักใต้ปะทุออกมาอย่างปิดไม่อยู่ มันคือความในใจของตนเองที่พยายามจะเก็บซ่อนและเมินเฉยมาตลอด เขาจะรู้ถึงจิตใจที่ว้าวุ่นในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ของตนหรือไม่ ทันใดนั้นรูแฮก็นำมือข้างที่ไม่ได้จับมือกโยซึลไว้แตะที่หน้าผากของนาง แล้วพูดกับกโยซึลที่ตกใจเบี่ยงหน้าหนีว่า
“ตัวร้อนมาก นอนลงเถอะขอรับ กระหม่อมจะเช็ดตัวให้”
อยู่ๆ เสียงของรูแฮก็อ่อนโยนและผ่อนคลายลง เป็นน้ำเสียงเดียวกับที่ตนเคยได้ยินตอนที่ทั้งคู่ออกไปเดินเล่นด้วยกันทุกวัน รูแฮที่เพิ่งจะปล่อยมือจากโยซึลหันไปมองเหล่ากะละมังข้างเตียงที่ใส่น้ำอยู่ หลังจากที่รูแฮปล่อยมือ กโยซึลรีบกุมมือข้างนั้นของตน มือข้างนั้นร้อนมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพิษไข้ หรือเป็นเพราะว่ารูแฮกุมมือของตนไว้กันแน่ ในขณะที่กโยซึลกำลังลูบมือของตนอยู่นั้น รูแฮก็นำมือของเขาลองจุ่มลงกะละมังแต่ละใบที่วางอยู่ ไม่มีกะละมังใบไหนใส่น้ำเย็นไว้เลย ทุกใบล้วนมีแต่น้ำอุ่นทั้งสิ้น
“เฮ้อ…”
รูแฮถอนหายใจอีกครั้ง และกโยซึลก็สะดุ้งตัวอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงถอนหายใจนั่น นางห้ามตัวเองไม่ได้เลย เพราะทุกประสาทสัมผัสในตอนนี้ล้วนจดจ่ออยู่ที่รูแฮเพียงคนเดียว ความจริงที่ว่ารูแฮนั้นสำคัญกับตนที่สุดถูกแสดงออกมาทางท่าทางก่อนกโยซึลจะรับรู้เองเสียอีก
รูแฮที่สำรวจอุณหภูมิน้ำอยู่เลือกกะละมังใบที่อุณหภูมิต่ำที่สุด แล้วจึงนำผ้าจุ่มลงไปและบิดน้ำออก อุณหภูมิน้ำที่สูงในกะละมังทุกใบราวกับกำลังบอกถึงความเจ็บปวดของกโยซึล และนั่นทำให้หัวใจของรูแฮเองก็เจ็บปวดไปด้วย ยิ่งน้ำอุ่นมากเท่าไร นั่นก็หมายความว่ากโยซึลเจ็บป่วยมากเท่านั้น
“พระชายา นอนลงเถิดขอรับ”
รูแฮที่กำลังจะนำผ้าไปวางทาบหน้าผากของกโยซึลเห็นนางยังคงนั่งอยู่จึงสั่งให้นางนอนลงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ถึงแม้กโยซึลจะยังคงไม่ยอมมองหน้ารูแฮ แต่ทว่านางก็ทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดี รูแฮนำผ้าวางไว้บนหน้าผากของกโยซึลครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พลิกอีกด้านแล้วนำไปเช็ดที่ใบหน้าของนาง
“พระชายา”
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากกโยซึล ในที่สุดรูแฮก็ถือผ้าไว้ในมือพร้อมกับลุกขึ้น เขาพูดกับกโยซึลที่ยังคงนอนหันหน้าหนีตนเสียงดังว่า
“พระชายา เหตุใดถึงเอาแต่เมินเฉยต่อกระหม่อมกันขอรับ ทรงทำเป็นไม่เห็นทั้งๆ ที่เห็น ทำเป็นไม่ได้ยินทั้งๆ ที่ได้ยิน ทำเช่นนั้นแล้วพระชายาจะทรงไม่เห็นหน้ากระหม่อม ไม่ได้ยินเสียงของกระหม่อมจริงๆ เช่นนั้นหรือขอรับ”
ถึงแม้ว่าเสียงของรูแฮจะดัง แต่ทว่ามันไม่มีเค้าของความโกรธอยู่เลย มีเพียงแค่ความน่าเวทนาเพียงเท่านั้น รูแฮพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นระริก
“เหตุใดถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ขอรับ ในตอนที่กระหม่อมเป็นเพียงแค่เชื้อพระวงศ์คนหนึ่งกับตอนที่กระหม่อมเป็นฮวางเซจามีสิ่งใดแตกต่างกันนักหรือขอรับ ตอนเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์นั้นสามารถสนิทสนมด้วยได้ แต่ในตอนที่เป็นฮวางเซจาสนิทสนมด้วยไม่ได้เช่นนั้นหรือขอรับ ไม่ว่ากระหม่อมจะเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์หรือเป็นฮวางเซจา กระหม่อมก็ยังคงเป็นดันมก ยูอึลจินคนเดิม เหตุใดท่านอูรึมถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้กัน เพียงเพราะว่ากระหม่อมคือฮวางเซจาเช่นนั้นหรือขอรับ”
เสียงของรูแฮเบาลงเรื่อยๆ เขาหอบหายใจหนักเพราะไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตนได้ หลังจากที่รูแฮพูดจบก็บังเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง กโยซึลพยายามจะฝืนตัวลุกขึ้นนั่ง ทว่ารูแฮพยายามจะดันตัวนางให้นอนลงเช่นเดิม
“นอนลงเถิดขอรับ หากทรงลุกขึ้นนั่งจะทำให้ไข้ขึ้นอีกได้ ตอนนี้พระวรกายก็ทรงร้อนมากอยู่แล้ว…”
กโยซึลผลักมือของรูแฮออก รูแฮที่บังเกิดความกระดากอายจึงเก็บมือของตนแล้วมองกโยซึลด้วยสายตาที่แสนเศร้าสร้อย
“ในตอนนี้แม้แต่จะสัมผัสมือของกระหม่อมก็ทรงไม่พึงพระทัยแล้วหรือขอรับ กระหม่อมจะบังอาจเป็นห่วงพระชายามิได้เลยหรือ”
ภายในใจของรูแฮรวดร้าว ตนที่ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะเผชิญหน้ากับบีพาอัน เมื่อมาอยู่ต่อหน้ากโยซึล
กลับหลงลืมความตั้งใจโดยง่าย ด้วยเหตุที่กลัวว่าความปรารถนาของตนนั้นอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้กโยซึลลำบากก็เป็นได้ อีกอย่างไม่ว่าอย่างไรกโยซึลก็สำคัญที่สุด ถึงแม้ตนตั้งใจแล้วว่าจะลองเดินหน้าดับเครื่องชนดูสักตั้ง แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้ากโยซึลกลับเอาแต่เฝ้าดูปฏิกิริยาของนาง นางไม่ต้องการให้มีเรื่องเจ็บตัว ตนก็ต้องการทำตามที่นางปรารถนา ใจของตนนั้นต้องการนางถึงเพียงนี้แล้ว แต่ทว่านางยังคงตั้งมั่นที่จะซื่อสัตย์ต่อองค์ฮวางแทจา ปฏิกิริยาของนางนั้นคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย ทว่าความจริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ กโยซึลที่ถอนหายใจหนักหันหน้าเข้าหารูแฮ ดวงตาใสจ้องมองตรงไปที่เขา รูแฮเบิกตากว้างเมื่อเห็นกโยซึลมองมาที่ตน
“เรา…”
ในที่สุดก็ได้สบตากับดวงตาที่ตนหลีกเลี่ยงมาตลอด ในตอนนี้ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
“เรา…”
กโยซึลจ้องมองที่ไปรูแฮแล้วพูดออกมาอย่างยากลำบาก