ตอนที่ 30-1 บุกรุก

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“ฝ่าบาทฮวางเซจา พระชายาฮวางแทจาทรงไม่อนุญาตให้เสด็จเข้าไปเพคะ!”

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจา!”

 

 

เหล่าซังกุงเดินเข้ามาขวางรูแฮไว้ แต่ทว่าเขากลับเมินเฉยและตรงเข้าไปเปิดประตูตำหนักเพื่อเข้าไปยังห้องบรรทมชั้นในด้วยตัวเอง เหล่าซังกุงตกใจและรีบตามหลังรูแฮเข้าไป ตั้งแต่ที่พวกนางเข้ามาอยู่ในราชสำนักและได้พบเจอกับรูแฮมาจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำหน้าตาบึ้งตึงเช่นนี้ เขามักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและวางตัวอย่างมีมารยาทอยู่เสมอ ทว่ารูแฮที่ดึงดันเปิดประตูเข้าไปในตอนนี้ช่างแตกต่างกับรูแฮที่พวกนางเคยรู้จักนัก

 

 

เหล่าซังกุงได้แต่ไล่ตามเงาของรูแฮเข้าไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด ระหว่างประตูด้านหน้าสุดและประตูด้านในสุดนั้นจะมีนางกำนัลเฝ้าอยู่แทนซังกุง ซึ่งไม่มีทางเลยที่เหล่านางกำนัลจะห้ามรูแฮที่แม้แต่เหล่าซังกุงก็ไม่สามารถห้ามได้ ผู้ใดเล่าจะห้ามองค์รัชทายาทอันดับที่สามอย่างรูแฮได้

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจา! ทรงทำเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ”

 

 

“ฝ่าบาทฮวางเซจา ขอทรงรักษาเกียรติ… มารยาทด้วยเถิดเพคะ”

 

 

สิ่งที่พวกนางทำได้นั้นมีแค่เพียงเก็บซ่อนความตระหนกและร้องห้ามรูแฮเอาไว้ แต่รูแฮหาได้สนใจเสียงร้องเรียกที่ดังตามหลังตนมานับไม่ถ้วนเหล่านั้นไม่ เขายังคงมุ่งหน้าเดินต่อไป

 

 

รูแฮเปิดประตูตำหนักเข้าไปทีละบาน และนางกำนัลที่ยืนอยู่หน้าประตูแต่ละบานก็ล้วนเดินตามหลังเขาไป ยิ่งเปิดประตูเข้าไปมากเท่าไร เหล่านางกำนัลที่ตามหลังรูแฮไปก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หลังจากที่รูแฮก้าวเข้ามาในห้องบรรทมของกโยซึล แม่นมก็มองเขาด้วยสีหน้าตกใจ ใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มของรูแฮนั้นเคร่งขรึม

 

 

“นี่มันเรื่องอันใดกันเพคะ”

 

 

แม่นมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงนอนลุกขึ้นยืนพร้อมกับถามขึ้น แม่นมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ แต่รูแฮก็หาได้สนใจนางไม่ เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน

 

 

“พระองค์หาได้เคยขัดขวางผู้คนมากมายที่มาเยี่ยม เหตุใดถึงไล่กระหม่อมกันเล่าขอรับ”

 

 

รูแฮถามกโยซึลที่นั่งพิงหมอนนุ่มหลายใบที่ซ้อนกันอยู่บนหัวเตียง พร้อมกับถือถ้วยข้าวต้มอยู่ ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น มือของกโยซึลที่ถือถ้วยข้าวต้มอยู่เกร็งแข็งขึ้น มือผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูกเนื่องจากกินอาหารไม่ค่อยได้สั่นระริก

 

 

“แม่นม เราอยากพักผ่อน”

 

 

กโยซึลเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมาจากริมฝีปากแห้งผากพร้อมกับยื่นถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปเพียงนิดเดียวให้กับแม่นม ทว่าหลังจากที่นางพูดกับแม่นมกลับมีเสียงตอบรับจากคนที่นางไม่ได้พูดด้วย

 

 

“พระชายาฮวางแทจาทรงตรัสว่าอยากพักผ่อนมิใช่หรือ ออกไปกันได้แล้ว”

 

 

หลังจากที่รูแฮหันไปออกคำสั่งแก่เหล่านางกำนัลที่ยืนอยู่ข้างหลังตน เขาก็ปิดประตูลงห้องบรรทมด้วยตนเอง เหล่านางกำนัลที่ยืนสับสนอยู่ด้านหน้าประตูต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงรูแฮ กโยซึล และแม่นมเพียงเท่านั้น

 

 

“หม่อมฉันจะเอาถ้วยไปเก็บเพคะ”

 

 

แม่นมถือถ้วยข้าวต้มไว้แล้วลุกขึ้น ทันใดนั้นกโยซึลก็คว้าชายเสื้อของนางไว้ และในตอนนั้นเองรูแฮก็เข้าไปดึงมือของกโยซึลที่จับชายเสื้อแม่นมออก แล้วสอดมือของตนเองเข้าไปแทน มือของกโยซึลที่ถูกรูแฮจับไว้หลุดจากชายเสื้อของแม่นม

 

 

“เราจะอยู่ดูแลพระชายาเอง เจ้ามีงานอันใดที่ทำค้างไว้ก็ไปทำเถิด”

 

 

“เพคะ ฝ่าบาทฮวางเซจา”

 

 

แม่นมน้อมตัวลงพร้อมเดินถอยหลังออกไป งานของนางก็คือการดูแลกโยซึล เพราะฉะนั้นที่จริงแล้วนางจึงต้องคอยอยู่ข้างๆ กโยซึล ทว่าในความหมายของรูแฮนั้นคือการสั่งให้นางออกไปที่อื่นสักพัก นางจึงต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่นางทำเพื่อนายของตนได้ในแบบฉบับของตัวเอง

 

 

หลังจากที่แม่นมออกไป ทั้งห้องก็เหลือเพียงรูแฮกับกโยซึล กโยซึลที่เมินเฉยต่อรูแฮมาตลอดเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนกำลังจับมือกับรูแฮอยู่ ขณะที่กโยซึลกำลังจะดึงมือออกนั้น รูแฮก็เพิ่มแรงบีบที่มือที่จับมือกโยซึลอยู่

 

 

“โอ๊ย…”

 

 

กโยซึลร้องออกมาเบาๆ อย่างไม่ตั้งใจ และรูแฮก็เพิ่มแรงที่มือของตนมากขึ้น กโยซึลขยับนิ้วพยายามจะดึงมือของตนออก ทว่ายิ่งตนพยายามจะดึงมือออกมากเท่าไร แรงบีบที่มือของรูแฮก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากตลอดเวลาที่ตนป่วยนั้นแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย กโยซึลจึงไม่สามารถขัดขืนรูแฮได้

 

 

กโยซึลที่ทำสงครามประชันกำลังที่ไร้ความหมายอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดนางก็ยอมแพ้ ยอมให้รูแฮจับมือของตนต่อไป หลังจากที่กโยซึลหยุดฝืน รูแฮเองก็ผ่อนแรงลง กโยซึลตั้งใจจะใช้ช่วงเวลานี้ในการถอนมือออกมา แต่ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันจะต้องวนกลับไปเป็นแบบเดิมแน่ๆ หลังจากที่ยื่นมือให้รูแฮจับอย่างช่วยไม่ได้ กโยซึลที่ยังคงไม่หันไปมองหน้ารูแฮก็เอ่ยออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก

 

 

“เหตุใดจึงทำเช่นนี้เพคะ”

 

 

“แล้วเหตุใดพระชายาถึงทรงทำเช่นนี้ขอรับ”

 

 

ตอบไม่ตรงคำถาม หลังจากได้ยินคำตอบของรูแฮ กโยซึลก็ขมวดคิ้วเรียวที่ชี้ขึ้นดูน่าสงสาร ด้วยความรู้สึกที่พรั่งพรูขึ้นมาทำให้หัวคิ้วของนางสั่นระริก เผยความกังวลในใจออกมา กโยซึลเม้มปากของตนแล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง

 

 

“หม่อมฉันทำอะไรเพคะ”

 

 

“เหตุใดถึงทรงนอนอยู่บนแท่นบรรทมเช่นนี้ เหตุใดถึงหลบหน้ากระหม่อม เหตุใดถึงทรงประชวรถึงเพียงนี้…”

 

 

รูแฮชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

 

 

“เหตุใดถึงทำให้หัวใจของกระหม่อมสั่นไหวเพียงนี้กันขอรับ”

 

 

รูแฮเพิ่มแรงบีบที่มือของตนที่กุมมือของกโยซึลอยู่ ดวงตาของกโยซึลสั่นไหว นางก้มหน้าลง แต่ทว่าศีรษะของตนที่ช่างไม่รับรู้ถึงความต้องการของเจ้าของกลับเอาแต่จะหันไปมองรูแฮ

 

 

ห้ามมองเขาเด็ดขาด

 

 

กโยซึลพยายามห้ามตัวเองเอาไว้ นางเกร็งคอไว้จนเจ็บไปหมด หากมองตาเขาอีกครั้ง หากมองไปที่ดวงตาที่ไม่ว่าเมื่อไรก็มีความอ่อนโยนเคล้าอยู่เสมอของเขาอีกครั้งล่ะก็ ตนไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถละสายตาออกมาได้อีกหรือไม่ นางกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรขึ้น