ตอนที่ 277 ตบสองฉาด + ตอนที่ 278 ต่อไปการล้างจานคืองานของอู่เยวี่ย โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 277 ตบสองฉาด
“เผียะ!”
อู่เหมยที่เพิ่งตักน้ำใส่กะละมังแล้วออกมาจากห้องน้ำ สะดุ้งตกใจกับเสียงที่ดังชัดเจน เธอหันหน้ามองไปทางที่มาของเสียงทันที กลับเห็นเหอปี้อวิ๋นปิดหน้าไว้ ดูเหมือนว่ายังตกตะลึงงงงัน
อู่เหมยใจเต้นตุบๆ รู้สึกเบิกบานใจ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาอู่เจิ้งซือเป็นสุภาพบุรุษ แม้แต่คำพูดที่บาดหมางใจก็แทบจะไม่พูด แต่ตอนนี้กลับลงมือกับเหอปี้อวิ๋นและเสียงตบหน้ายังชัดแจ๋วอีก แสดงว่าเขาคงจะโมโหมาก
อุ๊ย! ทำไมไม่ตบอีกสักฉาดล่ะ?
ถ้าหากว่าได้ตบอู่เยวี่ยสักฉาดก็ยิ่งดี เธอประคองน้ำแอบอยู่ในมุมบ้าน เธอทำตัวเป็นมนุษย์นักส่องอย่างเงียบๆ เพื่อป้องกันไฟสงครามกระทบมาถึงเธอที่อยู่ตรงนี้
อู่เยวี่ยก็วิ่งออกมาจากห้องนอน ตกใจกับความเดือดดาลของอู่เจิ้งซือ มีความตกตะลึงเล็กน้อย จ้องมองพ่อแม่
ด้วยความงงงัน
ผ่านไปนานเหอปี้อวิ๋นจึงได้สติกลับคืนมา มองอู่เจิ้งซื้อด้วยความเคียดแค้น กัดฟันตะโกนเสียงทุ้ม “คุณตบฉัน? คุณมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน หา! อู่เจิ้งซือบอกฉันมานะ!”
เธอเหมือนกับคนบ้าคลั่ง ดึงอู่เจิ้งซือไว้ ทั้งข่วนทั้งกัด ขาก็เตะและถีบอยู่หลายครั้ง กำลังต่อสู้ก็มีมาก อู่เจิ้งซือเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง จะเป็นคู่ต่อสู้ของหญิงปากปลาร้าได้ที่ไหน ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาก็มีหลายจุดที่เลือดออก แล้วก็ปวดหนึบๆ ที่น่อง
“หญิงที่ปากปลาร้า ก็คือหญิงชนบทที่หยาบคาย ไม่มีเหตุผล!”
อู่เจิ้งซือโกรธจนพูดจาสับสน รู้สึกขยะแขยงเมื่อมองเหอปี้อวิ๋นที่ผมยุ่งกระเซอะกระเซิง รู้สึกเสียใจอยู่ในใจ ทำไมตอนแรกถึงได้ตาบอด ที่เห็นเงาของ ‘เธอ’ ในร่างนังปีศาจนี้?
“อู่เจิ้งซือ คุณมันใจร้าย ตอนแรกที่ขอฉันแต่งงาน คุณพูดด้วยคำพูดที่หวานไพเราะ แต่ตอนนี้กลับรังเกียจกันหาว่าฉันหยาบคาย? จิตใจที่ดีของคุณก็เอาให้หมามันกินเถอะ!” เหอปี้อวิ๋นตะโกนจนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เสียงแหบแห้งไปหมด ใครจะไปเห็นแก่หน้าตาได้อีก?
อู่เจิ้งซือเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด พอเขาเห็นเหอปี้อวิ๋นตะโกนเสียงดัง ความเดือดดาลก็ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น สุภาพบุรุษอะไร ผู้ชายที่ดีไม่สู้ผู้หญิงล้วนไร้สาระทั้งนั้น เขาง้างมือตบลงไปอย่างแรงอีกครั้ง
การตบครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก เหอปี้อวิ๋นโซเซ ถอยหลัง แล้วล้มลงกับพื้น ใบหน้าบวมเหมือนกับหมู เธอตะลึงงัน ร้องไห้ไม่หยุด
“แม่!”
อู่เยวี่ยรีบไปดูเหอปี้อวิ๋นด้วยความเป็นห่วง แม่เป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่งที่สุด หากเหอปี้อวิ๋นเป็นอะไรไป วันข้างหน้าในอนาคตของเธอก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายแล้วเธอกับเหอปี้อวิ๋น อย่างไรก็เป็นแม่ลูกที่มีจิตใจเชื่อมโยงถึงกัน
เห็นเหอปี้อวิ๋นถูกทำร้ายอย่างน่าเวทนาอย่างนี้ อู่เยวี่ยรู้สึกไม่สบาย จึงตำหนิอู่เจิ้งซือ
“พ่อ ทำไมพ่อถึงตีแม่? พ่อพูดอยู่เสมอว่า เอาชนะใจคนด้วยคุณธรรมไม่ใช่เหรอ? ตัวเองกลับฝ่าฝืนได้อย่างไร?” อู่เยวี่ยถามพร้อมกับร้องไห้
อู่เจิ้งซือรู้สึกเสียใจจริงๆ หลังจากที่ตีไปแล้ว ฝ่ามือที่แสบร้อนได้ย้ำเตือนวีรกรรมที่เขาทำเมื่อสักครู่นี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะลงมือกับภรรยา?
อู่เยวี่ยพอมองก็รู้ว่าอู่เจิ้งซือรู้สึกเสียใจ เธอเหลือบตาไปมา แล้วหยิบกระจกขึ้นมา จากนั้นหันไปที่หน้าอู่เจิ้งซือแล้วกล่าว “พ่อ ให้หนูจะจัดการกับบาดแผลนี้นะ ถ้าไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้พ่อจะไปสอนได้อย่างไร”
ในกระจกมีรอยข่วนที่มีเลือดออกอยู่สามหรือสี่รอย ที่คางอีกรอย แก้มขวาสองรอยและที่คิ้วมีรอยเล็กๆ พอเห็นอย่างนี้ก็น่ากลัวแย่แล้ว ความเดือดดาลของอู่เจิ้งซือเกือบจะพุ่งออกมาจากจุดป๋ายฮุ่ย
หน้าตาของชายสำคัญที่สุด เขาคาดไม่ถึงว่าเหอปี้อวิ๋นจะไม่สนใจหน้าตาของเขาเลย ตีให้ตายก็สมควรแล้ว!
“เหอปี้อวิ๋น เธอสู้ผู้หญิงชนบทเหล่านั้นไม่ได้เลย ผู้หญิงชนบทก็ยังรู้เลยว่าขโมยเป็นเรื่องน่าอาย แต่เธอกลับขโมยแม้กระทั่งสิ่งของของลูก ไม่มีศีลธรรมเอาเสียเลย …ทำไมคุณถึงกลายเป็นแบบนี้?”
อู่เจิ้งซือตำหนิด้วยความเกลียดชังอย่างยิ่ง ความผิดหวังในแววตาทิ่มแทงหัวใจเหอปี้อวิ๋นครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ “อู่เจิ้งซือ คุณพูดให้ มันดีๆ นะ ฉันขโมยอะไร?
……………………………………………………………….
ตอนที่ 278 ต่อไปการล้างจานคืองานของอู่เยวี่ย
เหอปี้อวิ๋นพูดว่า เธอไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้น ที่ว่าเธอหยิบของอู่เหมย ท่าทางของเธอดูเศร้าเสียใจมาก คล้ายกับว่าคับแค้นใจอย่างยิ่ง พูดเพียงว่าอู่เจิ้งซือใส่ร้ายเธอ
“อู่เจิ้งซือ คุณมีชู้รักอยู่ข้างนอกแล้วสินะ? จึงคิดหาวิธีที่จะจัดการฉัน ถึงแม้ว่าครอบครัวของฉันจะไม่ใช่ตระกูลที่ได้เรียนหนังมือมาหลายชั่วคนอะไร แต่ก็เป็นครอบครัวที่ไม่มีความด่างพร้อย ตั้งแต่เด็กพ่อกับแม่ก็สั่งสอนว่าต้องเป็นคนซื่อสัตย์ ฉันอยู่กินกับคุณมาสิบหกปีแล้ว ถึงแม้จะยากจน ฉันก็ไม่เคยไปเอาข้าวคนอื่น คุณมาใส่ร้ายป้ายสีฉันเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ครั้งถือว่านี้เหอปี้อวิ๋นพูดได้อย่างมีเหตุผล พลิกสถานการณ์ที่เสียเปรียบจนกลายเป็นได้เปรียบ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า ความผิดที่อู่เจิ้งซือกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง เธอพูดเพียงว่าเขานอกใจ เดิมทีอู่เจิ้งซือพูดไม่ค่อยเก่ง บวกกับหลังจากที่ดื่มเหล้าเข้าไป ก็เริ่มเวียนหัว คาดไม่ถึงว่าจะโดนเหอปี้อวิ๋นพูดจนเขาพูดไม่ออก ตะลึงงันตัวแข็งเหมือนกับไม้
เหอปี้อวิ๋นยิ่งได้ใจ แต่ความแสบร้อนที่ใบหน้าก็ทำให้เธออับอายขายหน้าและโกรธมาก แต่งงานกับอู่เจิ้งซือสิบหกปี สามีของเธอไม่เคยแตะแม้แต่ปลายนิ้วเธอ แต่ตอนนี้เพราะว่าต้องมีคนทำผิดถูกลงโทษ จึงได้ตบเธอสองฉาดต่อหน้าพวกลูกๆ อีก
“อู่เจิ้งซือ คุณมันใจดำ ฉันรับใช้คุณอย่างเหน็ดเหนื่อย ดูแลลูกๆ ถึงแม้จะไม่มีความดีความชอบก็ควรจะชื่นชมสิ คุณทำร้ายฉันได้อย่างไร? นี่คือการกระทำของตระกูลอู่ของพวกคุณหรือ? ฉันจะไปถามคุณพ่อคุณแม่ของเรา!”
เหอปี้อวิ๋นเห็นอู่เจิ้งซือตะลึงงัน แล้วยังเข้าใจว่าเขากลัวความผิด ก็กระหยิ่มยิ้มย่อง เธอหมุนตัวจะเดินไปห้องประชาสัมพันธ์เพื่อโทรศัพท์ อู่เหมยรีบวิ่งไปล็อกประตู ตะโกนเสียงดัง “แม่ แม่ขีดข่วนหน้าของพ่อเหมือนกับผีอย่างนี้ พ่อของหนูเป็นครูตัวอย่างของจังหวัด แล้วพรุ่งนี้เขาจะไปสอนยังไง ขายขี้หน้าแย่!”
อู่เจิ้งซือใจหล่นวูบ มองหน้าเหอปี้อวิ๋นที่โอหังด้วยความรังเกียจ ทั้งหมดก็เป็นเพราะผู้หญิงปากปลาร้าคนนี้ ทำให้พรุ่งนี้เขาต้องถูกเพื่อนร่วมงานหัวเราะเยาะอีก เขาขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเข้ม “คุณทำผิด คุณยังมีเหตุผลอีกเหรอ? อีกอย่างทำไมผมถึงตบคุณ คุณเองก็ลองคิดดูดีๆ ว่าช่วงนี้ทำเรื่องอะไรไว้ ผมขายขี้หน้าคนอื่นเขาหมดก็เพราะคุณ!”
เหอปี้อวิ๋นตกใจที่ถูกอู่เจิ้งซือระเบิดอารมณ์ใส่อย่างฉับพลัน เธอรู้ดีว่าช่วงนี้อู่เจิ้งซือไม่พอใจเธออย่างมาก เมื่อตะกี้ที่พูดอย่างนั้นเพื่อระงับท่าทางที่ดุดันของอู่เจิ้งซือไว้ก็เท่านั้นเอง เธอคิดว่าต้องมีคนเลวมาฟ้องก่อน
ทีแรกคิดว่าทำสำเร็จแล้ว แต่กลับพังเพราะคำพูดของยายตัวดีนี่ เหอปี้อวิ๋นจ้องเขม็งไปยังอู่เหมยด้วยความโกรธแค้น เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพราะยายตัวดีนี่ก่อขึ้น
“ยังไม่ไปล้างจีนอีก ผู้ใหญ่คุยกันแกจะมาพูดแทรกทำไม? วันๆ ดีแต่พูดให้ร้ายคนอื่น!”
เหอปี้อวิ๋นตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด ข่มความอดทนเอาไว้เพื่อจะไม่เอาไม้ขนไก่มาฟาดคน อาศัยรอให้ตอนที่อู่เจิ้งซือไม่อยู่บ้าน ต้องเล่นงานอู่เหมยเพื่อข่มความหยิ่งผยองของยายตัวดีนี่ให้มันไม่อยู่ในสายตาของเธอ
อู่เจิ้งซือพูดตำหนิ “ให้อู่เยวี่ยไปล้างจาน เหอปี้อวิ๋น เรื่องของคุณ ผมยังพูดไม่จบ คุณจะมาเบ่งอำนาจอะไร? ผมรู้ว่าตลอดทั้งวันคุณใช้เหมยเหมยทำงาน คุณสู้แม่เลี้ยงไม่ได้เลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ให้อู่เยวี่ยล้างจาน เธอเป็นพี่สาว ควรจะทำงานให้มากกว่านี้”
ดูเหมือนอู่เยวี่ยกำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอรู้สึกประหลาดใจมาก พอได้ยินคำพูดของอู่เจิ้งซือ อู่เยวี่ยก็หน้าซีด เธอรู้สึกรันทดใจ ก็แค่สอบได้ไม่ดีครั้งเดียวเท่านั้นเอง พ่อก็ให้เธอล้างจานแล้ว ต่อไปไม่ใช่ต้องซักผ้าอีกเหรอ?
เหอปี้อวิ๋นรีบโวยวาย “เยวี่ยเยวี่ยต้องเรียนหนังสือ มีเวลาล้างจานที่ไหน? อู่เจิ้งซือ คุณไม่พอใจฉันก็มาลงที่ฉัน อย่าไปลงที่เยวี่ยเยวี่ย!”
อู่เจิ้งซือหัวเราะอย่างดูแคลน “หอบหนังสือทั้งวันก็ยังสอบไม่ได้ที่หนึ่ง เหมยเหมยทำงานบ้านทั้งวันก็ยังมีพัฒนา เรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้ อีกเรื่อง… เหอปี้อวิ๋น ถ้าคุณอารมณ์ไม่ดีก็อย่าไปลงที่เหมยเหมยอีกนะ!”
……………………………………………………………