บทที่ 604 การปะทะ ณ ดินแดงศักดิ์สิทธิ์

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 604 การปะทะ ณ ดินแดงศักดิ์สิทธิ์

 

“ เราต้องหันไปสนใจกองกำลังฝ่ายอื่นแทน ” ผู้นำของนิกายฮั่วหยุนจงกล่าวเสริม

 

ผู้ฟังหลายคน จากความสงสัยก็เปลี่ยนเป็นความน่าตกใจแทน แต่เมื่อมองไปที่ดวงตาของของผู้นำสูงสุด พวกเขาตอบแทบจะในทันที: “รับทราบ!”

 

เมื่อชายทั้งห้าพูดจบ มีเส้นกล้ามเนื้อสีแดงปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

 

“น่าเหลือเชื่อที่ไอแก่สองคนนั้น ยังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้!” ชายคนดังกล่าวนั่งไขว่ห้างและรักษาร่างกายของตน

 

กองกำลังหลักอื่น ๆ กำลังหารือเกี่ยวกับหลินกรุ๊ปและการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ พวกเขาทุกคนรู้ว่าหลินกรุ๊ป ได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังและกองกำลังสำคัญเหล่านี้ได้มาบรรจบกันกลายเป็นกลุ่มเทียนกงที่มีพลังมากขึนกว่าเดิม

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจสำหรับพวกเขา เพราะข่าวที่น่าตกใจพึ่งจะมาถึง

 

“รายงานการจัดตั้งกองกำลังใหม่ชื่อเทียนกง โดยผู้อาวุโสทั้งสามตระกูล ตระกูลหลินเอง และตระกูลใหม่ที่ฟื้นมาจากผนึก”

 

“ผู้เชี่ยวชาญต่างก็รายงานมาว่าตระกูลหลินเป็นผู้นำ และตระกูลใหญ่จะทำตามการชี้นำของเขา”

 

“รายงาน…”

 

ในขณะที่กองกำลังใหญ่ก่อตัวขึ้น ผู้คนมากมายหลังจากได้รับข้อมูลจากหลินกรุ๊ปและสี่ตระกูลใหญ่แล้ว พวกเขาทั้งหมดต่างก็ประหลาดใจ

 

อย่างไรก็ตามพวกเขายอมรับกันและกันได้อย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มตระกูลหลินและสี่ตระกูลใหญ่นั้นดีมากอย่างแน่นอน ตอนนี้มีผู้ลงทัณฑ์ถึงสองคนที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหลินกรุ๊ป โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาเล็งที่จะยึดหลินกรุ๊ปอย่างแน่นอนและกลายเป็นผู้นำกองกำลังใหม่นี้แทน มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกแบ่งแยกและแตกออกจากกันโดยกองกำลังใหญ่อื่น ๆ ไม่ช้าก็เร็ว

 

ข่าวดังกล่าวได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งประเทศและกองกำลังขนาดใหญ่หลายกองพล สามารถสัมผัสได้ถึงความดุร้ายของวังแห่งสวรรค์(เทียนกง)ที่พึ่งจะกำเหนิดได้นี้

 

ผู้ที่เคยมุ่งทำร้ายหลินกรุ๊ป ในเวลานี้พวกเขาต่างก็ขอโทษขอโพย ผู้คนมากมายมารวมตัวพร้อมกับโดยทิ้งจุดประสงค์หลักของตนไปอย่างสิ้นเชิง

 

น่าเสียดายที่การรับเข้ากลุ่มเทียงกงนั้นเข้มงวดมากและกองกำลังขนาดเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ จะไม่สามารถเข้าร่วมได้เลย

 

ด้วยวิธีการคัดเลือกและการก่อตั้งเหล่านั้น ประเทศก็เกิดกองกำลังที่แปดขึ้นทำให้กำลังที่มีอยู่ในประเทศนี้ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มกำลัง

 

ในอีกสามเดือนข้างหน้า พื้นที่บางส่วนถูกยึดครองอย่างรวดเร็วและกลายเป็นส่วนบริหารและกำลังหนุนสำคัญของกองกำลังสำคัญกองใดกองหนึ่ง

 

ตอนนี้กองกำลังทั้งแปดถูกจัดอันดับ ออกไปในด้านต่าง ๆ นา ๆ และการจัดอันดับนี้ก็ถูกแพร่กระจายออกไปราวกับน้ำร้อนเดือด

 

อันดับแรกสุดยังคงเป็นกลุ่มของนักแสวงบุญศักดิ์สิทธิ์ สถานะของพวกเขาไม่ได้ลดลงไปจากเดิมเลย!

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าแปลกใจคืออันดับที่สอง พันธมิตรแห่งความมืดซึ่งประกอบด้วยองค์กรแห่งความมืดสามองค์กรหลัก ๆ 

 

กองกำลังแห่งความมืดนั้นไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีบทบาทต่ำมาก การเคลือนไหวข้างในนั้นเงียบจนทุกคนแทบจะลืมไปแล้วว่ายังมีพวกเขาอยู่

 

อย่างไรก็ตามเมื่อหลินเฟิงคิดว่ากองกำลังแห่งความมืดสามารถต่อสู้กับเขตศักดิ์สิทธิ์ต่างแดนได้เป็นเวลาหลายร้อยปี ความแข็งแกร่งภายในกลุ่มแห่งความมืดนั้นคงจะเป็นอันดับสองจริง ๆ ไม่ได้มั่วแต่อย่างใด

 

กองกำลังที่น่าประหลาดใจที่สุดคืออันดับสาม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่ากองกำลังนี้จะติดอันดับหนึ่งในสามได้ทั้ง ๆ ที่พึ่งตั้งมาใหม่ ๆ นั้นคือกองกำลังเทียนกง ที่เพิ่งก่อตั้งโดยสี่ตระกูลและกลุ่มตระกูลหลิน

 

นั้นได้ทำลายความสงสัยของทุกคน สิ่งนี้ทำให้หลายคนประหลาดใจ มันทำลายความสงสัยของทุกคนที่ ว่า ’ท้ายที่สุดแล้วกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?’

 

ผู้คนเองก็มีหลายคนที่คิดว่านี้เป็นเรื่องตลก

 

อันดับสี่คือนิกายฮั่วหยุนจง

 

อันดับที่ห้าคือสำนักหกมังกร

 

อันดับที่หกคือองค์กรลั่วฉา

 

อันเจ็ดคือนิกายจื่อหยวน

 

อันดับที่แปดคือ ติงหยวนจง

 

กลุ่มของ องค์กรลั่วฉา นิกายจื่อหยวน และติงหยวนจง นั้นแทบจะหายไปจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาลึกลับมากจนยากที่จะค้นพบ นับประสาอะไรกับพลังและอำนาจของพวกเขา

 

ทั้งสามกลุ่มจึงมาเป็นอันดับสุดท้ายอย่างช่วยไม่ได้

 

ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาองค์กรลั่วฉาได้ลอบสังหารกองกำลังต่าง ๆ ที่พยายามก่อตั้งตัวหลายต่อหลายครั้งโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะจัดการกับกองกำลังที่เป็นศัตรูกับกองกำลังหลักทั้งแปด

 

การลอบสังหารไม่เคยล้มเหลวเลย ถึงแม้จะปะทะกับผู้ใช้พลังระดับ S ไปจนถึง ดินแดนศักดิ์สิทธ์ขั้นสาม

 

ว่ากันว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้อาวุโสของ 6 มังกร ที่อยู่ระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลฮวงฟู ถูกลอบสังหารโดยตรงโดยองค์กรลั่วฉานี่แหละ

 

ข่าวนี้ทำให้แปดกองกำลังหลักต่างก็ตกใจไปตาม ๆ กัน ทั้งสำนักหกมังกรนั้นโกรธมาก พวกเขาพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรลั่วฉาทุกวัน แต่ก็ไม่มีผล

 

นอกจากนี้นิกายจื่อหยวนยังได้ออกมาปรากฏตัวและลาดตระเวนไปรอบ ๆ ว่ากันว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้หญิงแต่ละคนก็สวยงามราวกับเป็นเทพ นั้นน่าจะถึงขั้นทำให้พระจันทร์และดอกไม้ที่เป็นสัญลักษ์ของความงามต้องหลบทางให้พวกเธอ

 

ทางกองกำลังอื่น ๆ และผู้สังเกตการณ์เองก็รู้สึกทึ่งกับความงามของพวกเธอ

 

หยวนจง ดินแดนแห่งเหมันต์แห่งสุดท้าย การเคลื่อนไหวของพวกเขา หายไปในพื้นที่ทุ่งน้ำแข็งทางตอนเหนือ ยังไงก็ตามการเคลื่อนไหวบางส่วนที่เกิดขึ้นก็เพื่อปราบดินแดนอันหนาวเหน็บในภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้หมดไป

 

ในทางตรงกันข้ามกันฮั่วหยุนจงและหกมังกร ซึ่งอยู่ท้ายอันดับในอันดับที่ ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ที่ส่งผลกระทบอันยิ่งใหญ่เลย พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าสามอันดับแรก และไม่มีความสำเร็จใดเกิดขึ้น และแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีพลังขนาดไหน

 

สามเดือนนี้หลินเฟิงไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย ทุกคนอยู่ในลำต้นของต้นไม้แห่งชีวิตเพื่อฝึกฝนพลัง

 

หลังจากดูดซับหินวิญญาณ ต้นไม้แห่งชีวิตจะส่งพลังและพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมหาศาลออกมาทุกวัน ซึ่งทำให้พืชพันธุ์ สัตว์ วิญญาณในภูเขา ต่างก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าวันเดียวที่ผ่านไปเหมือนผ่านไปแล้วเป็นสิบ ๆ วัน

 

และหลินเฟิงอยู่ในพื้นที่ฝึกอบรมแบบพิเศษที่จัดเตรียมไว้โดยอยู่ไม่ห่างจากต้นไม้แห่งชีวิตเลย พลังและพลังทางจิตวิญญาณของเขาอุดมสมบูรณ์ขึ้นมาก มากจนเขาไม่สามารถจินตนาการได้

 

หลินเฟิงฝึกฝนเป็นเวลาสามเดือนเต็ม เขารู้สึกเหมือนได้ผลลัพจากการฝึกฝนมาเป็นเวลา 30 ปียังไงยังงั้น ระยะเวลาเพียงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความสำเร็จของเขาก็มุ่งไปไกลมาก การก้าวขามขีดจำกัดไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์

 

อย่างไรก็ตามเมื่อหลินเฟิงพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดเข้าไป ราชามังกรก็ปรากฏตัวขึ้นและขัดขวางการฝึกฝนของเขาลงเสียก่อน

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลาบอกกับเขาว่า เขาจะทำสัญญากับไข่ของพระเจ้ามังกร ในอนาคตและเขาจะต้องหาสัตว์วิญญาณทั้งเก้าตัว ที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันเพื่อให้สอดคล้องกับพลังแห่งธรรมชาติของเทพเจ้ามังกร

 

ดังนั้นหลินเฟิงจึงออกไปตามหาราชาสัตว์วิญญาณ ที่อยู่นในสิบอันดับแรก ซึ่งสัตว์วิญญาณธาตุลมเพียงตัวเดียวคือตัวคุ่ย

 

เพื่อค้นหาสัตว์วิญญาณตัวนี้ หลินเฟิงได้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ตราบใดที่เขาให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้ กลุ่มเทียนกงก็มอบชิป ระดับSSS 10 อันทันทีสำหรับคนที่ให้ข้อมูลนั้นได้

 

ในอดีต บางกองกำลังก็อาจจะไม่ทราบมากเกี่ยวกับชิประดับ SSS แต่เมื่อสามเดือนก่อนในความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเทียนกง และหกมังกร ผู้เชี่ยวชาญระดับ SSS มากกว่าสิบคนจากทั้งสองฝ่ายเข้าแข่งขันกันและเทียนกงได้ปราบกลุ่มหกมังกรลงได้อย่างง่ายดาย

 

ความพ่ายแพ้ต่อหน้าสาธารณชน ทำให้ใครหลายคนจึงเริ่มเข้าใจความน่ากลัวของชิประดับ SSS

 

ภายใต้รางวัลอันหนักหน่วงนี่จะมีผู้กล้าเข้ามาให้ข้อมูลนั้นกับกลุ่มเทียนกงมากมาย

 

แน่นอนว่ากองกำลังเล็ก ๆ ได้ให้ข้อมูลของตัวคุ่ยกับกลุ่มเทียนกง

 

ด้วยวิธีนี้หลินเฟิง จึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจับตัวคุ่ยมาให้ได้ และฝึกมันให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงคู่กายของหลินเฟิง

 

จริง ๆ แล้วตัวคุ่ยนั้นเป็นเหมือนกังหันลม หน้าตาของมันเหมือนเสือพยัคฆ์ แต่ที่ขากรรไกรล่างของมันมีฟันซี่ใหญ่สองซี่ยื่นออกมาข้างหน้าเหมือนงาของช้าง ใบหน้านั้นคล้ายมนุษย์ศีรษะมีขนสีขาวลักษณะคล้ายหัวของสิงโต

 

นอกจากนี้ยังมีเกล็ดหกเหลี่ยมที่ด้านหลังซึ่งแข็งแกร่งมากเหมาะกับการป้องกันและมีหนามที่เท้าทั้งสี่ซึ่งมีความคมมากเป็นอาวุธ

 

สัตว์วิญญาณชนิดนี้บินไปมากับสายลม ร่างกายของมันยังสามารถผสมผสานเข้ากับสายลมได้จนเป็นหนึ่งเดียว

 

หลังจากได้ทำสัญญากับตัวคุ่ย หลินเฟิงก็จะมีสัตว์วิญญาณเก้าชนิด ได้แก่ มังกรดำ เสี่ยวเฮย มังกรคุนหลากสี มังกรแสง เถาวัลย์ปีศาจ สิงโตสายฟ้าสีทอง ยูนิคอร์นน้ำ งูละอองดาว และตัวคุ่ย

 

เดิมทีมังกรแสง สิงโตฟ้าคำราม ยูนิคอร์นน้ำ และงูละอองดาว ไม่มีศักยภาพที่จะทะลวงผ่านดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่หลินเฟิงพบว่าของเหลวฟอกเลือดลึกลับที่เขาได้มอบให้มังกรแสงเมื่อนานมาแล้ว ทำให้เขาพบว่า มันสามารถปรับปรุงความบริสุทธิ์ของเลือดได้จริง ๆ

 

ดังนั้นหลินเฟิงจึงรีบหยิบมันขึ้นมาอีกสามขวดและป้อนให้สัตว์ในพันธะทั้งสามตน

 

จักรพรรดิตอบแทนผู้ที่มีหัวใจ ในสามวันหลินเฟิงรู้สึกจริง ๆ ว่าสัตว์แห่งวิญญาณทั้งเก้าได้ทำลายกำแพงแห่งขีดจำกัดลงไปแล้ว

 

ดังนั้นหลินเฟิงจึงเก็บตัวและพร้อมที่จะก้าวข้ามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปทันที