บทที่ 605 เรื่องที่เกือบจะปะทุออกมา : ศิษท์ปรมาจารย์หลัว

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

RC:บทที่ 605 เรื่องที่เกือบจะปะทุออกมา : ศิษท์ปรมาจารย์หลัว

 

ในเวลานี้หลินเฟิงอยู่ใต้ลำต้นของต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการฝึกตน มันเกือบจะเหมือนลานกว้างของสนามฟุตบอล

 

หลินเฟิงขมวดคิ้วแน่น แสงที่สว่างไสวปรากฏขึ้นทันใด ร่างของสัตว์วิญญาณทั้งเก้าก็บินออกมาบินรอบร่างของเขา

 

สัตว์วิญญาณเหล่านั้นก็จะก้าวข้ามเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับเขาด้วย เมื่อพวกมันสามารถทำลายขีดจำกัดของตัวเองทุกตัวแล้วเท่านั้น หลินเฟิงก็จะสามารถก้าวข้ามระดับการฝึกฝนของตนเองได้เช่นกัน

 

มีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่มีข้อมูลดังกล่าว ถ้าคนอื่นแม้แต่ตระกูลเดียวในสิบอันดับแรกหรือกองกำลังอื่น ๆ ได้สัตว์พวกนี้อยู่ในครอบครอง พวกเขาก็ไม่สามารถวิวัฒนาการพวกมันทั้งเก้าตัวนี้ได้ถ้าปราศจากข้อมูล

 

และอีกอย่าง มันแย่มากเมื่อหลินเฟิงพยายามที่จะทะลวงผ่านขีดจำกัดของตัวเองในตอนนี้ เพราะเมื่อเขาเริ่มต้นการฝึกฝน สัตว์วิญญาณทั้งเก้าก็จะดูดซับพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัวพวกมันอย่างบ้าคลั่ง

 

ในเวลานั้นพลังวิญญาณอันยิ่งใหญ่และอุดมสมบูรณ์ ภายใต้รากของต้นไม้แห่งชีวิต กำลังพบกับหลุมดำขนาดใหญ่ซึ่งสูญเสียมวลไปอย่างรวดเร็ว เพราะถูกดูดซับโดยต้นไม้แห่งชีวิต

 

พลังทางวิญญาณเหล่านั้นถูกแบ่งออกโดยสัตว์วิญญาณทั้งเก้าและถูกดูดซับอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นหลินเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนระอุขึ้นราวกับว่าเขากำลังจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ

 

พลังวิญญาณที่น่าสยดสยองเหล่านี้ แพร่กระจายมาจากสัตว์วิญญาณเก้าตัวและผลกระทบที่น่ากลัวไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้

 

หลินเฟิงกัดฟันแน่นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลของผิวหนังที่ปริออก มีเลือดไหลออกมาจากผิวหนังของเขา

 

เพียงชั่วครู่ หลินเฟิงก็รู้สึกว่าทั้งคนกลายเป็นร่างที่ชุ่มเลือดราวกับว่าเขากำลังจะระเบิดออกมาอย่างไงอย่างงั้น ความรู้สึกนั้นแย่มากในตอนนี้

 

นี่คือจุดเริ่มต้นเท่านั้น สามารถเห็นได้ว่าการทำสัญญากับสัตว์วิญญาณเก้าตัวในเวลาเดียวกันนั้น ส่งผลที่น่ากลัวเพียงใด

 

ในความเป็นจริงถ้าสัตว์วิญญาณเหล่านี้ก้าวข้ามขีดจำกันไปทีละตัว หลินเฟิงจะไม่ได้รับผลกระทบที่น่ากลัวเช่นนี้ อย่างไรก็ตามดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอุปสรรคที่ไม่สามารถฝ่าฟันออกไปได้ง่าย ๆไม่ใช่ สำหรับมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์วิญญาณเองก็ด้วย

 

เมื่อพวกเขาก้าวข้ามไปถึงระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็หมายความว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน ดังนั้นวิญญาณสัตว์วิเศษของเขาทั้งหมดจะอยู่ในระดับ SSS อย่างแน่นอน

 

ในตอนนี้หลินเฟิงได้แต่เพียงพยายามทนและกัดฟันต่อไปเท่านั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสีแดงเลือด ทั้งร่างของเขาบวมกว่าปกติมากและเสื้อผ้าของเขาก็ถูกย้อมสีแดงเป้นที่เรียบร้อยแล้ว

 

เมื่อสัตว์วิญญาณทั้งเก้าดูดซับพลังวิญญาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ความน่ากลัวเองก็ทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ร่างกายของหลินเฟิงแทบจะหมดสติไปแล้วในตอนนี้ และความเจ็บปวดนั้นยากที่จะอธิบายได้

 

เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่เกือบหมดสิ้นของหลินเฟิง ทันใดนั้นกิ่งไม้สีเขียวก็ยื่นออกมา มันค่อย ๆ คดเคี้ยวเข้ามาใกล้ ๆ ร่างกายของหลินเฟิงมันคือรากของต้นไม้แห่งชีวิต

 

หลังจากนั้นแสงสีเขียวก็ไหลผ่านเข้ามายังร่างของเขา พลังชีวิตที่มากมายมหาศาลนั้นก็เข้าสู่ร่างกายของหลินเฟิงอราวกับน่ำป่าที่ไหลหลากลงมาจากภูเขา ร่างกายที่บวมดั้งเดิมค่อย ๆ หดตัวลดลงอย่างช้า ๆ ในไม่นานนักการฟื้นตัวของหลินเฟิงก็เข้าสู่สภาวะคงที่ในที่สุด

 

อย่างไรก็ตามมันยังคงเป็นอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงอยู่ดี เนื่องจากพลังชีวิตสามารถรักษาได้ในระดับที่หลินเฟิงสามารถดูดซับได้เท่านั้น

 

ในด้านอื่น ๆ ยังแย่มาก โดยเฉพาะความเจ็บปวดที่ไม่เคยทุเลาลงเลย

 

หลินเฟิงเป็นเหมือนต้นไม้ที่ยืนต้นตาย ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ดวงตาที่แน่วแน่นั้นเต็มไปด้วยความบอบช้ำและหม่นหมอง

 

อ๊าก !!!

โฮก !!!

ชิ้ง !!!

 

……

 

เสียงต่าง ๆ ดังขึ้นวนเวียนอยู่ภานในห้องแห่งนี้ นั้นทำให้ทุกอย่างที่นี่ดูย่ำแย่มาก แรงกดดันทุกชนิดเองก็เล็ดลอดออกมาจากร่างของวิญญาณสัตว์เหล่านั้น

 

เห็นได้ชัดว่าสัตว์วิญญาณทั้งเก้าเริ่มก้าวข้ามไปสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว

 

แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของพวกมัน ร่างกายของหลินเฟิงก็เริ่มรับผลกระทบอีกครั้ง เนื่องจากสัตว์วิญญาณทั้งเก้า สายเลือดของพวกมันนั้นสูงส่งและทรงพลังขึ้นอย่างยิ่ง ซึ่งนั้นก็ทำให้ร่างกายของหลินเฟิงไม่สามารถรองรับพลังวิญญาณที่รุนแรงและมากมายขนาดนี้ได้

 

พลังทางจิตวิญญาณของต้นไม้แห่งชีวิตได้คลายความกดดันของหลินเฟิงลงไปอย่างมากแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเมื่อพลังวิญญาณที่ดูดซับโดยสัตว์วิญญาณทั้งเก้านั้น กลายเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเกินขีดจำกัดของหลินเฟิงไปนานแล้ว เขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปได้

 

“อ๊าก”

 

ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ร้องออกมา และเลือดสด ๆ ก็พุ่งออกมาจากบาดแผลบนร่างของเขา

 

อย่างไรก็ตามในเวลาขับขันแบบนี้ ราชามังกรแห่งกาลเวลาและราชินีมังกร ทั้งคู่ก็ปรากฏตัวขึ้นและถ่ายพลังลงไปบนร่างของหลินเฟิง

 

ในพริบเดียวตาหลินเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่ต่างออกไปอย่างยิ่ง พลังที่พยุงร่างกายของเขาและพลังที่ทำลายร่างของเขา ทั้งสองพลังนี้บุกเข้ามาในร่างกายของเขา ก่อนที่จะถูกดูดซับโดยสัตว์วิญญาณทั้งเก้า

 

แค็ก! แค็ก! แค็ก!

 

หลินเฟิงกระอักเลือดออกมา ซึ่งมันก็พุ่งออกมามากพอสมควร และก็เป็นอีกครั้งที่ร่างกายของเขาอ่อนแอลงกว่าเดิม

 

“ทนอีกหน่อย!”

 

ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าว จากนั้นเขาก็เพิ่มอัตตราการป้อนพลังวิญญาณจากมือของตน วิธีการของราชินีมังกรและราชามังกรแห่งกาลเวลานั้น เหมือนกันพลังทางจิตวิญญาณก็ถูกฉีดเข้าไปภายในมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

พลังวิญญาณด้านดีนั้นห่อหุ้มร่างของหลินเฟิง ซึ่งถูกดูดซับโดยสัตว์วิญญาณทั้งเก้าโดยตรง จากนั้นก็เริ่มบีบอัดเข้าไปในร่างของพวกมัน

 

ภายใต้พลังวิญญาณที่น่ากลัวของมังกรทั้งสองนี้ พลังทางจิตวิญญาณที่ยังไม่สงบเหล่านั้นก็ถูกปราบโดยพลังของสองมังกรในทันที ความรุนแรงของพลังด้านลบลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง

 

“ฟู”

 

เป็นเพียงความมั่นใจเล็กน้อยที่ได้เห็นราชามังกรทั้งสองที่นี่ แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงการก้าวข้ามจุดเริ่มต้นเท่านั้น ดังนั้นวิกฤตที่แท้จริงจะยังไม่มาถึง นี่เป็นเพียงคลื่นลูกแรกในระยะเริ่มต้นเท่านั้นเอง

 

เมื่อเวลาผ่านไปรังสีพลังที่เกิดขึ้นนั้นน่ากลัวมากขึ้นไปอีก

 

ทันทีที่สัตว์วิญญาณเก้าก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นคือตอนที่หลินเฟิงต้องบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์บ้าง

 

เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานพลังวิญญาณในร่างกายของหลินเฟิงก็เข้าสู่สภาวะอิ่มตัว แม้กระทั่งสภาวะโอเวอร์โหลดก็เกิดขึ้น ทั้งร่างของเขาจะส่งเสียงครืดคราดไม่เป็นธรรมชาติ

 

“ไม่! สัตว์วิญญาณทั้งเก้าตัวมีระดับเลือดบริสุทธิที่สูงมาก เมื่อพวกมันทะลุไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังของพวกมันจะน่ากลัวยิ่งกว่านั้นอย่างแน่นอน! ร่างกายของหลินเฟิงสามารถแบกรับได้สองหรือสามตัวเท่านั้นนั้นคือขีดจำกัด ข้ากลัวว่ามันจะยากเกินไปสำหรับการรับมือทั้งเก้าตัวพร้อมกันแบบนี้! “ราชามังกรแห่งกาลเวลาขมวดคิ้วและกล่าวออกมา

 

“ข้าควรทำอย่างไรดี?” ในเวลานี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มโผล่ออกมาจากกิ่งก้านของต้นไม้แห่งชีวิต เขามองไปที่เทพมังกรสองตนและถาม

 

ราชามังกรส่ายหัวและพูดว่า “เราไม่รู้ เราทำได้แค่ทำให้ดีที่สุด เพื่อช่วยไอหนุ่มคนนี้ให้ได้ บีบอัดพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายของเขาให้มากและคงที่ ที่สุดเท่าทีจะทำได้”

“พวกเราต้องอัดพลังวิญญาณเข้าไปให้มากขึ้นกว่าตอนแรก เพื่อให้ร่างกายของเขายังคงอยู่ต่อไปได้!” ราชามังกรแห่งกาลเวลาได้รับคำสั่ง

 

วิญญาณต้นไม้เองก็พยักหน้าอย่างแผ่วเบา

 

ด้วยวิธีนี้ราชามังกรทั้งสอง พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยหลินเฟิง การบีบอัดพลังวิญญาณของพวกเขา ทำให้หลินเฟิงยังคงมีพลังกายและพลังทางจิตวิญญาณอยู่

 

สิ่งนี้กินเวลาประมาณหนึ่งในสี่ของชั่วโมงและพลังทางจิตวิญญาณของหลินเฟิง ก็เข้าสู่สภาวะอิ่มตัวอย่างเต็มที่และไม่สามารถระงับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้อีก

 

“บีบอัดต่อไปไม่งั้น เขาจะหมดแรงอย่างแน่นอน!” ในเวลานี้ทั้งร่างของราชามังกรสั่นสะท้าน พลังวิญญาณอันมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลินเฟิงอีกครั้งหนึ่ง

 

อีกด้านหนึ่งของราชามังกรแห่งการเวลาก็อยู่ด้านหลัง แสงสีฟ้าราวกับคลื่นสรรพสัตว์แห่งทะเลไหลออกมาจากฝ่ามือของเขา

 

“ความแข็งแกร่งของพวกข้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หากเราฟื้นตัวเต็มที่จริง เรื่องการควบคุมพลังแบบนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปได้เลย!” ราชินีมังกรสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่ปั่นป่วนในร่างกายของหลินเฟิง และกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง

 

“แน่นอน! ให้ฉันจัดการเอง” ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าว เขาฉีดพลังวิญญาณที่ทรงพลังทั้งหมดของเขาเข้าสู่จิตใจของหลินเฟิงโดยตรง ซึ่งทำให้หลินเฟิงที่ติดอยู่ในความซบเซานั้นมีสติมากขึ้น

 

ในพริบตาเดียวหลินเฟิงรู้สึกเหมือนลูกบอลที่พองตัวอยู่โดยพลังวิญญาณของเหล่าเทพ มันพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

หลินเฟิงเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งยาอายุวัฒนะ

 

ถึงยังไงมันก็ยัคงเป็นเหมือนระเบิดเวลา ถ้าราชามังกรคนใดคนหนึ่งหยุดปล่อยพลังออกไป มันก็จะระเบิดออก พลังนั้นเหนือกว่าพลังที่ผู้แข็งแกร่งที่ก้าวสู่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้านทานได้ด้วยซ้ำ

 

“พวกเราจะทำอย่างไรถ้าเขาไม่สามารถทนไหวหละ?”