ตอนที่ 1550 ช่างกล้าจริงๆ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1550 ช่างกล้าจริงๆ โดย Ink Stone_Fantasy

สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่มืดทมิฬลงทันที เหล่าฝูงชนที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบพลันสูดหายใจเย็นด้วยความหวาดผวา

ท่านปรมาจารย์เย่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ต่อหน้ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายังกล้าพูดแบบนี้!

“เจ้าหนู ดูท่าจะภาคภูมิใจในตัวเองนัก! เช่นนั้นช้าจะให้โอกาสเจ้าได้เข้าร่วมกับกลุ่มสุริยันจันทราของเรา ในอนาคตเขตแดนทางตอนใต้ทั้งหมดจักต้องตกอยู่ในมือของเรา ยามนั้นเจ้าสามารถเดินเตร่ได้ตามที่ต้องการ! วันนั้นข้าขอรับประกันได้ว่าจะไม่มีใครกล้าหาเรื่องเจ้าแน่นอน!”

เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวขึ้นพลางระงับความโกรธเกรี้ยวภายในใจลง

เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“เจ้ากำลังชักชวนข้าจนต้องถ่อมาที่นี่เลยกระมัง?”

เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“เราผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว นี่เป็นสัญญาณการร่วมมือระหว่างสองกลุ่มอำนาจ ตั้งแต่นี้ต่อไปคนที่เจ้าควรติดตามคือข้าหาใช่ซิงกวนไม่!”

เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อย เอ่ยปากกล่าวตอบแสนเหยียดหยามขึ้นว่า

“ข้าว่าเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าหรือเขาก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้ข้าติดตามได้!”

เหล่าฝูงชนรอบข้างที่กำลังเฝ้าดูไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจแรงด้วยซ้ำ แต่ทุกสายตาที่มองเย่หยวนกลับเปี่ยมล้นไปด้วย‘ความชื่นชม’

ฝีปากแสนคมคายเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินไป!

สีหน้าของเสี่ยวยื่อเยว่มืดทมิฬลงถึงขีดสุด เขากล่าวว่า

“ปฏิเสธขนมปังเพียงริมจิบ!”

แต่ในเวลานั้นเองหนิงซื่ออวี๋พลันก้าวย่างออกมาพร้อมกล่าวขึ้นแทรกว่า

“มาตรฐานในศาสตร์แห่งโอสถของท่านปรมาจารย์เย่มากเกินพอที่จะเข้าร่วมกับหอโอสถเช่นเดียวกับจอมเทพโอสถสี่ดาว ดังนั้นแล้วเจ้าที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ไม่นาน กลับมีคุณสมบัติใดให้เขาติดตามเจ้า?”

เสี่ยวญื่อเยว่าที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธอย่างมาก!

เขาผ่านความลำบากมามากมายเกินคณานับกว่าจะทะลวงขึ้นกลายเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ เดิมทีย่อมคิดว่าใครๆต่างต้องก้มศีรษะให้แก่เขา

แต่ใครจะไปคิดฝัน กลับมีพวกฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหารู้จักไม่ถึงสองตัวที่บังอาจไม่เคารพเขา

ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าไร้ค่าปานนั้นเลยงั้นรึ?

“ฮ่าๆๆ…ข้าเป็นถึงยอดเซียนอาณจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว สาวน้อย วาจาอึงโขใหญ่โตดีหนิ! เข้าร่วมหอโอสถ? เกรงว่าเขาต้องมีชีวิตอยู่รอดเพื่อเข้าไปด้วย! หากเราผู้นี้คิดทำลายร้านขายโอสถเล็กๆแห่งนี้ อยากจะรู้เสียจริงว่า พวกเจ้ามีปัญญาทำอะไรได้!”

เสี่ยวยื่อเยว่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นด้วยความเดือดดาลจัด ทั้งสองคนนี้หาได้เคารพในตัวเขาเลยไม่

กระแสพลังปฐพีโหมกระเพื่อมเดือดดาลเสมือนน้ำเขื่องแตกออก ซัดส่งร่างของฝูงชนโดนรอบกระเด็นออกไป

“มดปลวกที่เพิ่งเห็นโลกเป็นครั้งแรกกลับกล้าหยิ่งผยองปานนี้เชียว? แม้แต่หางยังไม่สามารถย่างกรายเข้าเขตเมืองชั้นในได้ด้วยซ้ำ หาญกล้าแตะต้องหญิงสาวผู้นี้เชียว? เชื่อหรือไม่ว่า ทันทีที่เจ้าแตกต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม จะมีคนออกมาฆ่าเจ้าทิ้งในทันที?”

เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันแกร่งกล้าของเสี่ยวยื่อเยว่ หนิงซื่ออวี๋กลับหาได้เกรงกลัวแม้สักนิด

เห็นได้ชัดว่าแค่ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าทั่วไป กลับไม่สามารถทำให้นางหวาดกลัวได้จริงๆ

ในทางตรงข้าม เสี่ยวยื่อเยว่พลันใจสั่นระรัวเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าสถานะศักดิ์ของหญิงสาวนางนี้จะไม่ธรรมดา บางทีหรือนางจะมาจากเขตเมืองชั้นใน?

แต่ทันทีทันใดเขาปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันทีอย่างรวดเร็ว

คุณหนูที่เป็นดั่งหัวแก้วหัวแหวนภายในตระกูลของเขตเมืองชั้นใน ล้วนมีนิสัยหยิ่งผยองอย่างหาที่เปรียบไม่ แล้วมีหรือจะลดตัวลงมาเป็นลูกมือของร้านโอสถเล็กๆแห่งนี้?

หญิงสาวนางนี้เพียงแค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น!

“หึ! เขตเมืองชั้นใน? อย่างเจ้าหรือมีปัญญาเข้าไป? วันนี้เราจะกำจัดเจ้าทิ้งซะเดี๋ยวนี้ ขอดูหน่อยเสียว่าจะมีใครหน้าไหนโผล่มาทำอันตรายข้าได้จริงๆ?!”

เสี่ยวยื่อเยว่กรนเสียงเย็นดังสนั่น พร้อมซัดฝ่ามือเข้าให้หนิงซื่ออวี๋ด้วยอานุภาพทำลายล้างแสนท่วมท้น!

บูมมม!

ภายใต้การจับจ้องของทุกคน กลับเป็นร่างของเสี่ยวยื่อเยว่ที่กระเด็นออกไปแทนอย่างน่าแปลกประหลาด!

เขาพยุงตัวลุกขึ้นก่อนจับจ้องชายหนุ่มนิรนามตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ

จะไปมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าอีกหนึ่งคนปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร?

“ทีนี้บอกได้หรือยังว่า…ใครกันที่โผล่มาทำอันตรายเจ้าได้?”

ดวงตาคู่นั้นของฟางหรงเสมือนเปลวเพลิงเดือดที่จับจ้องเสี่ยวยื่อเยว่เขม็งเปี่ยมล้นจิตสังหาร

หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นแบบนั้นพลันตื่นตะลึงยิ่งในทีแรก คล้อยหลังพลันเผยสีหน้าอิ่มเอิ่มใจออกมาแทน นางรีบตรงเข้าไปดึงแขนของหนิงฟางหรงและกล่าวว่า

“พี่ใหญ่ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

หนิงฟางหรงเหลือบมองนางทันทีและกล่าวว่า

“มาอย่างไรไม่สำคัญ แต่หากไม่มาเจ้าคงกลายเป็นศพนานแล้ว!”

“ฮิฮิ ยังคงเป็นท่านพี่ใหญ่ของข้าที่เก่งที่สุด!”

หนิงซื่ออวี๋ฉีกยิ้มกว้างกล่าวออดอ้อนตามนิสัย

หนิงฟางหรงลูบศีรษะของหนิงซื่ออวี๋อย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันมองเสี่ยวยื่อเยว่กล่าวน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

“ว่าอย่างไร? ข้าพอมีคุณสมบัติทำอันตรายเจ้าได้หรือไม่?”

สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่ยามนี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่ เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าปรากฏตัวขึ้นกลางฝูงชนเช่นนี้

ไม่ควรมองแค่ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก เพราะพละกำลังของเขาเหนือชั้นกว่าเสี่ยวยื่อเยว่มาก บุคคลเช่นนี้หาใช่คู่ต่อสู้ที่ควรตอแยด้วยโดยเด็ดขาด

เขาเพิ่งคุยโม้วาจาใหญ่โตคลุมครอบสวรรค์ แต่ใครจะไปทราบว่า กลับมีคนกระโดดออกมาตบหน้าเขาในทันควัน

เช่นนี้ยังกล่าวได้ว่าไร้เทียมทานในเขตเมืองทางตอนใต้อีกได้อย่างไร?

คิดจะผนวกรวมสามกลุ่มอำนาจไว้ทั้งหมด?

ยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าในวัยเพียงเท่านั้น กล่าวได้ว่าสถานะศักดิ์ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาเดินทางออกมาจากเขตเมืองชั้นในไม่ผิดแน่ แถมยังเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ภายในนั้นอีกด้วย!

ดังนั้นแล้ว…สถานะของหญิงสาวนางนั้นเองก็ไม่ธรรมดาจริงๆ!

แล้วไฉนคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ถึงมาเป็นลูกมือของร้านโอสถเล็กๆแบบนี้ได้?

นาง…ป่วยทางจิตกระมัง?!

สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่พยายามฝืนยิ้มแสนขมขื่นในยิ่ง เขากล่าวขึ้นว่า

“พี่ชายคนนี้มีตาหามีแววไม่จริงๆ เกรงว่าน้องชายคงมาจากเขตเมืองชั้นใน มิทราบว่าฝักฝ่ายใดกัน?”

หนิงฟางหรงกล่าวตอบน้ำเสียงเย็นว่า

“เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติสนทนากับข้าในฐานะพี่ชายด้วยซ้ำ! เมืองจักรพรรดิมิกฎเหล็กว่า ห้ามให้เซียนอาณาจักรราชันพระเจ้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเขตเมืองชั้นนอก แต่เจ้ากลับแหกกฎนั้น?”

เสี่ยวยื่อเยว่แทบจะร่ำไห้ภายในใจ!

เขาเพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้หมาดๆ และยังมิได้ไปรายงานเขตเมืองชั้นใน

ในขั้นต้น เขาต้องการอาศัยจังหวะนี้รวบรวมสามกลุ่มอำนาจให้กลายเป็นหนึ่งเดียวเสียก่อน จึงจะเข้ารายงานตัวทีหลัง

เรื่องแบบนี้กล่าวได้ว่าเขตเมืองชั้นในย่อมยอมปิดตาข้างหนึ่งเพื่อปล่อยผ่านโดยธรรมดา

สำหรับเสี่ยวยื่อเยว่ เมื่อเข้าสู่เขตเมืองชั้นใน เขาย่อมต้องการทรัพยากรการบ่มเพาะพลังที่มากขึ้นเป็นธรรมดา

ดังนั้นหากเขารวบรวมสามกลุ่มอำนาจได้ เขาจะสามารถจัดหาทรัพยากรการบ่มเพาะพลังได้อย่างไม่หยุดหย่อน

เว้นเสียแต่ว่านี่จะเป็นแผนการวาดฝันในหัวเท่านั้น ขณะที่ในความเป็นจริงกลับเตะชนเข้ากับแผ่นเหล็กอย่างจัง

ใครจะไปคิดว่า ตนจะวิ่งมาเจอกับคนที่เพิ่งเดินทางออกมาจากเขตเมืองชั้นในโดยบังเอิญเช่นนี้?

“เอ่อ…ข้า…ข้า…”

เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวตะกุกตะกักติดอ่างอยู่นาน

เมื่อเห่อเซียวและหลัวอวี้ที่อยู่ด้านหลังเห็นภาพฉากดังนั้น สีหน้าการแสดงออกของเขาพลันเศร้าหมองทันทีอย่างอดทนมิได้

เดิมพวกเขาคิดว่ากลุ่มของตนมีเสาหลักแห่งใหม่ปรากฏขึ้นเสียที แต่ในท้ายที่สุดเสาหลักที่ว่ากลับแทบถูกตบเจียนตาย

ร้านขายโอสถเล็กๆแห่งนี้กลับมีภูมิหลังเกินหยั่งถึงปานนี้เชียว!

หญิงสาวนางนั้นเรียกยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่เข้ามาช่วยว่าพี่ใหญ่ ดังนั้นแล้วสถานะของนางย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ภูมิหลังของท่านปรมาจารย์เย่…

หรือเป็นไปได้ไหมว่าท่านปรมาจารย์เย่คือยอดอัจฉริยะที่เพิ่งเจิดจรัสขึ้นของหอโอสถ? การที่มาเยือนเขตเมืองชั้นนอกพร้อมติดป้ายสารพัดรับจ้าง เพียงเพื่อฝึกปรือฝีมือ?

ยิ่งทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้นี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมากขึ้น

ในสายตาของทุกคน สถานะศักดิ์ของเย่หยวนกลับสูงส่งอย่างหาที่เปรียบไม่

แม้ว่าหนิงฟางหรงจะมีระดับพลังทัดเทียมกับเสี่ยวยื่อเยว่ ทั้งคู่เป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวเหมือนกัน แต่รัศมีแรงกดดันที่เปล่งปลั่งออกมาจากร่างของหนิงฟางหรงกลับเหนือกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่!

เขากล่าวตอบเพียงว่า

“เจ้าไปรอที่ทางเข้าเมืองชั้นใน ข้าจะพาเจ้าเข้าไปที่หอยุทธ์เพื่อรอรับการลงโทษ!”

สีหน้าการแสดงออกของเสี่ยวยื่อเยว่ซัดขาวหนัก เขากล่าวว่า

“เอ่อ…ท่าน…ข้า…”

หนิงฟางหรงคิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า

“อะไร? หรือเจ้ากล้ามีปัญหากับข้า? ลงมือกับคนตระกูลหนิงนับว่าเจ้ากล้ามาก!”

เนื้อตัวของเสี่ยวยื่อเยว่สั่นสะท้านหนัก คู่ขาของเขาพลันอ่อนยวบลงดั่งเต้าหู่ทันที

“ท่าน…ท่านเป็นคนตระกูลหนิง?!”

…………………………………