ตอนที่ 1551 ไม่มีทางเข้าใจได้!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1551 ไม่มีทางเข้าใจได้! โดย Ink Stone_Fantasy

ตระกูลหนิงเป็นกลุ่มอิทธิพลใหญ่ในเขตเมืองชั้นใน

ไม่ควรมองว่าเขาในตอนนี้สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้อย่างไร แต่หากตระกูลหนิงคิดลงดาบ การจะฆ่าเขากลับง่ายดายราวกับบี้มด!

อาณาจักรราชันพระเจ้า?

ชนชั้นล่างที่สุดของตระกูลหนิงคืออาณาจักรราชันพระเจ้า!

สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากชายหนุ่มคคนนี้ ทั้งๆที่ยังเยาว์วัยนักแต่กลับทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้แล้ว?

“ตระกูลหนิง! หรือจะเป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่แห่งเขตเมืองชั้นใน ตระกูลหนิง?”

“ขึ้นชื่อว่าตระกูลหนิงยังเป็นใดอื่นได้? เสี่ยวยื่อเยว่นับว่าโชคร้ายโดยแท้ เพิ่งทะลวงขึ้นเป็นอาณาจักรราชันพระเจ้าได้หมาดๆ แต่กลับไปยั่วยุตระกูลหนิงเข้าเสียแล้ว!”

“จุจุ สถานการณ์ผลัดเปลี่ยนเร็วเกินไปจริงๆ เดิมทีคิดว่ากลุ่มสุริยันจันทราจักผงาดขึ้น…แต่ที่ไหนได้…”

เหล่าฝูงชนโดยส่วนใหญ่กำลังแห่แหนรับชมเสี่ยวยื่อเยว่ที่กำลังกดขี่ผู้คนยังไม่ทันไร ยามนี้กลับสถานการณ์แปรเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือ

ณ ปัจจุบันพวกเขาต่างสงสารยิ่งในความโชคร้ายของเสี่ยวยื่อเยว่ที่ต้องประสบพบเจอ

เห็นเสี่ยวยื่อเยว่หดแขนหดหางราวกับสุนัขใกล้ตายยิ่งดูน่าสังเวชสงสารเข้าไปใหญ่

หากเขาตระหนักทราบตั้งแต่ทีแรก เขาคงไม่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถาณการณ์เช่นนี้ เขามิอาจต่อต้านใดๆได้เลย

กล่าวว่าคนเช่นนี้ถูกลิขิตให้ไม่มีทางกระทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้

เสี่ยวยื่อเยว่หาญกล้ามุ่งจิตสังหารใส่น้องสาวของเขา ถึงขั้นลงมือหวังฆ่า โทษทีเขาสมควรได้รับคือความโกรธเกรี้ยวของตระกูลหนิง

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปกลับลืมไปได้เลย แต่กระนั้นเสี่ยวยื่อเยว่ยังเป็นขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้า!

“น-นายน้อย…ผู้ไม่รู้มิควรตำหนิ เนื่องจากข้ามิทราบถึงสถานศักดิ์ของพวกท่านแต่แรก! หากข้ารู้ก่อนหน้า ต่อให้นางใช้เท้าเหยียบหน้าข้า มีหรือจะกล้ามีโทสะ ข้า…ข้าผิดไปแล้ว โปรดอภัยด้วยนายน้อย คุณหนู!!”

เสี่ยวยื่อเยว่แทบพังทลายทั้งกายและจิตใจ ร่องรอยความหยิ่งผยองก่อนหน้ายามนี้อันตรธานหายสิ้น

กล่าวได้ว่าตอนนี้เขาเปรียบเสมือนกับ…สุนัขที่กำลังกระดิกหางขอความเมตตา

หนิงฟางหรงเอ่ยปากกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่า

“เก็บคำพูดไว้อธิบายกับผู้อาวุโสของหอยุทธ์เสีย ข้าให้เวลาเจ้าสามอึดใจ หากยังไม่ไสหัวไปต่อหน้าข้า… หนึ่ง… สอง…”

แทบจะในทันทีที่หนิงฟางหรงเริ่มนับถอยหลัง เสี่ยวยื่อเยว่เร่งเตลิดหนีหายวับลับสายตาในทันที

เมื่อเสี่ยวยื่อเยว่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างคิดว่าขั้วอำนาจภายในเขตเมืองทางใต้ได้เปลี่ยนไปแล้ว

แต่ใครจะไปทราบ ว่าในพริบตาทุกอย่างจะกลับกลายมาเป็นแบบนี้

ขณะที่เสี่ยวยื่อเยว่จากออกไป หนิงฟางหรงก็หันไปมองเย่หยวนพร้อมขมวดคิ้วกล่าวว่า

“เจ้านามว่าเย่หยวนกระมัง? กล้าสั่งน้องสาวของข้าราวกับสาวใช้เช่นนี้ เจ้ารู้จักภูมิหลังของนางหรือไม่?”

ทุกคนต่างตื่นตะลึงเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟัง นี่เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่?

หรือเป็นไปได้ไหมว่า ท่านปรมาจารย์เย่มิได้มาจากหอโอสถ?

ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของหนิงฟางหรงยามนี้ ดูท่าจะเป็นปฏิปักษ์กับเย่หยวน!

เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเย็นว่า

“ไม่ว่านางจะเป็นใคร แต่นางต้องการศึกษาศาสตร์แห่งโอสถจากข้า ดังนั้นก็ต้องเริ่มจากการเป็นลูกมือ”

หนิงฟางหรงระเบิดหัวเราะพร้อมกล่าวว่า

“น้องสาวข้าหรือจำต้องเรียนรู้จากเจ้า? เจ้าเป็นจอมเทพโอสถสามดาว ในขณะที่น้องสาวข้าก็เป็นจอมเทพโอสถสามดาวเช่นกัน? นอกจากนี้ท่านอาจารย์ของนางก็ยังเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว หรือยังต้องการสั่งสอนนางอีกงั้นรึ?”

เย่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเหลือบมองหนิงฟางหรงแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า

“จอมเทพโอสถสี่ดาวน่าประทับใจขนาดนั้นเชียว?”

ดวงตาคู่นั้นของหนิงฟางหรงหรี่แคบลงทันที น้ำเสียงที่เอ่ยกล่าวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด

“พ่อหนุ่ม อย่าเพิกเฉยต่อความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน การที่เจ้าสามารถรักษาพิษโบราณได้ มันมิได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถดูถูกผู้อื่นตามใจชอบได้!”

วิธีรักษาพิษของเย่หยวนทำให้หนิงฟางหรงประหลาดใจมากก็จริง แต่นี่เป็นเพียงแง่มุมเดียวที่ได้เห็นเท่านั้น

ขุมพลังของจอมเทพโอสถสี่ดาวค่อนข้างห่างไกลเกินกว่าที่จอมเทพโอสถสามดาวจะจินตนาการถึงได้

เมื่อหนิงซื่ออวี๋ได้กลิ่นไม่สู้ดีนัก นางจึงเข้าปิดกั้นด้านหน้าหนิงฟางหรงทันทีและกล่าวว่า

“พี่ใหญ่ ท่านอย่ามาสร้างปัญหาให้ท่านปรมาจารย์เย่! แค่ข้าคนเดียวก็สร้างปัญหาให้เขามากพอแล้ว และข้าเองก็เต็มใจเป็นลูกมือของเขา!”

หนิงฟางหรงจับจ้องไปที่น้องสาวของตนด้วยความประหลาดใจยิ่ง กล่าวได้ว่าตกใจยิ่งกว่าเหลือเชื่อ คนเอาแต่ใจและหยิ่งผยองอย่างน้องสาวคนนี้ ถึงขั้นออกโรงปกป้องผู้คน?

น้องสาวของเขาทั้งยิ่งผยองและไม่เคยเชื่อฟังใครทั้งสิ้น แม้แต่ท่านอาจารย์ของนางยังปวดเศียรเช่นกัน

แต่ตอนนี้นางกลับเชื่อฟังชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งกว่าอะไร

หรือชายหนุ่มคนนี้มีพลังวิเศษอันใดกัน?

ในเมื่อยังมีน้องสาวอยู่แบบนี้ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้เช่นกัน

“เอาล่ะ เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าเองก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้เขาเช่นกัน กลับไปกับข้า”

หนิงฟางหรงกล่าว

หนิงซื่ออวี๋ส่ายหัวตะโกนเสียงดังฟังชัดประดุจลั่นกลองว่า

“ท่านนั่นแหละที่ควรกลับไป! ข้ายังต้องการเรียนรู้ทักษะหลอมกลั่นโอสถจากท่านปรมาจารย์เย่ที่นี่!”

หนิงฟางหรงขมวดคิ้วแน่นกล่าวเสียงขรึมว่า

“ไร้สาระ! ท่านอาจารย์ของเจ้าก็มี ไฉนต้องไปเรียนรู้ทักษะหลอมกลั่นจากชายหนุ่มไร้นาม หากคนอื่นรู้เข้า ตระกูลหนิงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”

แต่หนิงซื่ออวี๋กล่าวว่า

“ข้าไม่สน! และไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่กลับไป!”

“เจ้า!”

หนิงฟางหรงสำลักไปชั่วขณะ พร้อมโพล่งขึ้นด้วยความโกรธ

“จะกลับหรือไม่กลับ มิใช่เจ้าสามารถตัดสินใจ!”

แต่หนิงซื่ออวี๋สาดดสายตาจับจ้องอย่างเดือดดุกล่าวว่า

“ท่านกล้ารึ?! หากยังบังคัญข้าไปเช่นนี้ ข้าจะบอกเรื่องสกปรกที่เจ้าทำไว้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่ทราบ!”

หนิงฟางหรงจับข้อมือบางของนางแน่นและพยายามลากตัวออกไป ความเอาแต่ใจของน้องสาวคนนี้ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ

แต่ในขณะนั้นเองเย่หยวนก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า

“ไปเถอะ!”

วาจาคำกล่าวนี้ดังออกมา ทั้งหนิงซื่ออวี๋และหนิงฟางหรงต่างแข็งค้างตกตะลึงนิ่งไป

ขณะที่หนิงซื่ออวี๋กำลังจะเอ่ยปากกล่าวอะไรบางอย่างออกมา จู่ๆเย่หยวนก็กล่าวแทรกขึ้นต่อว่า

“ที่ข้าพาเจ้ามาเป็นลูกมือเพราะกลัวว่าเจ้าจะไม่มีที่ไป ในเมื่อคนในครอบครัวมารับเจ้ากลับไป เจ้าก็ควรกลับไปแต่โดยดี”

“แต่ข้าไม่อยากกลับไป!”

หนิงซื่ออวี๋ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

“หื้ม?”

เย่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายว่าเริ่มหัวเสีย

หนิงซื่ออวี๋ที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมาก สีหน้ารวนเรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่มีความสุขว่า

“กลับก็กลับ! อย่ามาดุข้า! แต่ท่านต้องสัญญาก่อนว่า ในครั้งต่อไปที่ข้ากลับมาหา ท่านห้ามปฏิเสธข้าอีก!”

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“เจ้ามาได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์และคนในครอบครัวของเจ้าด้วย และข้าก็มิใช่อาจารย์ของเจ้า ที่ต้องการสอนเจ้าเพียงเพราะเห็นเจ้าเป็นคนมีความสามารถ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นจากที่หนิงซื่ออวี๋ไม่พอใจในตอนแรก ยามนี้กลับมายิ้มแย้มมีความสุขขึ้นทันตา

“ท่านกล่าวแล้วอย่าคืนคำ!”

เย่หยวนผงกศีรษะยิ้มบางตอบเล็กน้อย

หนิงฟางหรงจับจ้องภาพฉากนี้ลิ้มในปากแทบพัลวันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างเท่าไข่ห่านด้วยตกตะลึงราวกับเห็นผี

เจ้าน้องสาวตัวแสบคนนี้…ยอมฟังเจ้าหนุ่มนี่จริงๆ!

เขาที่ต้องใช้แรงใช้คำขู่สารพัด แต่ก็ยังลากนางกลับไปไม่ได้ ทว่าเย่หยวนที่พูดขึ้นเพียงประโยคเดียว นางกลับไม่กล้าเถียงด้วยซ้ำ!

หรือเป็นไปได้ไหมว่า…อีกฝ่ายจะน่าเกรงขามปานนั้นจริงๆ?

ซึ่งเขาจะรู้ได้อย่างไรว่า หากหนิงซื่ออวี๋ทำให้เย่หยวนโกรธจริงๆแล้ว ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร?

บางทีเขาอาจไม่สอนทักษะหลอมกลั่นโอสถแก่นางอีกตลอดไป

หนิงซื่ออวี๋คือบุตรแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง นางมีพรสวรรค์ความสามารถแทบทุกด้าน แต่พบเจอเย่หยวนแค่ไม่กี่วันกลับเชื่องเสียแล้ว?

กล่าวได้ว่าความภาคภูมิใจทั้งหมดของนาง ยามนี้ถูกเย่หยวนบดละเอียดไม่เหลือแล้ว!

เย่หยวนใช้ความสามารถในศาสตร์แห่งโอสถของตนเพื่อทำให้นางอยู่ใต้อาณัติในกรอบได้

ในขณะเดียวกัน หนิงซื่ออวี๋เองก็ได้ค้นพบเสน่ห์อันน่าหลงใหลในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวนเช่นกัน

ดังนั้นนางจึงกลัวมากกว่า วันหนึ่งเย่หยวนจะไม่ยอมสอนทักษะหลอมกลั่นโอสถให้แก่นางจริงๆ

“พี่ใหญ่ ฮ้วนน้อย กลับกันเถอะ ท่านปรมาจารย์เย่อย่าเพิ่งคิดหนีข้าไปก่อนล่ะ! อีกไม่กี่วันข้าจะรีบกลับมาหาท่าน!”

หนิงซื่ออวี๋ยิ้มกล่าว

หนิงหางหรงจับจ้องเย่หยวนด้วยสายตาแสนลึกซึ้งก่อนจะจากไป

เมื่อออกมาจากถนนสายนั้น จู่ๆ หนิงซื่อวี๋ก็เหลียวกลับมาจับจ้องไปที่หนิงฟางหรง และกล่าวเสียงดุว่า

“พี่ใหญ่ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้! หากท่านกล้าทำอะไรท่านปรมาจารย์เย่ล่ะก็ ข้าจะตัดพี่ตัดดน้องกับท่านชั่วชีวิต!”

หนิงฟางหรงที่ได้ยินเช่นนั้oกับตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองกล่าวว่า

“เจ้าหนุ่มนั้นกินยาวิเศษอะไรเข้าไป ถึงสามารถกล่อมเจ้าให้เชื่องขนาดนี้ได้!”

หนิงซื่ออวี๋ยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านไม่เข้าใจ! ขอบเขตของท่านปรมาจารย์เย่เหนือชั้นกว่าที่ท่านคิดนัก! แม้แต่ท่านอาจารย์เองก็ยังเทียบท่านปรมาจารย์เย่ไม่ติด!”

…………………………………………………..