ตอนที่ 410 ถูกตบหน้า / ตอนที่ 411 โล่งใจไปที

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 410 ถูกตบหน้า

 

 

           ยิ่งคิด เจียงมู่เฉินยิ่งกำมือแน่นด้วยความตื่นตระหนก

 

 

           ท่าทีไม่สบายใจและตื่นตระหนกของเจียงมู่เฉินเก็บอยู่ในสายตาซือเหยี่ยนทั้งหมด เสียงต่ำเอ่ยปลอบใจ “อย่ากังวลไปเลย น้าเจียงต้องไม่เป็นไร”

 

 

           เจียงมู่เฉินกำมือแน่น พยักหน้าอย่างจนใจ “อืม”

 

 

           เขาหันข้างมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักอย่าง

 

 

           ซือเหยี่ยนขับรถมาอย่างรวดเร็วมาก เพียงไม่นานก็ถึงโรงพยาบาล รถเพิ่งจะหยุด เจียงมู่เฉินก็เปิดประตูวิ่งลงไปทันที

 

 

           ซือเหยี่ยนเองก็ไม่มีเวลาจะจอดรถดีๆ เขาจอดรถตรงที่ว่างข้างๆ แล้วรีบตามเข้าไปทันที

 

 

           ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปถึงที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน ก็เห็นจี้ฉิงกับพ่อเขายืนอยู่ตรงนั้น

 

 

           พ่อแม่ของจี้ฉิงเพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่นี้ ถึงอย่างไรสถานะระหว่างพวกเขากับคุณแม่เจียงก็กลืนไม่เขาคลายไม่ออก จะอยู่ที่นั่นต่อก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นทั้งสองคนก็รีบเข้าไปหา “พ่อ แม่ผมเป็นยังไงบ้าง”

 

 

           คุณพ่อเจียงสีหน้าถอดสี หัวใจเอาแต่บีบรัดตัวแน่นอยู่ตลอดเวลา

 

 

           นาทีที่เห็นเจียงมู่เฉิน เพียงชั่วพริบตาเดียวอารมณ์เดือดดาลก็ถึงจุดวิกฤต

 

 

           เขายกมือขึ้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง อยากจะตบหน้าเจียงมู่เฉินสักฉาด ซือเหยี่ยนที่ตามเจียงมู่เฉินมาจากข้างหลังเห็นเข้า ก็รีบเอื้อมมือไปดึงเจียงมู่เฉินให้ถอยหลังไป

 

 

           ฝ่ามือนี้ปะทะเข้ากับใบหน้าซือเหยี่ยนอย่างจัง

 

 

           ทุกคนต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ

 

 

           ถึงแม้ว่าคุณพ่อจะอารมณ์เดือดดาลมากแค่ไหน แต่เขาก็คิดว่าเจียงมู่เฉินจะหลบได้ เขาเพียงแค่ยื่นมือทำท่าออกไปเท่านั้น ใครจะรู้ว่าเจียงมู่เฉินจะหลบไป แล้วซือเหยี่ยนจะเข้ามารับแทน

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นซือเหยี่ยนถูกพ่อเขาตบหน้า เพียงชั่วพริบตาดวงตาก็แดงก่ำ เขากับซือเหยี่ยนอยู่ด้วยกันมาตั้งนานขนาดนี้ ถึงจะตีกันอยู่บ่อยครั้ง

 

 

           แต่ก็ยังไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

 

 

           “พ่อ พ่อลงไม้ลงมือกับซือเหยี่ยนทำไมครับ” เจียงมู่เฉินทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากออกมา

 

 

           เมื่อมองไปทางซือเหยี่ยน ก็ทนไม่ไหวหัวร้อนขึ้นมานิดหน่อยแล้ว “นายเป็นคนโง่หรือไง ฉันต้องการให้นายมาช่วยบังให้เหรอ”

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย ตบหน้าซือเหยี่ยน เจ็บกว่าตบหน้าเขาอีกเยอะ’

 

 

           เหตุการณ์นนี้ทำเอาจี้ฉิงใจหายใจคว่ำ คิดไม่ถึงว่าจะลงไม้ลงมือกันแล้ว แต่พอเห็นเจียงมู่เฉินปกป้องคนของตัวเองแบบนี้

 

 

           ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้ว

 

 

           ถึงอย่างไรคนตรงหน้าสามคนนี้ คู่หนึ่งเป็นพ่อลูก คู่หนึ่งเป็นคนรัก ซึ่งสนิทชิดเชื้อกว่าแฟนสาวกำมะลออย่างเธอเป็นไหนๆ

 

 

           จี้ฉิงคิดๆ ดูแล้วก็เดินเข้าไปเอ่ยเสียงต่ำ “ในเมื่อคุณชายเจียงมาแล้ว งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

 

 

           คุณพ่อเจียงทำหน้าบึ้งตึง อยู่ที่นี่อึดอัดจนวางตัวไม่ถูกแล้วจริงๆ เขาพยักหน้าเอ่ย “วันนี้ลำบากเธอแล้ว”

 

 

           “สมควรอยู่แล้วค่ะคุณอา” จี้ฉิงพูดจบก็มองเจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง เวลานี้เองถึงได้ออกจากโรงพยาบาลไป

 

 

           หลังจากเธอออกไปแล้ว คุณพ่อเจียงมองซือเหยี่ยนที มองเจียงมู่เฉินที แล้วก็ส่ายหัวพร้อมถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นอารมณ์เดือดดาลของพ่อเขาสลายหายไปหมดแล้ว ถึงได้เอื้อมมือไปดึงซือเหยี่ยนมาอยู่อีกฝั่งหนึ่ง “เป็นยังไงบ้าง เมื่อกี้พ่อฉันตบหน้านายแรงไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเขาด้วยความขบขัน “อะไรกัน เมื่อกี้ยังอยากจะตีผมอยู่เลยไม่ใช่หรือไง นี่ถูกตีจริงๆ แล้ว จะมาเห็นใจกันอีกเหรอ”

 

 

           “นายแม่งฟังฉันให้ดี มีเพียงคุณชายอย่างฉันเท่านั้นที่ตีนายได้ คนอื่นไม่ได้” คำพูดนี้เขาพูดเสียงเล็กมาก ถ้าไม่อย่างนั้นให้คุณพ่อเจียงได้ยินขึ้นมาจะระเบิดลงอีกฉาดใหญ่แน่

 

 

           ซือเหยี่ยนมองคุณพ่อเจียงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง เอื้อมมือไปจูงมือเจียงมู่เฉินมา หลังจากนั้นก็พาเจียงมู่เฉินเดินไปอยู่ต่อหน้าคุณพ่อเจียงด้วยกัน

 

 

           “อาเจียง อย่าร้อนใจไปเลยนะครับ น้าเจียงจะต้องไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”

 

 

           ได้ยินคำพูดนี้ของซือเหยี่ยน คุณพ่อเจียงก็เงียบงันไม่พูดจาไปพักหนึ่ง เมื่อครู่ตัวเองไม่พูดอะไรก็ตบหน้าซือเหยี่ยนไปฉาดหนึ่งแล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนเด็กคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโต ทะนงตัวมาแต่ไหนแต่ไร

 

 

           แต่ครั้งนี้ถูกตัวเองตบไปฉาดใหญ่ขนาดนั้น กลับไม่พูดถึงสักคำ ยังเป็นฝ่ายปลอบใจเขาเองด้วย

 

 

           คุณพ่อเจียงมองซือเหยี่ยนด้วยความสับสนในอารมณ์ เห็นใบหน้าที่จริงใจของเขา แล้วเบนไปมองเจียงมู่เฉินที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง

 

 

           สุดท้ายก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้

 

 

           เขารู้ว่าซือเหยี่ยนชอบเฉินเฉินด้วยใจจริง

 

 

           อีกอย่างนอกจากซือเหยี่ยนแล้ว ก็ไม่มีใครคนไหนที่จะรับนิสัยแย่ๆ ของเจ้าลูกชายสุดที่รักของเขาได้

 

 

           คุณพ่อเจียงกุมขมับอย่างจนใจ แต่ว่า พวกเขาสองคน…

 

 

           เห้อ…

 

 

           คุณพ่อเจียงผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วในตอนนี้

 

 

           

 

 

  ตอนที่ 411 โล่งใจไปที

 

 

           คุณพ่อเจียงไม่ต้องยุ่งวุ่นวายใจนานจนเกินไปแล้ว เมื่อคุณแม่ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน

 

 

           พวกเขารีบกรูกันเข้าไปหา ทั้งหมดรายล้อมอยู่ข้างกายคุณแม่เจียง หมอเห็นคุณพ่อเจียง ก็รีบกล่าวทันที “ประธานเจียงครับ คุณนายไม่มีอาการอะไรร้ายแรง พักผ่อนสักพักใหญ่ๆ ก็โอเคแล้วครับ”

 

 

           ได้ยินหมอพูดแบบนี้ พวกเขาถึงได้โล่งใจกันไปที

 

 

           “เดี๋ยวจะส่งตัวไปยังห้องพักผู้ป่วยก่อนนะครับ ทุกท่านไปดูกันที่ห้องพักผู้ป่วยกันเถอะครับ”

 

 

           คุณพ่อเจียงพยักหน้ารับ รีบเดินตามเตียงผู้ป่วยไปยังห้องพักฟื้น เจียงมู่เฉินเห็นแม่ของตัวเองปลอดภัยออกมาก็โล่งใจไปที

 

 

           ถ้าแม่เขาเป็นอะไรไป เจียงมู่เฉินคิดว่าพ่อเขาจะฆ่าเขาตายคาที่ แล้วฝังศพเขาไปพร้อมกับแม่เขา

 

 

           ถึงอย่างไรพ่อเขาก็รักเอ็นดูแม่มากกว่าลูกชายตัวเองมากโขอยู่แล้ว

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินที่ในที่สุดก็โล่งอกโล่งใจได้สักที ก็เอื้อมมือไปจับมือของเขาโดยไม่สนใจอะไร

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในอุ้งมือก็อดจะเงยหน้ามองซือเหยี่ยนแวบหนึ่งไม่ได้ ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ดูหล่อเหลาไม่เบาอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว

 

 

           ใบหน้าของเขายังคงมีรอยแดงนิดหน่อย ยังมีร่องรอยที่พ่อเขาตบหน้าซือเหยี่ยนไปฉาดหนึ่งอยู่บนนั้น

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูก็สงสารจับใจจนไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่าจะเจ็บกว่าตบหน้าเขามากเลยทีเดียว

 

 

           คุณพ่อเจียงเดินจากไปพร้อมเตียงคนไข้ไปไกลระยะหนึ่งแล้ว เจียงมู่เฉินเองก็ไม่รีบร้อน รั้งซือเหยี่ยนให้ยืนอยู่ที่เดิม

 

 

           ซือเหยี่ยนเอียงหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ราวกับอยากจะถามเขาว่าต้องการจะทำอะไรอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามของเขา “เมื่อกี้ที่นายพุ่งตัวมาช่วยบังให้ฉัน ฉันเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง โดนพ่อฉันตีก็ไม่มีอะไรหรอก”

 

 

           ดวงตาสีดำขลับของซือเหยี่ยนฉายสะท้อนอารมณ์ที่เจือความสับสนอยู่ในที เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “คุณเป็นผู้ชาย ผมก็ทนเห็นคุณถูกตีไม่ได้”

 

 

           แค่ประโยคพูดออกมาตามใจประโยคเดียว เจียงมู่เฉินรู้สึกได้แค่เพียงหัวใจที่บีบคั้น ละอายใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เขากะพริบตาปริบๆ “ฉันโดนพ่อฉันตีแล้วยังไง ตอนเด็กก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยโดนตีสักหน่อย”

 

 

           เจียงมู่เฉินพูดพึมพำจบ จู่ๆ ก็ค้นพบว่าตอนตัวเองเป็นเด็ก เหมือนจะไม่เคยโดนพ่อเขาตีเลย

 

 

           ตั้งแต่เล็กจนโตได้รับความรักความเอ็นดูมาตลอด ไม่เคยโดนตีมาก่อน

 

 

           เหมือนซือเหยี่ยนเองก็ค้นพบจุดนี้เหมือนกัน เขาก้มหน้ามองเจียงมู่เฉิน “เคยโดนตีจริงๆ เหรอ”

 

 

           เมื่อฟังความหยอกล้อในคำพูดของเขาออก เจียงมู่เฉินก็ทำหน้าบึ้งตึงโต้แย้งกลับไป “จะไม่มีได้ยังไง ตอนฉันยังเด็กมีครั้งหนึ่งโดนพ่อฉันตีหนักเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนอดจะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ทำไมผมไม่รู้ล่ะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “นายจะไปรู้อะไร ตอนเด็กพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันสักหน่อย นายรู้ได้นายก็ไม่ใช่คนแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองหาข้ออ้างเจอแล้ว ถึงอย่างไรตอนตัวเองยังเด็กความสัมพันธ์กับซือเหยี่ยนก็ไม่อยู่แล้ว เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองโดนตีหรือเปล่า

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำหน้าบึ้งตึง เหมือนว่าโดนตีมาแล้วจริงๆ ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “โอเคๆ ตอนคุณยังเด็กเคยโดนตีมาแล้ว”

 

 

           เห็นเขายิ้มหัวเราะ เจียงมู่เฉินก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกะทันหัน รู้สึกว่าตัวเองกินยาไม่เขย่าขวดมาใช่ไหม ถึงได้มาถกเถียงเรื่องว่าเคยโดนตีหรือเปล่าที่นี่ได้

 

 

           “ยังไงซะ ครั้งหน้าถ้าพ่อฉันจะตีฉัน นายก็อย่ามาขวางฉันอีก”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้ารับปาก “ได้”

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย “นายจะไม่ขวางกันจริงๆ ใช่ไหม”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้าอีกครั้ง “ผมรับประกันว่าจะไม่ขวาง”

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกมาตลอดว่าในคำพูดของเจ้าหมอนี่ไม่มีน้ำหนักเลยสักนิด เชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น

 

 

           เขารู้สึกมาเสมอถ้าครั้งหน้าเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้อีก เจ้าหมอนี่ก็จะยังคงพุ่งตัวมาบังช่วยเขาอีก

 

 

           แต่ว่าคิดๆ ดูก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าเป็นตัวเองที่เจอเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้

 

 

           ถ้าพ่อแม่ของซือเหยี่ยนจะตีซือเหยี่ยน เขาก็จะพุ่งตัวเข้าไปเหมือนกันอย่างแน่นอน

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดถึงตรงนี้ ก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พ่อแม่เขาทางนี้ยังไม่ได้แก้ปัญหา ยังมีพ่อแม่ซือเหยี่ยนทางนั้นอีก

 

 

           ตอนนั้นเขาคิดอย่างไรกัน คิดไม่ตกตรงไหนกัน ถึงอยากจะเป็นคู่รักกันกับซือเหยี่ยนได้