ตอนที่ 1700 เจตนาร้าย (8)
“คงเป็นอย่างนั้นแหละดูเหมือนวิหารมังกรจะกุมความลับของวิหารอื่นๆเอาไว้ไม่น้อย” เฟยเหยียนพูดพลางพยักหน้า
หรงรั่วเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เราต้องให้เสี่ยวเสียมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นมันจะสายเกินไป” พวกเขาได้รับหน้าที่ให้แฝงตัวอยู่ในวิหารต่างๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้พวกเขาออกหน้าในสถานการณ์นี้ สายตาของหรงรั่วหันไปมองจื่อจินอีกครั้ง
พลังของจื่อจินไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนักนางจึงไม่เข้าใจแผนร้ายที่เกิดขึ้นบนเวทีประลอง แต่เมื่อนางเห็นว่าใบหน้าซีดเซียวของเยว่อี้เริ่มย่ำแย่ลงเรื่อยๆ นางก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ขณะที่จื่อจินกำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังนาง
“ถ้าเจ้าอยากช่วยเยว่อี้ก็ไปตามศิษย์น้องอู่ของเจ้าให้มาที่นี่”
จู่ๆเสียงนั้นก็ดังขึ้นจื่อจินจึงสะดุ้งเล็กน้อย นางหันกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ด้านหลังนางก็มีแค่พวกผู้เยาว์กลุ่มเดิมที่กำลังตื่นเต้นกับการประลอง นางจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าเสียงนั้นมาจากใคร
[ศิษย์น้องอู่…….]
[คุณชายจวิน……]
หมอกภายในใจที่สับสนวุ่นวายอย่างมากของจื่อจินแยกออกจากกันด้วยเสียงนั้นและแสงสว่างก็ส่องลงมา
[คุณชายจวินสามารถช่วยเยว่อี้ได้!]
จื่อจินไม่สนใจอะไรแล้วนางยกชายกระโปรงขึ้นและวิ่งออกไปจากฝูงชน
ทันทีที่จื่อจินออกไปร่างของเยว่อี้ก็ปรากฏขึ้นจากภายในเส้นแสงสีม่วง การเคลื่อนไหวของเขาถูกขัดจังหวะ ร่างสูงโปร่งของเขาถูกโจมตีหล่นลงมากระแทกพื้นเวทีอย่างแรงส่งให้เกิดเสียงดังสนั่น
“คุณชายเยว่เอาแต่สู้แบบขอไปทีอย่างนี้ไม่ดีนะ” จูเก๋ออินทำราวกับตนเป็นผู้ชนะ เขาเดินช้าๆเข้าไปตรงหน้าเยว่อี้และมองร่างที่นอนกุมท้องอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกราวกับกำลังมองดูกองขยะ
เยว่อี้นอนตัวงอไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้นกรามของเขาขบกันแน่น สีหน้าดูย่ำแย่อย่างมาก
อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกมีดสับอย่างบ้าคลั่งความเจ็บปวดทำให้สมองของเขาว่างเปล่า
เทียบกับร่างที่ดูน่าสังเวชของเยว่อี้ในตอนนี้แล้วเสื้อผ้าของจูเก๋ออินไม่มีรอยยับเลยแม้แต่รอยเดียว
จูเก๋ออินปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเขาขณะมองดูเยว่อี้อย่างไม่แยแส
“สมเป็นคนที่ผู้อาวุโสเยว่ฝึกฝนมาด้วยตัวเองจริงๆเจ้าหัวแข็งถึงขนาดนี้ได้ยังไง? ข้าไม่ได้ยินเสียงร้องจากเจ้าเลยสักแอะ” จูเก๋ออินหรี่ตา แววตาทอประกายชั่วร้ายน่ากลัว
เยว่อี้นอนนิ่งไม่ขยับอยู่บนพื้นหูของเขาอื้ออึงไปหมด ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เขายังคงนอนนิ่งอยู่บนเวทีประลองพวกผู้เยาว์ที่อยู่ด้านล่างเวทีมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ยสมน้ำหน้า
[พลังวิญญาณสีม่วง?]
[พลังวิญญาณสีม่วงแล้วยังไง?]
[ก็ต้านทานการโจมตีไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ?]
“วิหารเงาจันทราไม่ได้เรื่องอย่างที่คิดจริงๆพลังวิญญาณสีม่วงทั้งคู่ แต่เยว่อี้เทียบจูเก๋ออินไม่ได้เลยสักนิด”
“อย่าว่าแต่จะเทียบได้เลยเขาไม่สามารถโต้ตอบได้เลยด้วยซ้ำ! น่าขายหน้าชะมัด”
พวกผู้เยาว์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดที่ด้านล่างเวที
“พวกเจ้าทุกคนหุบปากเน่าๆของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นจากด้านหลังผู้เยาว์กลุ่มนั้น
พวกผู้เยาว์ขี้นินทาหันไปมองยังทิศทางของเสียงอย่างประหม่าทันทีพวกเขาเห็นใบหน้าของเฉียวฉู่จากวิหารปีศาจเพลิงถมึงทึงมากและดูน่ากลัวอย่างยิ่ง ทั้งร่างมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่กระจายออกมาจนไม่มีใครกล้ายืนใกล้เขา
“เฉียว……เฉียวฉู่……เจ้าเป็นอะไรไป??”ขนาดศิษย์คนอื่นจากวิหารปีศาจเพลิงยังตกใจกลัวจากเสียงตะโกนนั้น
[ก็แค่หมาจากวิหารมังกรกับวิหารเงาจันทรากัดกันเองเขาหงุดหงิดอะไร?]
เฉียวฉู่ข่มความโกรธในใจลงและพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ไอ้เวรพวกนี้ ขัดความสนุกในการดูของข้า”