บทที่ 793 : ดุเด็ดเผ็ดมัน!
  “พี่หยุน..ดูเหมือนจะมีคนสะกดรอยตามพวกเรามา!”
  ถังเมิ่งรีบเลี้ยวรถไปตามคำสั่งของหลิงหยุนและเหยียบเร่งออกไปทันที แต่ถึงกระนั้นรถทั้งห้าคันก็ยังคงไล่ตามหลังรถแลนด์โรเวอร์มาไม่หยุด และไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย
  “อะไรนะ!แล้วนี่พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
  นี่เป็นครั้งแรกที่กงเสี่ยวลู่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องราวแบบนี้เธอจึงรีบหันกลับไปมองด้านหลังด้วยแววตา และท่าทางที่ตื่นตระหนกตกใจ!
  หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นจึงหันกลับไปตอบกงเสี่ยวลู่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด
  “ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกมันต้องการอะไร..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปสั่งถังเมิ่ง“นายขับไปหาที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน แล้วฉันจะลงไปคุยกับพวกมันเอง ดูซิว่าพวกมันต้องการอะไรกันแน่”
  กงเสี่ยวลู่ที่นั่งใจเต้นจนแทบหลุดออกจากร่างนั้นรีบร้องขัดขึ้นมาทันที “หลิงหยุน.. ครูว่าพวกเราควรจะไปที่ที่มีคนอยู่เยอะๆมากกว่านะ พวกมันจะได้ไม่กล้าทำอะไร แล้วเราก็จะได้เรียกตำรวจมาช่วยได้!”
  หลิงหยุนกับถังเมิ่งได้ฟังถึงกับนิ่งเงียบและได้แต่คิดในใจว่าเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างตระกูลเฉินนั้น ต่อให้เรียกตำรวจมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร!
  จนถึงตอนนี้..วิธีแก้ปัญหาของกงเสี่ยวลู่ก็ยังคงต้องเป็นการกระทำที่ไม่ผิดกฏหมายอีกเช่นเคย ซึ่งก็คือการเรียกตำรวจ!
  แต่หลิงหยุนนั้นกลับถนัดในเรื่องของการใช้กำลังในแก้ปัญหาเสียมากกว่า..
  ถังเมิ่งขับไปจนถึงถนนเล็กๆเส้นหนึ่งในช่วงเวลาบ่ายที่แดดค่อนข้างแรงเช่นนี้ จึงไม่มีผู้คนเดินสัญจรไปมามากนัก ถนนเส้นนี้จึงค่อนข้างเงียบสงบ..
  “ทุกคนอยู่แต่ในรถและห้ามใครลงจากรถหากไม่ได้รับอนุญาตจากผม!”
  หลิงหยุนสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดจากนั้นรอยยิ้มน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก่อนจะเปิดประตู และก้าวลงจากรถไป..
  ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นดินหลิงหยุนก็เอี้ยวตัวกลับไปมองรถทั้งห้าคันที่กำลังไล่ตามมาติดๆ
  กงเสี่ยวลู่ที่นั่งอยู่ภายในรถได้แต่จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายร่างใหญ่มากกว่ายี่สิบคนเดินลงมาจากรถทั้งห้าคันพร้อมกัน มือทั้งสองข้างของเธอกำแน่นจนซีดขาว และแทบหายใจไม่ออก ก่อนจะร้องถามเกาเฉินเฉินกับถังเมิ่งว่า
  “เฉินเฉิน..ถังเมิ่ง.. อย่าบอกนะว่าหลิงหยุนจะมีเรื่องกับคนพวกนั้น!”
  ถังเมิ่งผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาหลายครั้งหลายคราแล้วเขาจึงหันไปมองกงเสี่ยวลู่พร้อมกับพูดปลอบใจ
  “ครูกงครับ..ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจไปครับ ผมว่าเรารอดูอะไรสนุกๆกันดีกว่า!”
  แม้แต่เกาเฉินเฉินเองก็พูดกับเสี่ยวลู่ด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบนิ่งและไม่มีท่าทีตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย
  “ครูกงค่ะ..อย่ากังวลไปเลยค่ะ หลิงหยุนไม่เป็นอะไรแน่!”
  ภาพที่หลิงหยุนต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือดท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักนั้นยังคงประทับอยู่ในใจของเกาเฉินเฉินอย่างยากที่จะลืมเลือนได้ และเวลานี้.. ในสายตาของเกาเฉินเฉิน หลิงหยุนก็เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งสงครามผู้กล้าหาญชาญชัย!
  ภายนอกรถแลนโรเวอร์..
  ชายร่างใหญ่ทั้งหมดยี่สิบสองคนกำลังยืนจ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตาที่ดุดันราวกับว่าพวกมันกำลังจ้องเหยื่ออันโอชะที่อยู่ตรงหน้า
  ชายร่างใหญ่สองคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นอยู่ด้านหน้าของชายฉกรรจ์ทั้งยี่สิบคนที่ยืนเรียงรายห่างจากหลิงหยุนไปราวหกเมตร และหนึ่งในสองก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
  “พ่อหนุ่ม..เมื่อครู่เจ้าทำร้ายคนของเราอยู่ที่ด่านสกัดรถใช่หรือไม่”
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไรมาก..
  “พ่อหนุ่ม..ดูจากการแต่งตัวของเจ้าแล้วคงจะไม่ใช่คนธรรมดาสินะ! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ว่าปักกิ่งมีกฏระเบียบเช่นใด เหตุใดจึงปฏิเสธไม่ทำตามเล่า”
  และในที่สุดหลิงหยุนก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่แยแส“ข้าไม่รู้!”
  หัวหน้าอีกคนดูเหมือนจะโกรธมากมันตอบหลิงหยุนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่น “พ่อหนุ่ม.. อย่าเล่นลิ้นนักเลย!”
  ท่ามกลางรังสีสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ทั้งยี่สิบสองคนนั้นแต่หลิงหยุนกลับมองทุกคนด้วยแววตาเหยียดหยัน..
  หากหลิงหยุนแสดงสีหน้าท่าทางเย่อหยิ่งจองหองและท้าทายเหล่ายอดฝีมือตระกูลเฉินก็คงจะไม่โกรธเคืองถึงเพียงนี้ แต่ลักษณะท่าทางและแววตาของหลิงหยุนนั้น กลับมีเพียงความเฉยเมยและสงบนิ่ง บ่งบอกว่าไม่เห็นคนตระกูลเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แววตาของหลิงหยุนเวลานี้ ไม่ต่างจากการจับยอดฝีมือตระกูลเฉินแก้ผ้าล่อนจ้อนให้ได้รับความอับอายเลยแม้แต่น้อย..
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปว่า “พวกเจ้าหยุดพล่ามไร้สาระแล้วเข้าเรื่องเลยดีกว่า! บอกมา.. พวกเจ้าขับรถไล่ตามข้ามาแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่ รีบๆพูดมา.. ข้ามีธุระต้องไปทำ ไม่อยากเสียเวลากับพวกเจ้า!”
  เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนมองพวกมันไม่อยู่ในสายตาเช่นนี้ชายผู้เป็นหัวหน้าก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างโมโห..
  “เจ้าหนู..ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นใคร และเป็นลูกหลานตระกูลใด ในเมื่อเจ้าทำร้ายคนของเรา ก็ต้องกลับไปกับพวกเรา!”
  หลิงหยุนยิ้ม..เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้นวางที่ท้ายทอย แล้วตอบกลับไปว่า
  “งั้นรึ!นี่ข้าเพิ่งจะรู้ตัวว่ามีความผิดเพียงเพราะไปเตะสุนัขของพวกเจ้าเข้า!”
  “นี่เจ้า..!”
  หัวหน้าทั้งสองคนร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโหอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นว่า
  “เจ้าหนู..ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงสินะ!”
  ผู้ที่เป็นหัวหน้าทั้งสองคนล้วนอยู่ในขั้นเซียงเทียน-3ส่วนยอดฝีคนอื่นๆอีกยี่สิบคนก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียนแล้วเช่นกัน ในช่วงที่หลิงหยุนจัดการกับยอดฝีมือของตระกูลเฉินตรงด่านตรวจนั้น พวกมันก็พอคาดเดาได้ว่าหลิงหยุนน่าจะเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง และระดับกำลังภายในก็ไม่น่าจะเกินขั้นโฮ่วเทียน-7
  เพียงแต่พวกมันไม่รู้ว่าหลิงหยุนเป็นคนของตระกูลใหนเท่านั้นจึงไม่กล้าที่จะเสียมารยาทกับหลิงหยุนมากนัก..
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะไม่เห็นพวกเขาซึ่งเป็นยอดฝีมือของตระกูลเฉินอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยอีกทั้งยังแสดงออกว่าไม่ต้องการพูดจากับพวกเขา และยินดีที่จะมีเรื่องกับพวกเขาเสียมากกว่า..
  และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆหลิงหยุนไม่ต้องการพูดจาใดๆกับยอดฝีมือเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นคนของตระกูลเฉิน!
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“เสียใจด้วย.. ข้าไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับพวกเจ้า!”
  หัวหน้าทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนทั้งคู่จะเห็นตรงกันว่า.. ต้องสังหารหลิงหยุน!
  “จัดการกับมัน..”หนึ่งในสองร้องสั่งทันที
  สิ้นคำสั่งของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังทั้งสี่คนก็พุ่งออกมา และกระโดดเข้าหาจู่โจมหลิงหยุนทันที!
  “แย่แล้ว!”
  ภายในรถแลนด์โรเวอร์..กงเสี่ยวลู่ที่นั่งเงียบ และพูดอะไรไม่ออกมาโดยตลอดระหว่างที่สองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันนั้น ก็ถึงกับกรีดร้องออกมาทันทีเมื่อเห็นว่ากำลังจะมีการปะทะกันเกิดขึ้น!
  เพียะ..เพียะ.. เพียะ.. เพียะ..
  เสียงฝ่ามือใหญ่ของหลิงหยุนปะทะเข้ากับใบหน้าของยอดฝีมือทั้งสี่คนที่จู่โจมเข้ามาดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ..
  ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนยังไม่ทันเข้าถึงตัวหลิงหยุนด้วยซ้ำไปแต่กลับถูกหลิงหยุนตบหน้าจนเห็นดาวเห็นเดือนเต็มไปหมด
  ผู้ที่เป็นหัวหน้าทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง..เพราะแม้แต่สายตาของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนอย่างพวกมัน ยังไม่สามารถจับภาพได้ทัน นับว่าการเคลื่อนไหวของหลิงหยุนนั้นรวดเร็วมากและยากที่จะประเมินได้!
  ‘ไม่นะ..เด็กนั่นดูเหมือนจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำไป เหตุใดจึงสามารถตบหน้ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียนได้ง่ายๆ ราวกับเด็กแบบนั้น!’
  แต่เรื่องที่น่าหวาดกลัวกว่ากลับไม่ใช่เรื่องนี้แต่เป็นเรื่องที่จนถึงเวลานี้ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ทั้งสองคน ยังไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนได้เลย!
  อีกทั้งในสายตาของพวกมันทั้งสองคนหลิงหยุนก็ดูไม่แตกต่างจากเด็กวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป จะมีที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเท่านั้น!
  “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
  ยอดฝีมือที่ถูกหลิงหยุนตบหน้าให้ได้รับความอัปยศอดสูนั้นถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห..
  “เจ้ามีความสามารถงั้นรึ..”
  หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันก่อนจะกระโดดขึ้นและฟาดหน้าแข้งของตนเองเข้ากับก้านคอของยอดฝีมือผู้นั้นทันที..
  ปัง!
  ยอดฝีมือผู้นั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบและทันทีที่ขาของหลิงหยุนปะทะเข้ากับก้านคอของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน ร่างสูงใหญ่นั้นก็ลอยละลิ่วออกไปไกลก่อนจะตกลงไปแน่นิ่งอยู่ที่พื้น..
  และนี่คือเท้าวายุที่มีอานุภาพรุนแรงไม่ต่างจากหมัดปีศาจเถียนกังที่ทรงพลังของหลิงหยุนแต่เพราะไม่ต้องการสังหารผู้คนในเวลากลางวันแสกๆเช่นนี้ หลิงจึงใช้พละกำลังภายในที่เทียบเท่ากับขั้นเซียงเทียน-1 เท่านั้น
  “ทุกคนบุกเข้าไปจัดการกับมันพร้อมกัน..”
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยขณะที่จ้องมองเหล่ายอดฝีมือทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่เหลือหงายฝ่ามือขึ้นฟ้าอยู่ในท่าพร้อมเตรียมตัวจู่โจม..
  และเวลานี้สีหน้าของผู้ที่เป็นหัวหน้าทั้งสองคนก็เริ่มไม่สู้ดีนักตอนนี้ทั้งคู่เพิ่งจะรู้ว่าเพราะเหตุใดหลิงหยุนจึงไม่ต้องการเจรจาใดๆ นั่นเพราะพวกมันล้วนเป็นเพียงแค่มดปลวกในสายตาของหลิงหยุนนั่นเอง
  “ดูเหมือนเด็กนี่จะซ่อนกำลังภายในที่แท้จริงไว้พี่หลิ่วพวกเราจะทำยังไงดี”หนึ่งในผู้ที่เป็นหัวหน้าร้องถามความเห็นของอีกคน..
  แต่อีกฝ่ายกัดฟันตอบกลับไปว่า“ยังไงก็ต้องลองประมือกับมันดู..”
  หลังจากนั้นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ผู้นั้นก็เดินลมปราณขั้นสุด และกำหมัดขวาตรงเข้าชกใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
  “อยากลองดีสินะ!”
  หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับยกมือขึ้นคว้าข้อมือของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3แล้วออกแรงบีบผ่านนิ้วมือของตนเอง..
  แกร๊ก..
  เสียงกระดูกแตกซึ่งเกิดจากการที่หลิงหยุนออกแรงบีบข้อมือของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3อย่างแรง
  “อ๊าก..”
  จากนั้นหลิงหยุนกระโดดม้วนตัวถอยห่างออกไปปล่อยให้เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่วบริเวณ!
  “เจ้าเด็กนั่นร้ายกาจกว่าที่พวกเราคิดไว้มาก!ทุกคนอย่าให้มันหนีไปได้..”
  ท่ามกลางความตกตะลึง..ผู้ที่เป็นหัวหน้าอีกหนึ่งคนรีบร้องสั่งให้ยอดฝีมือบุกเข้าไปจู่โจมหลิงหยุนพร้อมๆกัน!
  “งั้นรึ!”
  หลิงหยุนพูดยิ้มๆก่อนที่จะใช้มังกรพรางร่างสร้างเงาลวงตาไว้ตำแหน่งเดิม ในขณะที่ร่างจริงของเขานั้นพุ่งไปอยู่ที่ด้านหน้าของอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว!
  จากนั้นเสียงปัง..ปัง.. ปัง.. ก็ดังขึ้นสั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ เวลานี้หลิงหยุนไม่ต่างจากเสื้อร้ายที่อยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่า ภายในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว ยอดฝีมืออีกสิบเก้ารวมทั้งหัวหน้าของมันก็ลอยละลิ่วออกไป และไปนอนกองอยู่กับพื้นในที่สุด!
  ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว..
  จากนั้นหลิงหยุนจึงค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปใกล้ร่างของหนึ่งในผู้ที่เป็นหัวหน้าพร้อมกับนั่งลงยิ้มให้แล้วพูดขึ้นว่า
  “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงไม่สังหารพวกเจ้า”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่ป้ายทะเบียนรถแลนด์โรเวอร์พร้อมกับสั่งว่า..
  “เจ้าจำป้ายทะเบียนรถคันนั้นให้ดีแล้วเอาชีวิตที่เหลือของเจ้ากลับไปบอกกับเจ้านายว่า.. ให้ไปสืบดูว่าทะเบียนรถคันนั้นเป็นของผู้ใด”
บทที่ 794 : หลิงหยุนแห่งจิงฉู!
  “ข้าทราบ..ข้าทราบ..”
  สีหน้าของผู้ที่เป็นหัวหน้านั้นบ่งบอกว่าหวาดกลัวสุดขีดหวาดกลัวจับขั้วหัวใจหลังจากที่ถูกเท้าวายุของหลิงหยุนไป และเวลานี้เหงื่อของมันก็ไหลท่วมกาย..
  คนที่ถูกหลิงหยุนสังหารตายนั้นบางคนอาจไม่รู้สึกหวาดกลัวด้วยซ้ำไป เพราะสิ้นใจตายก่อนที่ความรู้สึกหวาดกลัวจะบังเกิดขึ้นในใจเสียอีก!
  แต่ยอดฝีมือทั้งยี่สิบสองคนนี้หลิงหยุนไม่ได้ฆ่า แต่กลับจัดการกับพวกมันพร้อมๆกันในคราวเดียว ความแข็งแกร่ง ความเก่งกาจ และความอหังการของหลิงหยุนนั้น ได้ประทับลงไปในจิตใจของพวกมันทุกคน จนเวลานี้พวกมันต่างก็หวาดกลัวกันไปหมด..
  และจนถึงเวลานี้..ก็ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถแตะต้องตัวหลิงหยุนได้เลยแม้แต่คนเดียว!
  เวลานี้ผู้ที่เป็นหัวหน้านั้นหวาดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก..เพียงแค่รอดชีวิตมาได้นั้น ก็นับว่โชคดีอย่างมากแล้ว!
  และนับว่าวันนี้เป็นความโชคดีของพวกมันเพราะหากในรถไม่มีกงเสี่ยวลู่นั่งมาด้วยแล้วล่ะก็.. รับรองได้ว่าหลิงหยุนไม่มีทางที่จะกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน!
  “เอ..วันนี้ดูพี่หยุนเปลี่ยนไปนะ ไม่เห็นดุเดือดเหมือนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานเลย!”
  ถังเมิ่งที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจกรถ ได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพึมพำออกมาอย่างผิดหวังที่เห็นหลิงหยุนเปลี่ยนไป..
  ถังเมิ่งพยายามครุ่นคิดอย่างหนักว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่และในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นตบต้นขาเสียงดังพร้อมกับร้องตะโกนออกมา..
  “อย่าบอกนะว่าพี่หยุนกลายเป็นคนดีมีศีลธรรมไปแล้ว..”
  นับตั้งแต่ที่หลิงหยุนไปช่วยตระกูลเกาช่วยลุงสองของเขาหลิงเย่ว และช่วยเกาเฉินเฉินนั้น หลิงหยุนก็ได้สังหารผู้คนไปตั้งมากมาย ระหว่างที่เขาดูแลเกาเฉินเฉินเมื่อคืนนี้ ก็เฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องเทคโนโลยีบนโลกใบนี้ กับเรื่องความสามารถที่ท้าทายของตัวเขาเอง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าการที่จะปกปิดฐานะของตัวเองนั้น คงจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก..
  เว้นแต่ว่า..เขาจะออกจากปักกิ่งไป!
  เขาควรทำเช่นไร
  เวลานี้ในบรรดาเจ็ดตระกูลใหญ่นั้นตระกูลหลิงก็รับรู้การเป็นทายาทของเขาแล้ว ส่วนตระกูลเกาก็เป็นเขาที่ช่วยไว้ ที่เหลือคือตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ส่วนตระกูลหลี่ก็ทำตัวเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่เหลือก็คือตระกูลซันและตระกูลเฉิน ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูของเขา จึงแทบไม่จำเป็นที่เขาจะต้องปิดบังตัวเองอีก..
  หากไม่เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนเองอย่างน้อยก็เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดชื่อหลิงหยุนแห่งเมืองจิงฉูอีก!
  ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนก็จะรู้สึกไม่ต่างจากภูตผีวิญญาณที่ต้องหลบๆซ่อนๆเมื่ออยู่ในปักกิ่ง และนั่นทำให้เขารู้สึกอึดอัด และเป็นปัญหาอย่างมาก..
  และอย่างที่รู้ๆกันว่าหลิงหยุนเป็นคนมีนิสัยขี้รำคาญที่สุดคนหนึ่ง และเป็นคนที่หากคิดจะทำอะไร.. ก็ทำ! และหากต้องลงมือสังหาร.. ก็สังหารทันทีเช่นกัน!
  อีกทั้งหลิงหยุนยังมีหน้าที่ต้องปกป้องคนที่เขารักและเพื่อนรอบตัว หากเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงข้างเดียว ก็ไม่ใช่นิสัยของหลิงหยุน!
  หลิงหยุนต้องการเดินอยู่ใต้แผ่นฟ้านี้ด้วยความสง่าผ่าเผยจึงต้องสร้างความหวาดหวั่น และหวาดกลัวให้กับศัตรู ทำให้ศัตรูเป็นฝ่ายที่ไม่กล้ายุ่งเกี่ยว หรือตอแยกับเขาจะดีกว่า!
  ฉินตงเฉี่วยนับว่ากล่าวได้ถูกต้อง..นางเคยบอกกับหลิงหยุนว่าการเป็นคุณชายหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่นั้น นับว่าเป็นเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่ง!
  หลิงหยุนยังจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาได้พบกับฉินตงเฉี่วยนั้นนางยังอยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 แต่เหตุใดจึงดูห้าวหาญดุดันต่อหน้าผู้อื่นเช่นนั้น
  คำตอบก็ไม่มีอะไรมาก..นอกเหนือจากความแข็งแกร่งของนางแล้ว ก็คือฐานะของนางนั่นเอง..
  แม้กระทั่งเหลยเชิ่งซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยเทพอินทรีย์ยังถึงกับตกตะลึงเมื่อล่วงรู้ว่าฉินตงเฉี่วยคือคนตระกูลเฉิน และหลังจากนั้นก็ไม่กล้าแตะต้องหลิงหยุนอีกเลย!
  และการที่หลิงหยุนตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะการตั้งด่านบนถนนวงแหวนที่ห้าของตระกูลเฉินในวันนี้นั่นเอง!
  การที่หลิงหยุนทำร้ายยอดฝีมือของตระกูลเฉินที่ด่านบนถนนวงแหวนที่ห้านั้นกล้องวงจรปิดคงจะบันทึกภาพไว้หมดแล้ว คงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องปิดบังอะไรอีก..
  อีกทั้งหลิงหยุนในวันนี้ก็ไม่ใช่หลิงหยุนที่ไร้ญาติขาดมิตรอีกแล้ว! ด้วยอำนาจอิทธิพลที่หนุนหลังเขาอยู่เวลานี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถทำอะไรได้โดยไม่ต้องรับโทษ..
  หลิงหยุนกระโดดกลับไปที่รถแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งพร้อมกับร้องสั่งถังเมิ่งว่า “ไปสนามบินปักกิ่ง..”
  “พี่หยุน..แล้วคนพวกนั้นล่ะ!” ถังเมิ่งถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า “ไม่ต้องทำอะไร.. ฉันสั่งให้พวกมันกับไปบอกเจ้านายของมันว่า.. หลิงหยุนแห่งจิงฉูได้เดินทางมาถึงปักกิ่งแล้ว!”
  ถังเมิ่งได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนก็ถึงกับใจสั่นแล้วรีบเหยีบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว..
  “ด้านหน้าเป็นถนนวงแหวนที่หก..ขับตรงไปเส้นนั้นน่าจะดีกว่า”
  ระหว่างที่รถแลนด์โรเวอร์เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วนั้นกงเสี่ยวลู่ที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ถึงกับหน้าซีดหน้าเซียว และหน้าตาตกอกตกใจ ส่วนเกาเฉินเฉินนั้นจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาประทับใจ..
  นี่มันคืออะไรงั้นหรือ!เวลานี้มุมมองต่อโลกใบนี้ของกงเสี่ยวลู่ได้เปลี่ยนไปในทันทีเช่นกัน!
  แต่ระหว่างที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีนั้นกงเสี่ยวลู่ก็นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องหลายเรื่องจนหัวสมองแทบระเบิด และระหว่างนั้นเกาเฉินเฉินก็โพล่งขึ้นมาว่า..
  “หลิงหยุน..ถ้าพวกมันตรวจสอบจากทะเบียนรถ ก็ต้องรู้แน่ว่านายเป็นใครมาจากใหน”
  เกาเฉินเฉินครุ่นคิดถึงปัญหาที่จะตามมาจึงรีบร้องเตือนหลิงหยุน..
  “ก็ไม่เป็นไรนี่..ผมเองก็เพิ่งจะบอกกับพวกมันไปว่าผมคือใคร”
  หลิงหยุนตอบอย่างไม่ใส่ใจและแอบส่งกระแสจิตบอกเกาเฉินเฉินว่า
  –ไม่อย่างนั้น..ผมคงจัดการฆ่าพวกมันไปหมดแล้ว!-
  “ถ้าอย่างนั้น..พวกมันก็ต้องสืบได้ว่านายกับฉันเป็นเพื่อนนักเรียนกัน!”
  “เรื่องนั้นผมเองก็คิดไว้อยู่แล้ว..แต่คุณไม่ต้องกังวลใจไป!”
  หลิงหยุนปลอบโยนเกาเฉินเฉินด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ในใจกลับคิดว่าตระกูลซันและตระกูลเฉินคงแทบจะทนรอที่จะจัดการกับเขาไม่ได้สินะ..
  รถแลนด์โรเวอร์ยังคงมุ่งหน้าไปตามถนนวงแหวนที่หกจากทิศใต้ขึ้นไปทางทิศเหนือ..
  “พี่หยุน..รับฉางหลิงเสร็จแล้วไปกินข้าวที่ใหนกันดี” ถังเมิ่งที่นั่งนิ่งอยู่นานร้องถามหลิงหยุน
  ระหว่างที่รอคำตอบจากหลิงหยุนอยู่นั้นเสียงของเกาเฉินเฉินก็ดังแทรกขึ้นมาทันที “นายนี่คิดแต่เรื่องกิน!”
  หลังจากที่บ่นถังเมิ่งไปแล้วเกาเฉินเฉินก็พูดต่อว่า “ไปกินเป็ดปักกิ่งกันดีกว่า! ฉันรู้จักร้านเล็กๆร้านหนึ่ง แต่เป็ดปักกิ่งอร่อยที่สุดในปักกิ่งเลยล่ะ!”
  “ฉางหลิงเคยบอกฉันบ่อยๆว่าอยากกิน..”
  ในปักกิ่งมีร้านอาหารชื่อกวนจื่อเป็ดปักกิ่งซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่งแต่ก็ไม่ใช่เป็ดปักกิ่งที่อยู่ตามโรงแรมหรือร้านอาหารหรูๆอย่างที่ทุกคนคุ้นเคย แต่เกาเฉินเฉินนั้นไม่ได้เลือกทานอาหารที่ความหรูหรา แต่เลือกที่รสชาติของอาหาร และฝีมือของพ่อครัว..
  หลิงหยุนได้แต่นึกขันในใจจึงแกล้งหันไปมองเกาเฉินเฉินพร้อมกับหยอกเย้าว่า “ผมว่าน่าจะเป็นคุณมากกว่าที่อยากกินซะเอง..”
  เกาเฉินเฉินถึงกับหน้าแดงก่ำพร้อมทำตาปริบๆ แล้วร้องบอกหลิงหยุนว่า “จะบ้าเหรอ! ฉันก็แค่อยากให้นายได้กินอาหารดีๆ ฉันน่ะรู้ใจนาย แต่นายกลับไม่เคยรู้ใจฉันเลย!”
  กงเสี่ยวลู่ได้ฟังก็รู้สึกราวกับกำลังนั่งทับเข็มแหลมและรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก..
  และนั่นคือความรู้สึกหึงหวง..
  “เอาล่ะ..เรื่องจะกินที่ใหนก็สรุปได้แล้ว! ส่วนเรื่องที่พักคุณอยากจะพักที่ใหนก็บอกถังเมิ่งจองให้ก็แล้วกัน!”
  หลิงหยุนเห็นเกาเฉินเฉินอารมณ์ดีและค่อยๆเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
  “เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วงหรอก..ฉันไม่ช่วยนายประหยัดเงินแน่!” เกาเฉินเฉินตอบยิ้มๆ
  12.40น. ณ ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง
  “โอ้โห..สนามบินที่นี่ใหญ่มาก ใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
  ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถหลิงหยุนก็หันไปมองรอบๆสนามบินด้วยความตกตะลึง และเสียงเครื่องบินขึ้นลงก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปหมด
  ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่งนั้นมีเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศมากมายหลายเที่ยวที่บินเข้าออกทุกวันนับไม่ถ้วน..
  ส่วนเกาเฉินเฉินก็จับมือกงเสี่ยวลู่ไว้อย่างสนิทสนม..
  ถังเมิ่งร้องตะโกนบอกหลิงหยุนว่า“พี่หยุน.. ไฟล์ทของฉางหลิงใกล้จะมาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
  เกาเฉินเฉินเดินจูงมือกงเสี่ยวลู่ไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อรู้ว่ากำลังจะได้เจอเพื่อนสนิทอย่างฉางหลิง..
  ทั้งสี่คนเดินเข้าในสนามบินและตรงไปยังประตูทางออกที่ฉางหลิงจะต้องเดินออกมา อีกยี่สิบห้านาทีต่อมา สนามบินก็ประกาศว่าไฟลท์ของฉางหลิงกำลังจะลงจอดแล้ว
  “นั่นไง..ฉางหลิงเดินออกมานั่นแล้ว!” เกาเฉินเฉินร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจพร้อมกับโบกไม้โบกมือไปทางฝูงชนด้านหน้า
  กงเสี่ยวลู่หันไปมองและพบว่าข้างๆฉางหลิงนั้นมีหญิงสาวหน้าตาสวยเดินเคียงคู่มาด้วย..ซึ่งก็คือเหลียงเฟิงอี้!