ตอนที่ 675 เกลียดชัง
อันหลิงเกอครุ่นคิดไปแล้วใบหน้าก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ตอนนี้ใจของนางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เมื่อได้พบอิ่งจือแล้วทุกสิ่งจึงทะลักออกมา
“อันหลิงเกอ…” อิ่งจือดึงนางเข้ามากอดพร้อมลูบที่แผ่นหลังของนางเบา ๆ พยายามปลอบโยนและทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้น
จู่ ๆ เขาก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา หากนางเป็นของเขาก็จะมิทำให้นางเสียใจเช่นนี้แน่
แต่อันหลิงเกอหาได้ล่วงรู้ความคิดของอิ่งจือไม่ ยามที่เห็นนางเสียใจเช่นนี้ อิ่งจือหวังเหลือเกินว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนางจะเป็นเขาเอง
อันหลิงเกอมิรู้ว่าร้องไห้มานานเท่าไรแล้ว นางเข้าไปดูบุตรที่อยู่ในห้องลับของอิ่งจือ นางจ้องมองทารกที่กำลังหลับใหล แต่ใบหน้าของเด็กน้อยไร้ซึ่งเลือดฝาด
ทำให้นางอดนึกถึงบุตรคนอื่นมิได้ เดิมทีบุตรคนนี้ควรได้เติบโตขึ้นมาเหมือนท่านพี่ของเขาและได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เขาต้องมานอนหลับและมิรู้ว่าจะได้ตื่นขึ้นมาเมื่อไร
น้ำตาของอันหลิงเกอหยดลงใบหน้าของลูกน้อย นางหวังเหลือเกินว่าจักมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแต่ก็หามีไม่ บุตรของนางยังคงหลับใหลอยู่เช่นนั้น ส่วนนางก็ยังคงร้องไห้มิหยุด
อิ่งจือมองนางอย่างรู้สึกสงสารจับใจ เด็กคนนี้มิรู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะตื่นขึ้นมา เขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะตน แต่ก็มิกล้าที่จะสารภาพความจริงออกมา คำสารภาพของเขามีแต่จะทำให้นางเสียใจกว่าเดิม
แม้เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ ทว่าเขาก็ยังรู้สึกผิดต่อนาง เขามิเคยคิดว่าจะทำให้เด็กคนนี้ต้องมารับเคราะห์ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มิว่าอย่างไรก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้
อิ่งจือสวมกอดอันหลิงเกอไว้จากทางด้านหลัง ตอนนี้ร่างกายของนางหนาวเย็นจนชาไปหมดเพราะกอดโลงน้ำแข็งของบุตรไว้แนบอก ส่วนหัวใจของนางตอนนี้อิ่งจือก็มิรับรู้ถึงความอบอุ่นเช่นกัน
“อิ่งจือ ช่วยพาข้าไปจากที่นี่ได้หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถาม นางอยากพาบุตรไปจากที่นี่และคนที่จะช่วยนางได้มีเพียงอิ่งจือเท่านั้น
ตอนนี้อิ่งจือลังเลเพราะหากพานางไปจากที่นี่ นางก็จะได้เป็นสตรีของเขา ทว่าทุกสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็จะไร้ค่าและเขายอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้
อันหลิงเกอรู้สึกได้ถึงความลังเลของเขา นางรู้ว่าเขาก็มีเรื่องที่ต้องทำและนางจึงมิโทษเขา อย่างไรตอนนี้นางก็มิอาจตัดใจไปจากที่นี่ได้จริงตามที่พูดหรอก
แม้ในจวนอ๋องเต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้าย ทว่าขอเพียงมู่จวินฮานอยู่ที่นี่ด้วยกัน นางก็มิอาจตัดใจจากเขาไปได้อีก
นางเคยคิดว่าหากตนสูญเสียความทรงจำเช่นมู่จวินฮานในอดีตอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงนางก็ทนมิไหว สำหรับนางแล้ว ความสุขที่เคยมีล้วนถูกเก็บไว้ในความทรงจำ หากความทรงจำเหล่านี้มลายหายไปจริง เรื่องราวระหว่างนางกับมู่จวินฮานก็คงเหลือเพียงความว่างเปล่า
ยิ่งคิดอันหลิงเกอก็ยิ่งร้องไห้ นางร้องจนหมดแรงก่อนจะหลับคาอกของอิ่งจือ เขาจึงอุ้มนางขึ้นมา ครั้งนี้เขามิได้พานางไปส่งที่สวนสมุนไพร แต่พานางไปส่งที่เรือนฝูหลิงแทน
เพราะเขามิอยากให้นางได้รับบาดเจ็บอีกและมิอยากทำร้ายนางแล้ว ไม่ว่านางจะเลือกเช่นไร เขาก็จะมิขอเป็นคนที่ทำร้ายนางอีก
ตอนนี้มู่จวินฮานออกตามหาอันหลิงเกอไปทั่ว เขาถึงขั้นไปถามอิ่งจือ แต่อีกฝ่ายมิบอกอันใดทั้งสิ้น เพราะรู้ว่าอันหลิงเกอคงมิอยากพบหน้ามู่จวินฮาน สิ่งที่นางต้องการคือได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่เพราะที่ผ่านมานางเหนื่อยเกินไปแล้ว
อันหลิงเกอนอนหลับยาวจนเช้าวันถัดไป ส่วนมู่จวินฮานยังคงตามหาอันหลิงเกอไปทั่ว เขาคาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจะกลับมานอนอยู่ที่เรือนฝูหลิง
ดังนั้นมิว่าตามหานางเยี่ยงไรก็ไม่พบ จนกระทั่งอันหลิงเกอกลับมาที่สวนสมุนไพรอีกครั้ง
นางรู้ว่าที่อิ่งจือมิได้พามาส่งที่สวนเพราะมิอยากให้นางถูกมู่จวินฮานรบกวน
เมื่อวานนางต้องการพักผ่อนอย่างสงบ หากกลับมาที่สวนสมุนไพรพร้อมจิตใจว้าวุ่นเช่นนั้น นางจะหลับอย่างสนิทได้เยี่ยงไร
มู่จวินฮานนั่งรออันหลิงเกออยู่ที่สวนสมุนไพรจนฟ้าสาง เมื่อเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาด้วยท่าทางมิรีบร้อน เขาก็อดดีใจมิได้ จากนั้นก็รีบเดินไปหานางและกุมไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้เพื่อดึงมากอดแนบอก
อันหลิงเกอขัดขืนอยู่ในอ้อมกอดของมู่จวินฮานเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขามิคิดจะปล่อยจึงได้หยุด
นางจ้องมองไปด้านหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า มิได้รู้สึกอันใดต่ออ้อมกอดของมู่จวินฮานตอนนี้เลย
“เกอเอ๋อ เจ้าฟังข้าอธิบายก่อนเถิด” มู่จวินฮานเห็นใบหน้าที่อ่อนล้าของอันหลิงเกอจึงได้ประคองใบหน้าของนางให้มองมาที่ตน
“ข้ารู้ว่าเจ้าแค้นเฝิงเยว่เอ๋อ ข้ารู้ว่านางทำเรื่องที่มิควรมากมาย” มู่จวินฮานยังกล่าวมิทันจบ อันหลิงเกอก็ยิ้มเยาะก่อนจะพูดแทรกทันที
“เรื่องมิควรหรือ ? หากแค่นั้นท่านคิดว่าข้าจักทำให้เป็นเรื่องใหญ่หรือไร ? ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ราวกับเม่นที่เต็มไปด้วยหนาม มิว่าเยี่ยงไรมู่จวินฮานก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
“ข้ารู้ เกอเอ๋อ ข้ารู้ เจ้าฟังข้านะ” มู่จวินฮานตบที่บ่าของอันหลิงเกอเบา ๆ จากนั้นจึงกล่าวต่อ “แม้นางทำเรื่องพวกนั้นแต่เรื่องของบุตรในครั้งนี้ นางมิได้ทำอย่างแน่นอน”
พอมู่จวินฮานกล่าวออกมาอย่างมั่นใจก็ยิ่งทำให้อันหลิงเกอรู้สึกแค้นเฝิงเยว่เอ๋อมากขึ้นอีก นางรู้สึกผิดหวังต่อความใจอ่อนของมู่จวินฮานยิ่งนัก
เดิมทีนางคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุตร เขาคงจะมิใจอ่อนอีก แต่คาดมิถึงว่าเขาก็ยังอ่อนข้อให้เฝิงเยว่เอ๋ออยู่ดี
ดังนั้นอันหลิงเกอจึงมิอยู่ฟังที่เขาพูดอีก นางเดินเข้าไปในห้องและขณะที่มู่จวินฮานเตรียมก้าวตามเข้ามา อันหลิงเกอก็ปิดประตูใส่หน้าเขาทันที
มู่จวินฮานถูกอันหลิงเกอปิดประตูใส่เช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง เขารู้ว่าได้ทำผิดต่อนางอีกแล้ว
แต่เขาก็มิอาจทนมองเฝิงเยว่เอ๋อตายได้เช่นกัน เขารู้ว่าหากอ่อนข้อให้อันหลิงเกอตอนนี้ นางต้องไปทำร้ายเฝิงเยว่เอ๋ออีกแน่นอน
ถึงอย่างไรเฝิงเยว่เอ๋อก็คือผู้มีพระคุณของเขา !
แต่มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าหัวใจของอันหลิงเกอมิได้เปิดไว้เพื่อเขาตลอดเวลาหรอก บัดนี้อันหลิงเกอปิดประตูหัวใจลงแล้ว เหมือนกับประตูที่กั้นกลางระหว่างทั้งสองตอนนี้
เขาคิดเพียงว่ามิสามารถมองเฝิงเยว่เอ๋อตายไปได้ แต่ความรู้สึกของอันหลิงเกอนั้นเขากลับมิได้สนใจ เขาคงมิรู้ว่าหากสตรีตัดใจได้จริงแล้วมักใจแข็งกว่าบุรุษมากนัก
ยิ่งเป็นสตรีเยี่ยงอันหลิงเกอด้วยแล้วจึงแน่วแน่ยิ่งนัก จนถึงตอนนี้นางรู้จักมู่จวินฮานมานานนับสิบปีและนางย่อมรู้นิสัยของเขาดี
ผู้ที่เข้าใจเขาเช่นนี้จักมิรู้ความคิดของเขาได้เยี่ยงไร
ทว่าตอนนี้มู่จวินฮานคาดเดาความคิดของอันหลิงเกอมิออกเลย นั่นเป็นเพราะหัวใจของอันหลิงเกอมิได้เปิดให้เขาเข้าไปอีกแล้วนั่นเอง
เดิมทีอันหลิงเกอก็เป็นคนเย็นชาอยู่แล้ว ตอนนี้นางถูกเขาทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องพบความเจ็บปวดมาเนิ่นนาน บัดนี้นางจึงเย็นชามากขึ้นราวกับน้ำแข็งก็มิปาน ไร้ความอบอุ่นหลงเหลือแม้แต่น้อย
ในเมื่อมู่จวินฮานยอมใจอ่อนและยกโทษให้เฝิงเยว่เอ๋อก็เท่ากับเป็นการหักหลังอันหลิงเกอ แล้วทำร้ายหัวใจของนางครั้งแล้วครั้งเล่า นางจึงมิอาจลืมได้ลงและมิอาจให้อภัยเขาได้