ตอนที่ 676 นางมิได้ทำ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 676 นางมิได้ทำ

แค่ช่วงเวลาเพียงมินานที่อันหลิงเกอไปเยี่ยมบุตร มู่จวินฮานกลับละเว้นโทษให้เฝิงเยว่เอ๋อโดยมิลังเล ไม่รู้ว่าหากอันหลิงเกอยังอยู่แล้วเขาจะยังทำเช่นนั้นหรือไม่ แต่หลังจากที่อันหลิงเกอออกไปแล้ว เขารู้สึกสงสารเฝิงเยว่เอ๋อมากจริง ๆ

ตอนนี้อันหลิงเกอมิได้สนใจมู่จวินฮานอีก เขาจึงทำได้เพียงเดินจากไปเงียบ ๆ หากยังอยู่ที่นี่ต่ออาจจะยิ่งทำให้อันหลิงเกอหงุดหงิดกว่าเดิม เขารู้ดีว่าหากนางโมโหแล้วมิว่าผู้ใดก็หาได้สนใจอีก

แต่มู่จวินฮานก็มิได้ไปที่เรือนของเฝิงเยว่เอ๋อ เพราะเขาไปที่ถ้ำน้ำแข็งของอิ่งจือแทน ตอนนี้เขามิได้รู้สึกถึงภัยคุกคามของอิ่งจือเช่นอดีตอีก ทว่ารู้สึกเห็นอกเห็นใจมากกว่า

พวกเขาสนทนากันและพอได้ยินที่อิ่งจือเล่าเรื่องราวของตนออกมาแล้ว มู่จวินฮานก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและความโศกเศร้าในใจของบุรุษผู้นี้

เมื่อก่อนตอนทุกข์ใจ มู่จวินฮานมิเคยคิดมาหาอิ่งจือเลย แต่เวลานี้เขาไร้คนสนิทที่จะสามารถคุยด้วยได้ บุรุษผู้นี้ดูจะเหมาะสมที่สุดแล้ว

ส่วนอิ่งจือเมื่อได้ฟังเหตุผลของการมาที่นี่ของมู่จวินฮานก็รู้สึกเอือมระอาและรู้สึกสมเพชยิ่งนัก มิว่าจะเป็นอันหลิงเกอหรือมู่จวินฮานต่างก็เห็นอิ่งจือเป็นเพียงที่ระบายเท่านั้น มิได้รับรู้ความทุกข์ภายในใจของเขาเลย

มู่จวินฮานเล่าเรื่องที่ผ่านมาช่วงนี้ให้อิ่งจือฟัง และวันนี้เขานำสุรามาด้วยหนึ่งไห ทว่ายามนี้มีเพียงเขานั่งดื่มอยู่ผู้เดียวเพราะอิ่งจือมิชอบดื่มสุราซึ่งมู่จวินฮานเองก็มิได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด

เดิมทีอิ่งจือได้ยินเรื่องเหล่านี้จากปากของอันหลิงเกอแล้ว บัดนี้เมื่อได้ยินมู่จวินฮานกล่าวถึงอีกก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก เรื่องนี้เป็นเพราะมู่จวินฮานที่ใจอ่อนเกินไปก็สมควรได้รับแล้ว

มู่จวินฮานก็เห็นสายตาที่แฝงไว้ด้วยการตำหนิของอิ่งจือจึงมิได้แปลกใจ เพราะรู้ว่าอิ่งจือและอันหลิงเกอมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ตอนนี้อิ่งจือจะมิพอใจตนก็เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเขามิได้รู้สึกหึงหวงแต่รู้สึกดีใจแทนอันหลิงเกอที่ยังมีคนคอยเป็นห่วง อย่างน้อยนางก็จะมิเศร้ามากนัก

สีหน้าของมู่จวินฮานแสดงถึงความโล่งใจเล็กน้อย แต่ในสายตาของอิ่งจือมันช่างน่าขันยิ่งนัก เพราะความเจ็บปวดทั้งหมดของอันหลิงเกอก็เป็นเพราะเขา แต่เขาหาได้ทำสิ่งใดเพื่อนางไม่

“หากข้าเป็นท่าน ข้าจะจัดการเฝิงเยว่เอ๋อเดี๋ยวนี้” อิ่งจือส่งเสียง หึ ออกมาอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะกล่าวกับมู่จวินฮานตามตรง เพราะภายในใจรู้สึกสงสารอันหลิงเกอมาก หากเป็นตนก็ไม่มีวันปล่อยให้นางทนทุกข์เป็นอันขาด

พอมู่จวินฮานได้ฟังเยี่ยงนั้นก็เม้มปากแน่นโดยมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขารู้ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตน แต่ก็มิอาจใจร้ายทนเห็นเฝิงเยว่เอ๋อตายไปเช่นนั้นได้ อีกอย่างสำหรับเขาแล้ว เฝิงเยว่เอ๋อถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเอาไว้

และสีหน้าของมู่จวินฮานล้วนอยู่ในสายตาของอิ่งจือจนอดที่จะดูแคลนมิได้ บุรุษที่มีจิตใจโลเลเช่นนี้จักให้ความสุขแก่นางได้เยี่ยงไร

บัดนี้อิ่งจือมิรู้ว่าควรกล่าวสิ่งใดอีก เขารับจอกสุราในมือของมู่จวินฮานมา ก่อนจะยกขึ้นดื่มหนึ่งอึก นี่ถือเป็นหนึ่งในจำนวนมิกี่ครั้งที่อิ่งจือดื่มสุรา พอลิ้นรับรู้รสชาติของสุราก็ทำให้เขาขมวดคิ้วแต่สุดท้ายก็กลืนมันลงคอ

เวลาผ่านไปจอกแล้วจอกเล่าที่ดื่มลงไปทำให้อิ่งจือผู้มิชอบดื่มสุรามีใบหน้าแดงก่ำ เขามองมู่จวินฮานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะชี้นิ้วไปที่อีกฝ่าย

“มู่จวินฮาน ท่านทำผิดต่ออันหลิงเกอ ! ” น้ำเสียงของอิ่งจือสั่นเครือเล็กน้อย มิรู้ว่ากำลังเสียใจหรือโมโหกันแน่น มู่จวินฮานมิได้ดื่มสุราอีกจึงมองอิ่งจือที่ดวงตากำลังพร่ามัวและรู้ว่าอีกฝ่ายมิใช่คนคอแข็ง

“อืม…” มู่จวินฮานรับคำเบา ๆ มิได้ตอบโต้อันใด

แค่ยกจอกสุราในมือขึ้นดื่มหมดจอก อิ่งจือก็มิได้กล่าวอันใดออกมาเช่นกัน เขาเพียงแค่ยกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า

“นาง…เป็นของข้า” อิ่งจือหลุดพูดความในใจออกมาพร้อมแววตาที่ฉายชัดถึงความเจ็บปวด

“อิ่งจือ” มู่จวินฮานกดเสียงต่ำ ตอนนี้มีเพียงเสียงของเขาที่ดังก้องอยู่ในถ้ำน้ำแข็งเพียงผู้เดียว นอกนั้นก็เป็นเสียงหายใจหนัก ๆ ของอิ่งจือ

เพราะอิ่งจือได้เมาจนหลับไปแล้ว เขามิรู้ว่าเมื่อครู่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไปเนื่องจากไม่มีสติมากพอ แค่คิดสิ่งใดก็กล่าวสิ่งนั้น

มู่จวินฮานมองไหสุราที่ว่างเปล่าและหันไปมองอิ่งจือที่สลบไสล เขาส่ายหน้าไปมาแล้วเดินจากไป แม้หันหลังเดินออกมาก็ยังได้ยินเสียงลมหายใจของอิ่งจือดังอยู่ด้านหลัง แต่คำพูดเมื่อครู่ของอิ่งจือนั้นยังดังก้องอยู่ในหูของเขา

เวลานี้อันหลิงเกอหลับไปแล้ว หลายวันมานี้นางยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่ นางคิดว่าเป็นเพราะเพิ่งคลอดบุตรร่างกายจึงยังมิแข็งแรงและยังฝันร้ายจนมีเหงื่อไหลอาบกาย แต่มิสามารถตื่นจากฝันร้ายนั้นได้

วันรุ่งขึ้น เมื่ออันหลิงเกอตื่นแล้วก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝันไม่ได้ นางจำได้เพียงเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนราวกับกำลังหนีอันใดบางอย่างอยู่

มินานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น อันหลิงเกอเลิกผ้าห่มออกด้วยท่าทีอ่อนเพลียก่อนจะลุกขึ้นยืนและเห็นเงาที่อยู่ด้านนอกมีรูปร่างสูงใหญ่ เป็นมู่จวินฮานหรือ ?

หลังจากที่นางดึงกลอนประตูออก คนที่อยู่ด้านนอกก็ผลักประตูและก้าวเข้ามาทันที เขามิใช่มู่จวินฮานและมิใช่อิ่งจือ แต่เป็นเฝิงเซียวพี่ชายของเฝิงเยว่เอ๋อ

ตอนนี้เฝิงเซียวอยู่ในชุดสีขาว ผมถูกรวบตึงขึ้นและเสียบด้วยปิ่นหยกช่างดูสะอาดตายิ่งนัก บุรุษเช่นนี้ให้ความรู้สึกยากที่จะรับมือ ท่าทางคุกคามของเขาในสายตาของอันหลิงเกอราวกับต้องการจะมาหาเรื่องอย่างไรอย่างนั้น

“ท่านอ๋องให้ข้ามาตรวจชีพจรของท่าน” เฝิงเซียวมิได้กล่าวอันใดมากความ เขาวางกล่องยาลงแล้วนั่งบนเก้าอี้

ตอนที่อันหลิงเกอยังมิทันได้สติ เขาก็ฉวยข้อมือของนางทันทีทำให้อันหลิงเกอที่ยืนไม่มั่นคงล้มลงนั่งที่เก้าอี้พอดี

อันหลิงเกอก็มองเขาอย่างโมโห แต่เขาทำราวมิได้รู้สึกรู้สาแต่อย่างใดและยังคงตรวจชีพจรให้นางต่อ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วมุ่นและเม้มปากแน่น มิรู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่

“หลายวันมานี้ท่านง่วงนอนตลอดเวลาใช่หรือไม่ ? ” นี่เป็นเรื่องที่มู่จวินฮานบอกไว้และเขาจึงหันไปถามอันหลิงเกอซึ่งนางก็พยักหน้าเบา ๆ เพื่อรอเขาตรวจชีพจรให้

หากบุรุษผู้นี้สามารถรักษาใบหน้าของเฝิงเยว่เอ๋อได้ก็แสดงว่าฝีมือย่อมเก่งกาจมิน้อย อันหลิงเกอรอให้เขาเอ่ยปาก แต่เฝิงเซียวกลับเม้มปากแน่นโดยมิยอมเอ่ยอันใดออกมา

ในเมื่อเขาเป็นคนที่มู่จวินฮานกล้าส่งมารักษานางเช่นนี้ อันหลิงเกอจึงมิได้กังวลมากนัก

ขณะนั้นเองอันหลิงเกอได้เหลือบไปเห็นชายเสื้อสีดำของคนผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาจากทางประตู คนผู้นั้นต้องเป็นมู่จวินฮานอย่างแน่นอน แต่อันหลิงเกอมิได้เอ่ยสิ่งใดและมิได้หันไปมองที่ประตูอีก นางเพียงรอเฝิงเซียวตรวจอาการให้เท่านั้น

“พระชายา ช่วงนี้ต่อให้นอนมากเพียงใดก็ยังรู้สึกเพลียใช่หรือไม่ ? ” เฝิงเซียวเอ่ยออกมาคล้ายกับมั่นใจในบางอย่าง อันหลิงเกอพยักหน้าอีกครั้ง ยิ่งเป็นการยืนยันในสิ่งที่เขาคิดไว้เป็นอย่างดี

“เกรงว่าพระชายา…เป็นเช่นนี้เพราะสูญเสียกำลังภายใน” ทันทีที่เฝิงเซียวกล่าวออกมา อันหลิงเกอและมู่จวินฮานต่างก็ตกตะลึง

อันหลิงเกอมิรู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาและนึกสงสัยว่าเหตุใดถึงได้สูญเสียกำลังภายในได้ ? หลายวันมานี้นางรู้สึกอ่อนเพลียมากจริง ๆ แต่มิเคยคิดมาก่อนว่าเป็นเพราะร่างกายมีปัญหาเช่นนี้