ตอนที่ 677 เขาเป็นคนทำ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 677 เขาเป็นคนทำ

ตลอดเวลาที่ผ่านมานางคิดว่าเป็นเพราะเพิ่งคลอดบุตรจึงทำให้อ่อนแอเช่นนี้ แต่คำพูดของเฝิงเซียวก็ไม่เหมือนการโกหก แล้วอาการของนางเกิดจากเหตุใดกันแน่ เมื่อเกิดความสงสัยอันหลิงเกอจึงหันไปมองเฝิงเซียวอย่างขอความช่วยเหลือ หวังว่าเขาจะสามารถอธิบายสิ่งนี้ได้

เฝิงเซียวรับรู้ได้ถึงสายตาของอันหลิงเกอ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ เขาเองก็มิรู้ว่าควรจะอธิบายให้นางฟังเช่นไร

ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมา เวลาเช่นนี้ยิ่งทำให้คนที่กำลังรอคอยคำตอบเยี่ยงอันหลิงเกอมิอาจทนได้ แต่ทันใดนั้นเฝิงเซียวก็เอ่ยราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

“ช่วงนี้พระชายาได้เปลี่ยนที่อยู่หรือไม่ ! ”

ทันทีที่เฝิงเซียวถามประโยคนี้ออกมา อันหลิงเกอและมู่จวินฮานถึงขั้นตกตะลึงเพราะนางย้ายมาอยู่ที่สวนสมุนไพรแห่งนี้ได้ครึ่งปีแล้ว เมื่อไตร่ตรองก็พบว่านางเริ่มอ่อนแอตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่จริง

“ข้าย้ายมาอยู่ที่สวนสมุนไพรแห่งนี้ได้ครึ่งปีแล้ว” อันหลิงเกอเอ่ยตามความจริงเพราะนางเองก็เคยคิดว่าต้องมีอันใดบางอย่างเกี่ยวข้องกับสวนสมุนไพรแห่งนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงตอบเขาไปตามตรง

“เช่นนั้นอาการของพระชายาก็เกิดต่อเนื่องมาครึ่งปีแล้วใช่หรือไม่ ? ”

เฝิงเซียวถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าของเขาดูจริงจังมากและเอ่ยถามอันหลิงเกอพร้อมรอคอยคำตอบ

“เจ้ามาวันนี้เพื่อแก้ต่างให้เฝิงเยว่เอ๋อใช่หรือไม่ ? ”

อันหลิงเกอเห็นเขาร้อนรนเช่นนี้ก็คิดขึ้นมาได้ว่าการที่มู่จวินฮานส่งเขามาก็เพราะต้องการล้างมลทินให้เฝิงเยว่เอ๋อ

“นี่…” เฝิงเซียวมองไปยังมู่จวินฮานที่ยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นมู่จวินฮานก็พยักหน้าให้เขาใจเย็น

“ช่างเถิด เช่นนั้นจงบอกมาว่าอาการที่ข้าเป็นอยู่นี้เกี่ยวข้องกับการย้ายที่อยู่หรือไม่ ? ”

ใช่ว่าอันหลิงเกอมิเชื่อเขา เพียงแต่เขามิได้ให้เหตุผลที่ดีมา อันหลิงเกอจึงมิรู้ว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่

“มีหนอนพิษกู่ชนิดหนึ่งที่จะถูกเลี้ยงไว้ในสวนสมุนไพรซึ่งหนอนพิษกู่ชนิดนี้เป็นหนอนตัวลูก เมื่อเติบโตขึ้นก็จะคอยดูดซับกำลังภายในของคนที่อยู่ในสวน จากนั้นก็จะส่งกำลังภายในที่ได้ไปให้หนอนพิษกู่ตัวแม่” เฝิงเซียวเอ่ยอย่างระมัดระวังถ้อยคำคล้ายต้องการหยั่งเชิงอันหลิงเกอก่อน

อันหลิงเกอพยักหน้า ใช่แล้ว นางก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน

“เจ้าหมายความว่ามีคนใช้วิธีนี้ทำร้ายนางหรือ ? ” มู่จวินฮานที่ได้ยินก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที เฝิงเซียวจึงหันไปพยักหน้าให้

ส่วนอันหลิงเกอก็ครุ่นคิดว่าสวนแห่งนี้อิ่งจือเป็นคนสร้างให้นาง เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ บุตรของนางต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะการมาอยู่ที่นี่ด้วยหรือ ?

“จักพิสูจน์ได้เยี่ยงไร ? ” อันหลิงเกอถามต่อ ใช่ว่านางมิเชื่อใจเฝิงเซียว เพียงแต่ตอนนี้นางก็มีเรื่องสงสัยเต็มไปหมด

ผู้ใด ใช้เวลาและโอกาสใดจึงทำเช่นนี้กับเรือนของนางได้

“พระชายาโปรดรอสักครู่” ตอนนั้นเฝิงเซียวก็หยิบดอกไม้ดอกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ความพิเศษของดอกไม้ชนิดนี้แม้ถูกเด็ดมาจากต้นแล้วก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นนั้น

“ดอกไม้นี้สามารถดึงดูดหนอนพิษกู่ได้” เมื่อกล่าวจบเฝิงเซียวก็ถือดอกไม้เอาไว้ จากนั้นก็เดินไปรอบสวนและเมื่อเขาเดินกลับมาก็พบว่าบนดอกไม้ปรากฏหนอนพิษกู่ตัวเล็กยั้วเยี้ยเต็มไปหมด

ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของเฝิงเซียวก็ดูเป็นกังวลมาก เขาจึงรีบดึงข้อมือของมู่จวินฮานขึ้นมาเพื่อตรวจชีพจรทันที มิได้สนใจว่าจะเสียมารยาทแต่อย่างใด

มู่จวินฮานเห็นเขาร้อนรนและเป็นกังวลเพียงนี้จึงมิได้สะบัดมือออก ยินยอมให้เขาตรวจชีพจรแต่โดยดี ตอนนี้สีหน้าของเฝิงเซียวกังวลมากจนคิ้วขมวดกว่าเดิม

“ท่านอ๋อง เกรงว่า…แม้แต่ท่านก็ถูกทำร้ายด้วยขอรับ” หลังกล่าวจบเฝิงเซียวก็ปล่อยมือออกและถอยหลังไปสองก้าว

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็พิสูจน์ได้ว่าเฝิงเยว่เอ๋อบริสุทธิ์ แต่เฝิงเซียวกลับมิได้รู้สึกสบายใจเพราะคิ้วของเขายังขมวดมุ่นอยู่เยี่ยงนั้น

เขาเหลือบสายตามองไปยังอันหลิงเกอและมู่จวินฮาน รู้สึกราวกับมีหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ภายในใจจนหายใจมิออก

เมื่อมีคนกล้าทำเช่นนี้ก็จักทำให้ทุกคนในจวนตกอยู่ในอันตราย

“หนอนพิษกู่บนดอกไม้มีเยอะมาก แสดงว่าที่นี่ยังมีหนอนพิษกู่อาศัยอีกมาก”

เมื่อฟังจบ ภายในใจของอันหลิงเกอก็ปรากฏภาพของคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที

อิ่งจือ

คิดได้เช่นนี้ร่างกายของนางก็อดสั่นเทาขึ้นมามิได้ หากเป็นอิ่งจือจริง เช่นนั้นคนที่ทำให้บุตรของนางต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็คือเขา

อันหลิงเกอนึกถึงความฝันในคืนนั้นขึ้นมา เงาของคนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนเป็นอิ่งจือ !

อันหลิงเกอรู้สึกใจสั่นอย่างห้ามมิอยู่ แต่ใบหน้าของนางหาได้บ่งบอกอารมณ์ใดไม่ นางบอกให้พวกเขาออกไปก่อนเพราะต้องการพักผ่อน

หลังมู่จวินฮานออกไปแล้ว อันหลิงเกอก็มาหาอิ่งจือเพียงลำพัง ตอนนี้อิ่งจือพึ่งจะสร่างเมา ดวงตาจึงยังพร่ามัวอยู่ เขามองนางอยู่อย่างนั้นโดยมิได้กล่าวอันใดออกมา

อันหลิงเกอก็มิได้พูดออกมาเช่นกัน ทว่านางพุ่งตัวเข้าไปหาอิ่งจือและลงมือทันที แต่นางยังมิได้ใช้กระบวนท่าขั้นสูงทำให้การโจมตีครั้งนี้มิได้รุนแรงนัก ราวกับต้องการที่จะหยั่งเชิงก่อนเท่านั้น แต่อิ่งจือเพิ่งสร่างเมาจึงยังมิทันเตรียมตัวและทำได้เพียงตั้งรับการจู่โจมของนางไว้เท่านั้น

ระหว่างที่ใช้กำลังต้านกันอยู่นั้นอันหลิงเกอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากำลังภายในของอิ่งจือแข็งแกร่งมาก นางจึงหยุดการโจมตีและถอยไปยืนที่ปากถ้ำ สายตาที่มองอิ่งจือเต็มไปด้วยคำถาม

อิ่งจือก็รู้แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น เขามองฝ่ามือทั้งสองข้างแล้วรู้ได้ว่าเมื่อครู่อันหลิงเกอหยั่งเชิง และนางคงรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาแล้ว

“เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้ ? ” น้ำเสียงเย็นชาของอันหลิงเกอเอ่ยออกมา น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความห่างเหินพลางจ้องมองอิ่งจือด้วยสีหน้าเรียบเฉย

อิ่งจือถูกสายตาของนางจ้องมองเช่นนี้ก็ทำตัวมิถูก การโดนคนที่รู้สึกดีด้วยเอ่ยถามเช่นนี้ เขาเองก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

“อันหลิงเกอ” อิ่งจือเรียกชื่อนางเบา ๆ แต่อันหลิงเกอหาได้สนใจไม่ นางยังมองเขาอย่างต้องการคำตอบ

“ข้าต้องการเอาชนะมู่จวินฮานและยึดครองต้าโจว ! ” อิ่งจือเห็นท่าทีเฉยชาของอันหลิงเกอก็รู้สึกสะเทือนใจมากจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ แต่ในสายตาของอันหลิงเกอเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

“การได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ทำให้เจ้ามิสนใจสิ่งใดเลยหรือ ? ” อันหลิงเกอถอนหายใจออกมาแล้วก้มหน้าลง

นางมองฟางหลิงซู่ที่อยู่ในโลงน้ำแข็ง มองบุตรของนางที่ล้วนตกเป็นเหยื่อของการแก่งแย่ง

จากนั้นอันหลิงเกอก็เงยหน้าขึ้นแล้วลงมือโจมตีอิ่งจืออีกครั้งอย่างรุนแรง นางสามารถอดทนต่อการสูญเสียทั้งหมดได้ แต่ต้องมิใช่กับบุตรของนาง วันนี้ได้รู้ตัวการที่ทำร้ายบุตรแล้ว นางมิอาจให้อภัยได้ !

“อันหลิงเกอ ! ” อิ่งจือส่งเสียงเรียกออกมา ตอนนี้เขาแค่หลบหลีกการจู่โจมของนางเท่านั้นโดยมิได้ตอบโต้

ทว่าการโจมตีของอันหลิงเกอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนอิ่งจือเริ่มต้านรับมิไหว

ตอนนั้นอิ่งจือได้เริ่มตอบโต้เช่นกัน เดิมทีเขาก็มิอยากทำร้ายอันหลิงเกอแต่เมื่อเห็นว่านางมิคิดยั้งมือ ภายในใจของเขาก็เกิดความโกรธขึ้นมา

ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็ตวัดกระบี่ใส่อิ่งจือ เวลานี้นางต้องการแก้แค้นให้ตนเองและบุตร !

หากอิ่งจือมิใช้กำลังภายในทั้งหมดในการรับมือกับนางก็เกรงว่าเขาคงมิรอดเช่นกัน ในตอนนั้นอิ่งจือก็ขบกรามแน่น ก่อนจะหลับตาลงพร้อมระเบิดกำลังภายในทั้งหมดออกมา…

จากนั้นร่างบอบบางของอันหลิงเกอก็นอนจมกองเลือด อิ่งจือเห็นเยี่ยงนั้นก็ก้มมองฝ่ามือทั้งสองข้างของตนแล้วก้าวไปหานางด้วยความสั่นเทา

“อันหลิงเกอ อันหลิงเกอ ! ” อิ่งจือร้องเรียกอันหลิงเกอเสียงดังลั่นพร้อมเข้าไปกอดนางไว้ เขามองนางอย่างมิเชื่อสายตา เขามิได้ต้องการทำร้ายนาง ทว่าลมหายใจแผ่วเบาของนางก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าตนลงมือไปแล้ว