ตอนที่ 678 บาดเจ็บสาหัส

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 678 บาดเจ็บสาหัส

“อิ่งจือ” น้ำเสียงของอันหลิงเกอยังคงเย็นชาแต่แผ่วเบายิ่งนัก นางมองอิ่งจือด้วยแววตาที่เลื่อนลอย ตอนนี้นางรับรู้ได้ถึงความคิดของตนชัดเจนมากกว่าตอนไหน

ตอนนี้อิ่งจือสั่นเทาไปทั้งกาย จากนั้นน้ำอุ่น ๆ ก็ไหลลงมาจากหางตาแล้วหยดลงใบหน้าของอันหลิงเกอ ความเจ็บปวดนี้ทำให้อิ่งจือกรีดร้องเสียงดังลั่น

เขารู้สึกว่าสิ่งที่ต้องสูญเสียมิใช่แค่สหายดีที่สุดแต่ยังรวมถึงสตรีอันเป็นที่รักด้วย ความเจ็บปวดที่บีบรัดอยู่ตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ

อิ่งจืออุ้มอันหลิงเกอขึ้นมาแล้ววางนางลงในโลงน้ำแข็งที่อยู่ด้านในสุดของถ้ำพร้อมเปิดฝาโลงเอาไว้ ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างนางเพราะตอนนี้อยากมีนางอยู่ข้างกายสักพัก ไม่อยากแยกจากนางเลย

แล้วเขาก็ปิดถ้ำน้ำแข็งเอาไว้เพื่อเตรียมใช้กำลังภายในช่วยชีวิตอันหลิงเกอ

มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด มู่จวินฮานจึงสัมผัสได้ถึงกำลังภายในที่แข็งแกร่งจากถ้ำน้ำแข็ง เขาจึงได้มายังถ้ำน้ำแข็งทันที ตอนนี้ถ้ำได้กลายเป็นโลงน้ำแข็งขนาดใหญ่ไปแล้ว ยังถูกปิดผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนา

เขานึกถึงอันหลิงเกอและออกตามหานางจนทั่วก็มิพบ ทำให้เขามั่นใจว่านางต้องอยู่ที่นี่เป็นแน่ จากการคาดเดาก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้อิ่งจือน่าจะเป็นคนทำ

เพราะเขารู้ว่าด้วยนิสัยของอันหลิงเกอแล้วต้องมาหาอิ่งจือแน่นอน

ทว่าเมื่อครู่มีกำลังภายในมหาศาลเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงจนทุกคนในจวนต่างรับรู้ได้และพากันหวาดกลัว สร้างความวุ่นวายไปหมดจึงเป็นเหตุให้มู่จวินฮานมาถึงนี่

สิ่งที่ทำให้เขากังวลกว่าเดิมคือมิว่าใช้แรงมากเพียงใดก็ไม่สามารถเปิดผนึกที่ปิดกั้นปากถ้ำน้ำแข็งได้

ทันใดนั้นเรื่องราวที่เขากับอันหลิงเกอต้องทะเลาะกันเพราะเขาใจอ่อนกับเฝิงเยว่เอ๋อก็ผุดขึ้นมาในความคิด และเขาก็ตระหนักได้ว่าหากนางเป็นอันใดไป สิ่งที่เขาได้ทิ้งเอาไว้ให้นางคงมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น มู่จวินฮานก็นั่งอยู่ที่ด้านนอกถ้ำน้ำแข็งเพื่อเฝ้ารออันหลิงเกออยู่อย่างนั้นเงียบ ๆ

ตลอดสามวันที่ผ่านมา เฝิงเยว่เอ๋อมิรู้ว่าได้มาที่ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้กี่ครั้งแล้ว

นางมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งเพราะมิว่าจะเกลี้ยกล่อมเช่นไร มู่จวินฮานก็มิยอมไปไหน และการที่เขาเห็นหน้าเฝิงเยว่เอ๋อก็เหมือนเป็นการบอกว่าเขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไปเสียแล้ว

เพราะการตัดสินใจที่โง่เขลาจึงทำให้อันหลิงเกอเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า บาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางประสบความเจ็บปวดและความยากลำบากมากมาย สุดท้ายเป็นเขาเองที่ติดค้างนาง

“หากเกอเอ๋อออกมาและเห็นว่าเจ้ายังอยู่ นางต้องโกรธอีกแน่” มู่จวินฮานเอ่ยออกมาราวกับคนโง่งม ก่อนจะยืนขึ้นพร้อมตวัดกระบี่ไปตรงหน้าเฝิงเยว่เอ๋อ

“ท่านอ๋อง พระชายาอาจตายไปแล้วก็ได้ ข้างกายท่านยังมีข้าอยู่นะเจ้าคะ ! ” เสียงของเฝิงเยว่เอ๋อสั่นเครือยิ่งนัก นางรีบเข้ามากอดขาของมู่จวินฮานเอาไว้ มิว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ

เพราะรู้ว่าหากปล่อยมือตอนนี้ มู่จวินฮานอาจลงมือสังหารตนก็ได้ นางหวังว่ามู่จวินฮานจะใจอ่อนให้อีกสักครั้ง

‘ฉึก’

คมกระบี่ที่แทงเข้าเนื้อทำให้เฝิงเยว่เอ๋อเบิกตาโพลง

“ข้าจักมิทำให้นางผิดหวังอีกแล้ว” เมื่อคำพูดของเขาจบลง เฝิงเยว่เอ๋อก็ล้มกองกับพื้นทันที

จากนั้นชิงเฟิงก็ก้าวออกมาจากที่ลับ ก่อนจะรีบเก็บกวาดที่ตรงนั้นทันที

ด้านอันหลิงเกอเห็นเพียงแสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า ข้างหูคล้ายมีเสียงของอิ่งจือดังแว่วขึ้นมา

แต่มิว่าอย่างไรอันหลิงเกอก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ นางทำได้เพียงฟังเสียงที่อยู่ข้างหูและรับรู้ได้ถึงกำลังภายในที่เคลื่อนไหวในร่างกายจนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและแสงสว่าง

“ขอโทษ”

เสียงของอิ่งจือเลื่อนลอยยิ่งนัก แต่ทุกคำกล่าวของเขากระแทกลงกลางใจของอันหลิงเกอ

เสียงของเขาเหมือนอยู่ไกลแสนไกลและอ่อนล้าเต็มที

อันหลิงเกอมิรู้ว่าตอนนี้เขากำลังส่งมอบกำลังภายในทั้งหมดที่มีให้แก่นางอยู่ สำหรับคนฝึกยุทธ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือกำลังภายใน อิ่งจือก็ได้รับบาดเจ็บตอนต่อสู้กับอันหลิงเกอจึงทำให้สูญเสียกำลังภายในไปมิน้อย การกระทำของเขาตอนนี้อาจถึงแก่ชีวิตได้

จากนั้นมินานร่างของอิ่งจือก็ค่อย ๆ แข็งขึ้น ระหว่างที่อันหลิงเกอหมดสติอยู่นั้นคล้ายรับรู้ได้ แต่มิว่าอย่างไรก็ไม่อาจลืมตาตื่นขึ้นมา

มิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดอันหลิงเกอจึงลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือน้ำแข็งที่ขาวโพลนและเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝันซึ่งตอนนี้นางก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา

ระหว่างที่หมดสติไป นางเฝ้าคิดถึงมู่จวินฮานตลอดเวลา

นางรู้ว่าความโกรธแค้นและความมิพอใจทั้งหมดได้จางหายจนสิ้น หลังจากที่นางประสบกับการเฉียดตายมาถึงสองครั้งแล้ว

อดีตที่เลวร้ายสำหรับนางตอนนี้ได้กลายเป็นความฝันไปแล้ว เหลือเพียงความปรารถนาที่จะทำในอนาคตเท่านั้น นางเดินออกจากถ้ำน้ำแข็งเพื่อกลับจวนซึ่งตอนนี้ปากถ้ำได้ถูกปลดผลึกออกตั้งแต่อิ่งจือสิ้นใจ

อันหลิงเกอเดินไปที่เรือนของมู่จวินฮานทว่าหาเขามิพบ

ยามนี้ภายในห้องของมู่จวินฮานเละเทะไปหมด เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาแล้วภายในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ตอนนี้ก็เย็นมากและหากเขามิอยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ใด

ขณะที่อันหลิงเกอกำลังเดินกลับเรือนฝูหลิงก็ได้พบว่าคนที่นั่งหันหลังให้ก็คือมู่จวินฮาน ทันใดนั้นขอบตาของนางก็แดงเรื่อ เพราะร่างกายที่เคยกำยำของเขาบัดนี้ซูบผอมอย่างมาก

เห็นมู่จวินฮานเป็นเช่นนี้อันหลิงเกอจึงเดินไปหาทันที แต่มู่จวินฮานคล้ายกำลังใจลอยจึงมิได้ยินเสียงฝีเท้าของนางและมิหันกลับมา

“จวินฮาน” แม้ดวงตาของอันหลิงเกอมีน้ำตาคลออยู่ แต่ก็ยังมองเห็นมู่จวินฮานได้อย่างชัดเจน เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ เขาก็หมุนตัวกลับมามองนาง

อันหลิงเกอเห็นสีหน้าของมู่จวินฮานมิชัดนัก รู้เพียงยามนั้นนางได้ตกอยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น ทว่าเจ้าของอ้อมกอดช่างผ่ายผอมเหลือเกิน มือคู่นั้นมีกระดูกนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทำเอานางรู้สึกปวดใจไปหมด

“จวินฮาน” อันหลิงเกอเรียกเขาอีกครั้ง ร่างกายของมู่จวินฮานสั่นเทาจนนางรับรู้ได้ อันหลิงเกอจึงยกมือเช็ดน้ำตาของตนเบา ๆ จากนั้นก็ผลักเขาออกเล็กน้อยก่อนจะมองใบหน้าที่ดูเปลี่ยนแปลงไปของเขาอีกครั้ง

มิรู้ว่าเหตุใดมู่จวินฮานถึงได้หลับตาอยู่เยี่ยงนั้น มิยอมลืมตามองหน้านางแม้แต่น้อย จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน อันหลิงเกอจึงเอื้อมมือไปประคองแก้มของเขาแล้วใช้นิ้วลูบไล้ริ้วรอยบนใบหน้านั้น

ช่วงที่มิได้พบหน้ากันเหมือนว่าเขาจะโทรมไปมิน้อยเลย ทั้งที่ตอนนี้มู่จวินฮานเพิ่งอายุ 30 ปี แต่การต่อสู้แย่งชิงที่ผ่านมาทำให้ใบหน้าของเขาโทรมได้ถึงเพียงนี้

ตอนนี้ดวงตาของอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความปวดร้าวขณะมองมู่จวินฮาน นางรู้ดีว่าที่ผ่านมาเขาคงเจอความลำบากมิน้อย

“จวินฮาน หลายวันมานี้…” อันหลิงเกอยังกล่าวมิทันจบก็พูดมิออกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เมื่อเห็นท่าทางของมู่จวินฮานเป็นเช่นนี้ มิต้องถามก็รู้ว่าที่ผ่านมาเขาทุกข์ใจมากเพียงใด

“ข้ามิเป็นไร เจ้ามิเป็นอันใดก็ดีแล้ว” มู่จวินฮานกล่าวออกมาพร้อมลูบไล้หลังมือของนางเบา ๆ การสัมผัสเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความจริง

เมื่อครู่ที่เขามิกล้าลืมตาเพราะกลัวว่านี่จะเป็นเพียงความฝัน หากลืมตาขึ้นมาแล้วอันหลิงเกอก็จะหายไป

เพราะหลายวันมานี้มู่จวินฮานตื่นขึ้นจากความฝันเช่นนี้นับครั้งมิถ้วน ทุกครั้งเขาก็ต้องเสียนางไปซึ่งมิรู้ว่าอันหลิงเกอจะเดินออกมาจากถ้ำน้ำแข็งนั่นอีกหรือไม่

ทว่าตอนนี้อันหลิงเกอยืนอยู่ตรงหน้าแล้วจริง ๆ เป็นความจริงที่เขาสามารถจับต้องได้

มู่จวินฮานอดน้ำตาคลอมิได้ เขาไม่อาจสะกดกลั้นความดีใจได้อีกแล้วจึงรีบดึงนางมาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

อันหลิงเกอเห็นมู่จวินฮานเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจมิน้อย นางยื่นมือไปตบแผ่นหลังของเขาเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม เพราะในตอนนี้เขาช่างน่าสงสารและเหมือนเด็กน้อยที่ไร้คนให้พึ่งพิง