ตอนที่ 679 ตำแหน่งมั่นคง
มู่จวินฮานยังกอดอันหลิงเกอไว้เช่นนั้นเพื่อให้นางซบอยู่ในอ้อมกอดของตน อันหลิงเกอที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจยิ่งนัก
มู่จวินฮานกอดอันหลิงเกอไว้เนิ่นนาน เวลานี้ในใจของเขาไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าอันหลิงเกออีกแล้ว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็อยู่ทานมื้อค่ำด้วยกันและหลับไปพร้อมกัน
นี่เป็นเพียงหนึ่งในมิกี่ครั้งที่อันหลิงเกอได้หลับอย่างสบายในอ้อมกอดของมู่จวินฮาน ทั้งสองได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหลังเข้าใจผิดมานาน ช่วงเวลาเช่นนี้นับว่ามีความหมายยิ่งนัก
อันหลิงเกอกอดมู่จวินฮานไว้แน่น การกระทำของมู่จวินฮานช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ทั้งคู่กอดก่ายกันอยู่เยี่ยงนั้นจนเกือบรุ่งสาง
ตอนที่อันหลิงเกอตื่นขึ้นมา มู่จวินฮานก็ยังมิได้ออกไปไหนแต่กำลังนั่งรอนางอยู่ข้างเตียง อันหลิงเกอมองแผ่นหลังของเขาแล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกมีความสุขโดยมิรู้ตัว
“เกอเอ๋อ วันนี้ข้าไม่มีธุระอันใด” มู่จวินฮานเอ่ยพร้อมมองอันหลิงเกอด้วยแววตาอ่อนโยน ตอนนี้เขาอยากอยู่เป็นเพื่อนนาง มิอยากแยกจากไปไหนแม้แต่อึดใจเดียว
จากนั้นอันหลิงเกอก็ทานข้าวเช้ากับเขา แต่มู่จวินฮานคล้ายยังนอนมิพอจึงได้คว้าตัวนางเข้ามากอดแล้วหลับไปด้วยกันอีกครั้ง
มินานอันหลิงเกอก็ได้ยินเสียงลมหายใจของมู่จวินฮานที่อยู่ด้านหลัง ทำให้นางถอนหายใจออกมา เขาเหน็ดเหนื่อยถึงเพียงนี้เชียวหรือ
หลายวันมานี้ราวกับมู่จวินฮานมิได้พักผ่อนเลย เขาเฝ้ารอนางอยู่ตลอดเวลา พอตอนนี้อันหลิงเกอปลอดภัยดีแล้ว มู่จวินฮานจึงได้วางใจและนอนหลับได้อย่างสบาย
อันหลิงเกอรู้สึกสงสารเขาจับใจ หลังรอจนเขาหลับสนิทไปแล้ว นางก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับมาห่มผ้าให้เขา
จากนั้นอันหลิงเกอก็มายังห้องครัว แต่นางมิถนัดเรื่องการทำครัวเท่าไรนักจึงใช้เวลาตลอดช่วงเช้ากว่าจะทำบะหมี่เสร็จหนึ่งชาม จากนั้นก็ยกไปให้มู่จวินฮานด้วยความดีใจ
มู่จวินฮานยังมิตื่นแต่ท้องกลับส่งเสียงร้องดังขึ้นมา เมื่ออันหลิงเกอได้ยินก็แอบหัวเราะเอ็นดู
ขณะเดียวกันมู่จวินฮานเหมือนได้กลิ่นของบะหมี่จึงลืมตาขึ้นมาแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ
เมื่อเห็นชามบะหมี่วางอยู่บนโต๊ะและเหลือบไปเห็นรอยน้ำมันบนเสื้อของอันหลิงเกอ เขาจึงยิ้มออกมาอย่างปลื้มใจกับสิ่งที่นางทำให้
เขารู้ว่าอันหลิงเกอมิถนัดเรื่องเข้าครัวแต่ยังอุตส่าห์ตั้งใจทำบะหมี่ชามนี้มาให้
อันหลิงเกอรอเขาชิมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง มู่จวินฮานก็เห็นใบหน้าที่กำลังรอคอยราวกับเด็กน้อยของนางเช่นกัน
เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนจะคีบเส้นเข้าปากและซดน้ำซุปตาม ทว่าตอนทำนั้นอันหลิงเกอใส่เกลือไปเยอะมาก เมื่อมู่จวินฮานได้ชิมจึงอดขมวดคิ้วมิได้
“นี่คือบะหมี่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยทานมา”
อันหลิงเกอคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจักเอ่ยชมเช่นนี้ ใบหน้าของนางจึงแดงเรื่อทันที
“เรียนท่านอ๋อง เหล่าที่ปรึกษาซึ่งมู่เหล่าหวางเฟยเชิญมากำลังรออยู่ที่หน้าประตูเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินเข้ามารายงาน มู่จวินฮานและอันหลิงเกอต่างก็รู้สึกแปลกใจมิน้อย พวกเขามากันตอนนี้ย่อมมิใช่เรื่องดี
ทันใดนั้นสีหน้าของมู่จวินฮานก็เย็นชาก่อนจะเดินออกไปเพียงลำพัง ส่วนอันหลิงเกอเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงตามเขาออกไป แต่นางยังมิทันเดินไปใกล้ก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของมู่จวินฮานดังขึ้นมา
“ควรทำเช่นไรก็เป็นเรื่องของข้า เกี่ยวอันใดกับเจ้า ! ” ความโกรธที่ปรากฏบนใบหน้าของมู่จวินฮานเป็นสิ่งที่อันหลิงเกอมิเห็นมานานแล้ว ยามนี้ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เส้นเลือดปูดขึ้นจนเห็นได้ชัด
“เรียนท่านอ๋อง ในเมื่อพระชายาสามารถควบคุมเผ่าพิษหนอนกู่ได้ก็ควรให้พระชายาตามกองทัพไปด้วย เพราะการช่วยคลายความกังวลให้แก่ฝ่าบาทถือเป็นประโยชน์ต่อท่านอ๋องขอรับ ! ”
อันหลิงเกอที่แอบฟังอยู่ก็สูดหายใจเข้าลึกก่อนจะก้าวออกไป พริบตาเดียวทุกคนก็เงียบงัน ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยออกมาอีก แม้แต่เสียงหายใจก็เบายิ่งนักเพราะคนเหล่านี้กลัวนางทั้งสิ้น
ถึงอย่างไรอันหลิงเกอก็เป็นคนที่มู่จวินฮานให้ความสำคัญ
“เมื่อครู่ข้าได้ยินที่พวกท่านเอ่ยกับท่านอ๋องหมดแล้ว” อันหลิงเกอเอ่ยออกมาเสียงเรียบ แต่ทำให้พวกเขาตกใจมากเพราะตอนนี้การที่อันหลิงเกอมาอยู่ต่อหน้าช่างน่ากลัวกว่ามู่จวินฮานเสียอีก
หนอนพิษกู่น่ากลัวมากเพียงใด อันหลิงเกอก็น่ากลัวมากเท่านั้น
ทุกคนในที่นั้นต่างคุกเข่าลงกับพื้น ส่วนมู่จวินฮานก็ปลดเสื้อคลุมของตนออกแล้วเอาไปคลุมที่ไหล่ของนางแทน
“เจ้าออกมาทำไม ? ” คำพูดของมู่จวินฮานคล้ายตำหนิอยู่ในที เขารู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้ต้องมารังแกนางจึงมิอยากให้นางเผชิญหน้า แต่อันหลิงเกอออกมาเสียเอง มู่จวินฮานจึงได้แต่ถอนหายใจ เพราะนางมักดื้อรั้นเช่นนี้เสมอ
“จวินฮาน สิ่งที่พวกเขาพูดเมื่อครู่ก็เป็นความจริงเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกล่าวจบก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขา นางรู้ดีว่าการที่เอ่ยเช่นนี้มู่จวินฮานจะต้องโกรธอย่างแน่นอน
และก็จริงตามนั้น มู่จวินฮานมองนางด้วยใบหน้ากรุ่นโกรธ มือของเขากำเข้าหากันจนแน่น
ทว่าเหล่าที่ปรึกษารู้สึกเบาใจขึ้นมาจึงได้พากันยืนขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
เรื่องที่มู่เหล่าหวางเฟยสั่งมา ตอนนี้ก็ถือว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว
“คิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายด้วยหรือ ? ” มู่จวินฮานเอ่ยถามพร้อมสายตาที่กวาดมองโดยรอบจนทำให้เหล่าที่ปรึกษาหวาดกลัวไปตามตามกัน สุดท้ายสายตาของเขาก็มาหยุดอยู่ที่อันหลิงเกอและมองนิ่งอยู่เยี่ยงนั้น
“หากทำเช่นนี้ตำแหน่งของท่านก็จะมั่นคงขึ้นเจ้าค่ะ” ตอนที่อันหลิงเกอเอ่ยประโยคนี้ออกมา มู่จวินฮานถึงกับเม้มริมฝีปากแน่น
“พระชายาช่างปราดเปรื่องยิ่งนักขอรับ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้วขอรับ”
เหล่าที่ปรึกษาเมื่อได้ยินสิ่งที่อันหลิงเกอพูดก็พากันเอ่ยปากเยินยอทันที แม้คำที่เอ่ยออกมาจะเป็นการชมเชย แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับเสแสร้งสิ้นดี
“ทำให้ตำแหน่งข้ามั่นคง แล้วผู้ใดจักกล้ารับประกันความปลอดภัยของเจ้า ? ”
อันหลิงเกอมิได้เอ่ยสิ่งใดอีก เหล่าที่ปรึกษาต่างพากันขมวดคิ้วมุ่น ความดื้อรั้นของมู่จวินฮานทำให้พวกเขามิอาจพูดอันใดได้อีก ความเงียบจึงเข้าปกคลุมทั่วบริเวณนั้นทันที
“จวินฮาน…” อันหลิงเกออยากกล่าวอันใดบางอย่าง แต่มู่จวินฮานส่งสายตาเพื่อเตือนให้นางรู้ว่าหากยังกล่าวอันใดออกมาอีก เขาจะมิปล่อยนางไปแน่นอน
ทำให้เหล่าที่ปรึกษาสบตากันก่อนจะส่ายหน้า พวกเขารู้ว่าต่อให้อันหลิงเกอยอมตกลง แต่ตอนนี้มู่จวินฮานได้ตัดสินใจแล้วจึงไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ทำได้เพียงค่อย ๆ ถอยออกไป
รอจนทุกคนกลับไปหมดแล้ว มู่จวินฮานจึงหันมามองอันหลิงเกอ
“เกอเอ๋อ เจ้าต้องปกป้องตัวเองให้ดี เรื่องอื่นอย่าได้กังวลไปเลย” มู่จวินฮานพูดกับอันหลิงเกอจบก็ดึงแขนของนางให้เดินตามเข้าไปในห้อง
เขามิอาจสูญเสียนางได้อีกแล้ว ดังนั้นนับแต่นี้มู่จวินฮานจะไม่ยอมทำในสิ่งที่ผิดพลาดอีก !
เมื่อมาถึงด้านใน ทั้งสองคนก็นั่งลงและมองหน้ากันอยู่เช่นนั้น ไม่มีผู้ใดเอ่ยออกมาอีก มู่จวินฮานรู้ว่าตอนนี้ในใจของอันหลิงเกอยังคัดค้านเรื่องเมื่อครู่อยู่
“จวินฮาน ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอแค่เห็นสีหน้าของมู่จวินฮานก็รู้ว่าเขาคิดเช่นไร นางจึงพูดกับเขาไปเช่นนั้น
มู่จวินฮานเห็นนางเข้าใจแล้วจึงยอมใจอ่อนและก็อดสงสารนางมิได้ อันหลิงเกอมักนึกถึงเขาก่อนเสมอ คิดแล้วก็รู้สึกเอ็นดูนางเหลือเกิน
เกอเอ๋อเป็นสตรีที่มีจิตใจดีและเข้มแข็งมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้เป็นเขาเองที่เข้าใจผิดจึงได้ทำร้ายนางมากมายเพียงนั้น
ทั้งสองคนกลับมามีความสุขได้ไม่กี่วัน เรื่องยุ่งยากก็มาเยือนอีกครา