ตอนที่ 567 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซียิ้มมุมปาก ก่อนจะกล่าวอย่างมั่นใจ “แน่นอน ข้าเอ่ยวาจาคำใด มันก็ต้องเป็นไปตามคำนั้นอยู่แล้ว หากว่าเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามลูกสาวหรือผู้อาวุโสที่สองของเจ้าได้เลย”

มู่เฉียนซีให้เวลาพวกเขาคิดอย่างใจกว้าง ผู้อาวุโสที่สองจึงถือเอาเวลานี้พูดคุยกับหัวหน้าหอชิงลั่วด้วยสีหน้าจริงจัง อันที่จริงเขาเองก็มีความรู้สึกอยากขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ด้วยบทเรียนครั้งก่อน แน่นอนว่ามันสอนเขามาก เขาไม่กล้าให้หัวหน้าหอรับปากการเดิมพันนี้อย่างรีบร้อนเหมือนครั้งก่อนหน้านี้แล้ว

หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าวขึ้น “ครั้งก่อนเป็นชิงเอ๋อร์ที่ประมาทเกินไป พรสวรรค์ของสาวน้อยผู้นี้ดีกว่าเล็กน้อย นั่นมันไม่ได้หมายความเลยว่านางสามารถรักษาโรคได้ แม้นางจะเป็นนักปรุงยาคนหนึ่ง ทว่าไม่ได้บรรลุถึงขั้นจักรพรรดิ ระดับการปรุงยาของนางก็คงไม่ได้สูงมากนัก”

“อีกอย่าง นักปรุงยามากมายขนาดนี้ก็ยังรักษาไม่ได้ นางเป็นแค่เด็กสาวความสามารถธรรมดา ๆ ผู้หนึ่ง ย่อมรักษาไม่ได้อย่างแน่นอน”

“แต่ท่านหัวหน้าหอ สาวน้อยผู้นี้แปลกประหลาดมากจริง ๆ นะขอรับ  นางเลือกการทดสอบสามสิบวันของจวนชางไห่  แต่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย” ผู้อาวุโสที่สองกล่าว นัยน์ตาของเขายังคงเจือความฉงนสงสัยอย่างเต็มเปี่ยม

หัวหน้าหอชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย “อืม เรื่องนั้นข้าคิดพิจารณาแล้วเช่นกัน แต่มูลค่าของยาเม็ดนั้นมันคุ้มค่ากับความเสี่ยงของพวกเรา”

“ใช่!”

ในที่สุดหัวหน้าหอชิงลั่วก็เหลือบมองมู่เฉียนซี “เด็กน้อย ข้ายินดีรับการเดิมพันนี้…”

มู่เฉียนซี “อืม พวกเจ้ามีความกล้าดี  เช่นนั้นถ้าหากข้าสามารถช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้าได้ หอชิงลั่วคิดจะจ่ายด้วยอะไรรึ ?”

หัวหน้าหอชิงลั่วกล่าวตอบ “สาวน้อย เจ้าต้องการอะไรล่ะ บอกมาสิ”

“ข้าต้องการให้หอชิงลั่วของพวกเจ้าขอโทษโม่จิ่นอย่างเปิดเผย และมอบความเป็นธรรมให้กับเขา จากนั้นก็ให้ค่าตอบแทนแก่เขาและรับปากว่าในอนาคตหากโม่จิ่นจะทำอะไรที่หอชิงลั่ว  พวกเจ้าหอชิงลั่วต้องพยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ”

“หืม ? ถ้าโม่จิ่นจะทําเรื่องชั่ว ๆ พวกเราก็ต้องช่วยเขารึ ?”

“แน่นอนว่าไม่เป็นเช่นนั้น มันจะต้องเป็นเรื่องที่หอชิงลั่วของพวกเจ้าสามารถทําได้” มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางพูดมาถึงตรงนี้

โม่จิ่นนับถือมู่เฉียนซีจริง ๆ สิ่งที่นางเพิ่งตกลงไปคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว!

เมื่อนายท่านชนะแล้ว ไม่เพียงแต่จะคืนความบริสุทธิ์ให้แก่เขาได้ แต่ยังปูทางให้หอหมอปีศาจของพวกเขาได้เข้าไปในเมืองชิงด้วย  และเมื่อถึงเวลานั้น แม้หอชิงลั่วจะไม่อยากช่วยหอหมอปีศาจ พวกเขาก็มิอาจบิดพลิ้ว

คําขอของมู่เฉียนซีแตกต่างจากยาเม็ดเหล่านั้นมาก อย่างไรพวกเขาก็ได้เปรียบเห็น ๆ

หัวหน้าหอชิงกล่าวรับคำ “ได้ ข้ารับปากเจ้า”

มู่เฉียนซียิ้มพึงพอใจทันที “ดี เช่นนั้นถือว่าเราตกลงเดิมพันกันแล้ว มีผู้คนมากมายเป็นพยานเช่นนี้ พวกเราทั้งสองฝ่ายคงไม่กลับคํา  เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญหัวหน้าหอชิงลั่วส่งตัวคุณหนูใหญ่ออกมาซะเถอะ”

“นั่นมันแน่นอน!”

คนของหอชิงลั่วที่เดิมทีมาบีบบังคับให้โม่จิ่นแต่งงาน แต่เพราะการเดิมพันครั้งใหม่นี้ เป้าหมายของพวกเขาไม่บรรลุ …ได้เวลาที่พวกเขาจะต้องกลับจวนแล้ว

เจ้าตําหนักโม่ถามขึ้นว่า “เสี่ยวจิ่น มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไม่แนะนําแม่นางผู้นี้ให้เรารู้จักหน่อยหรือ ?”

โม่จิ่นกล่าว “นี่คือมู่เฉียนซี แขกต่างแดนของตําหนักโม่อวี่ และเป็นสหายของข้า ตอนนี้นางอยู่ในตําหนักโม่อวี่แล้ว หากผู้ใดกล้าเป็นศัตรูกับนาง ถือว่าเป็นศัตรูกับข้าโม่จิ่นด้วย”

สำหรับคนอย่างโม่จิ่น น้อยมากที่เขาจะปกป้องคนอื่น ทั้งยังเป็นสตรีอีก

เจ้าตำหนักโม่ยิ้มนุ่มนวล “ในเมื่อเป็นสหายของอาจิ่น และยังเป็นแขกต่างแดนของตําหนักโม่อวี่ พวกเราย่อมต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เจ้าอย่าห่วงเลย”

มู่เฉียนซีพักอยู่ที่ตําหนักโม่อวี่แล้ว  นางรอให้หอชิงลั่วส่งคนมา ส่วนโม่จิ่นถูกนางส่งไปจัดการหอหมอปีศาจในเมืองโม่นี้

โม่จิ่นออกไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางและกลับดึกทุกวัน ทำให้มู่เฉียนซีต้องรอคอยที่จะฝึกอยู่ร่ำไป  สุดท้าย… เรื่องที่นางถูกโม่จิ่นทำตัวละเลยใส่นางนั้นก็ได้แพร่สะพัดออกไป

หญิงสาวชุดเขียวผู้หนึ่งพากลุ่มคนเข้ามาในจวนของมู่เฉียนซีอย่างโอ่อ่า

หญิงสาวผู้งดงามผู้นี้มาเยือน กลับทําหน้าเหมือนรังเกียจเสียเต็มประดา นางใช้น้ำเสียงเหยียดหยันกล่าวขึ้นว่า “ถุย! มาถึงตําหนักโม่อวี่ได้ไม่กี่วันก็ถูกทิ้ง เจ้ามันน่าสมเพชเวทนานัก!”

มู่เฉียนซีกลอกตามองบน “อะไรกันท่านป้า นี่ท่านไม่ได้แปรงฟันมารึ ? ช่วยแปรงฟันให้เสร็จก่อนไปพบใครเขาด้วยล่ะ อายุก็มาก ร่างกายก็เสื่อมโทรมแล้วยังปากเหม็นอีก ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไร เหม็นจนดอกไม้ต้นไม้ตายหมดแล้ว”

ไฟโกรธปะทุในดวงตาของฉืออีอี นางโกรธเกรี้ยวฉุนเฉียวทันที “วะ… ว่ายังไงนะ ?!  ป้ารึ ? กล้าดียังไงมาเรียกข้าว่าป้า? ”

มู่เฉียนซีถาม “เอ้า! ถ้าเจ้าไม่ใช่ป้า  งั้นก็เป็นอาล่ะสิ  ท่านอยากให้เรียกว่าไงล่ะ ?”

ฉืออีอีโกรธมาก “สาวใช้ พวกเจ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้! สั่งสอนเจ้าเด็กไม่รู้จักกาลเทศะนี่สักหน่อยซิ”

มุมปากของมู่เฉียนซียกขึ้นเล็กน้อย “สั่งสอนข้า เหอะ! ท่านไม่กลัวว่าโม่จิ่นกลับมาแล้วจะโกรธเอาหรือไง ?”

ฉืออีอีไม่นึกเกรง นางตอบโต้ “หลายวันมานี้เขากลับมาที่ตําหนักโม่อวี่แค่ไม่กี่ครั้ง เขาไม่ใส่ใจเจ้าแม้แต่น้อย ถ้าหากข้าสั่งสอนเจ้าแล้วเขาจะกล้าว่าอะไรได้ ?”

“จับนางไว้!”

มู่เฉียนซีไม่สนใจสาวใช้กระจอก ๆ เหล่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ ฉืออีอีเลยสักนิด

ในขณะนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำที่ทุกคนคุ้นเคยพลันดังขึ้นมา “หยุดนะ!”

“นายน้อย!” สาวใช้ที่เตรียมจะลงมือเหล่านั้น หน้าถอดสีทันที

“ที่แท้ก็เป็นคงเอ๋อร์นี่เอง” ฉืออีอีพยายามยิ้มตีเนียน

โม่ซางคงขมวดคิ้ว “แม่นางฉือ เจ้าก็ต้องเรียกข้าว่านายน้อยด้วย ข้าไม่ชอบให้คนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันมาถือวิสาสะเรียกข้าเช่นนี้”

ฉืออีอีกําหมัดแน่น ใบหน้ายิ้มแย้มดูเหมือนจะแฝงความดุร้ายน่ากลัวเอาไว้ นางกล่าวอย่างเศร้าสลดว่า “อะไรกัน ?! ข้ามองนายน้อยเหมือนเป็นบุตรชายแท้ ๆ แต่คิดไม่ถึงว่า…”

“เฮ้อ! หรือข้ายังทําดีไม่พอ นายน้อยจึงไม่ชอบข้า”

มู่เฉียนซีได้ยินก็กล่าวหยอกล้อทันที “หึ ๆ ในเมื่อท่านบอกว่าเห็นเขาเหมือนลูกชาย เช่นนั้นอายุก็คงไม่น้อยแล้วสิ ข้าเรียกท่านว่าท่านป้าท่านอา ท่านยังจะไม่ยอมรับอีก แย่จริง ๆ”

ฉืออีอีอยากจะร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดเอามาก ๆ เมื่อได้ยินคําพูดของมู่เฉียนซีใบหน้านางเปลี่ยนกลายเป็นดําคล้ำเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ

“เด็กสาวที่อาจิ่นพากลับมา ฝีปากดีจริงนะ! ข้ารู้สึกว่าจําเป็นต้องพาเจ้ากลับไปที่เรือนของข้า ไปสั่งสอนให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย”

โม่ซางคงอยู่ที่นี่ นางไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามตามแต่ใจ จึงวางแผนพาสาวน้อยผู้นี้กลับไปยังอาณาเขตของตัวเองเพื่อสั่งสอน

“แม่นางมู่เป็นแขกต่างแดนของตําหนักโม่อวี่  แม่นางฉือไม่มีคุณสมบัติที่จะมาสั่งสอนนาง” โม่ซางคงกล่าวอย่างเย็นชา

“แขกต่างแดน… ใครจะเชื่อ ? สาวน้อยผู้นี้มีความแข็งแกร่งสักเท่าใดกันเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับโม่จิ่นแล้วละก็ นางจะมีคุณสมบัติเป็นแขกต่างแดนของตําหนักโม่อวี่ได้อย่างไร ?” แม่นางฉือกล่าวเย้ยหยัน

โม่ซางคงแค่นเสียงดุดัน “แม่นางมู่ถือว่าเป็นคนของอาจิ่น แม่นางฉือไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้นก็แล้วกัน  นับแต่นี้ไปแม่นางฉือก็อย่าได้ก้าวเท้าเข้าไปในจวนที่แม่นางมู่พักอยู่เป็นอันขาด”

“เจ้า…” โม่ซางคงปกป้องมู่เฉียนซี ทำให้แม่นางฉือโกรธจนใบหน้าหม่นคล้ำ

“ช่างเป็นนังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เสียจริง ๆ ที่แท้เจ้าไม่เพียงแต่ยั่วยวนโม่จิ่นคนเดียว แต่ยังมายั่วยวนนายน้อยอีกด้วย มิน่าเล่าเจ้าถึงได้กล้าอวดดีในตําหนักโม่อวี่ขนาดนี้  มีคนหนุนหลังเจ้าอยู่นี่เอง!” แม่นางฉือกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว

โม่ซางคงไม่พอใจ “แม่นางฉือยังไม่หยุดอีก จะออกไปดี ๆ หรือจะให้ข้าพาออกไป ?”

“ไม่ต้อง  ข้าไปเองได้!” แม่นางฉือกล่าวพลางสะบัดหน้าเชิดใส่และหันหลังจากไป

หลังจากแม่นางฉือไปแล้ว โม่ซางคงก็หันไปมองมู่เฉียนซี “ข้าขอบใจแม่นางมู่มาก ที่ช่วยอาจิ่นล้างความไม่เป็นธรรม”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร  คนของข้าย่อมไม่ควรถูกใครมารังแกเอาได้ เจ้าว่าจริงไหมเล่า ?”

โม่ซางคงขมวดคิ้วถามขึ้น “คนของเจ้า ? ข้าอภัย ข้าไม่รู้ว่าแม่นางมู่หมายถึงอะไรกัน ?”

.