ตอนที่ 348 สองปีผ่านไป / ตอนที่ 349 กลับประเทศ

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 348 สองปีผ่านไป  

 

 

โอวหยางหงคว้าโทรศัพท์ได้ก็รีบโทรหาคุณหมอหวาทันที “ฮัลโหล ลุงหวาครับ หู่พั่วจะคลอดแล้ว รีบมาเลยนะครับ” 

 

 

โอวหยางหงวางสายก่อนจะเข้าไปในเรือนกระจก เห็นหู่พั่วเอามือจับท้องปากก็พลางตะโกนร้องว่าปวด หยาดเหงื่อบนใบหน้าผุดขึ้นมาไม่หยุด “ทำไมถึงได้กะทันหันขนาดนี้ อีกหนึ่งอาทิตย์ถึงจะเป็นกำหนดคลอดไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

“เด็กอาจจะอยากเกิดก่อนน่ะ!” ถึงแม้ว่าจะมีเหงื่อเต็มใบหน้าไปหมด หู่พั่วก็ยังล้อเล่นกับเฉินหลานอี 

 

 

“หยุดพูดได้แล้ว เก็บแรงเอาไว้ก่อน อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาออกแรงสุดกำลังแล้ว” 

 

 

ไม่นานคุณหมอหวาก็มาถึง เขาให้คนพาหู่พั่วขึ้นรถ ก่อนจะส่งตรงไปที่โรงพยาบาล เด็กน้อยไม่ได้ทรมานหู่พั่วมากนัก เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่มหู่พั่วก็คลอดลูกชายออกมาอย่างปลอดภัย 

 

 

วันต่อมาเฉินหลานอีรีบนำซุปไก่ที่ตุ๋นไว้ที่ห้องครัวมาที่โรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ขณะที่เธอมาถึงหู่พั่วก็ตื่นขึ้นมาแล้ว โอวหยางหงกำลังประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่ง 

 

 

“หู่พั่ว เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” เฉินหลานอีวางซุปไก่ลง ดึงผ้าห่มให้หู่พั่ว 

 

 

“แม่คะ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าท้องของหนูโล่งจังค่ะ ไม่ชินเลยสักนิด” หู่พั่วลูบท้องที่แบนราบลงแล้ว 

 

 

เฉินหลานอีรู้ซึ้งถึงความรู้สึกนี้ดี ครั้งแรกเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน “วางใจนะลูก ผ่านไปสักพักลูกก็จะชินไปเอง รอให้ถึงเวลาที่หลานนอนกับลูกได้ ลูกก็จะไม่สนใจแล้วแล้วว่าท้องโล่งหรือเปล่า ความสนใจทั้งหมดจะไปรวมกันอยู่ที่หลานของแม่” 

 

 

“แม่ แม่เห็นหลานหรือยังคะ” 

 

 

“ยังมีเวลาให้ดูอีกเยอะ ลูกรีบกินซุปไก่ก่อนเถอะนะจ๊ะ หิวแล้วล่ะสิ” เฉินหลานอีเพียงเปิดฝาออก กลิ่นหอมของซุปไก่ก็ขจรขจายไปทั่วทั้งห้อง 

 

 

“แม่คะ หอมจังเลย!” 

 

 

“หอมก็กินเยอะๆ นะ นี่เป็นซุปที่แม่คุมให้แม่ครัวทำเป็นพิเศษเลย” เฉินหลานอีตักซุปให้เธอเต็มชาม 

 

 

“พอแล้วค่ะแม่ หนูอิ่มแล้ว” หู่พั่วกินซุปชามที่สองจนหมด เห็นว่าเฉินหลานอียังคิดจะตักให้เธอเพิ่มก็รีบหยุดเธอไว้ก่อน เธอกินซุปไปสองชามแล้ว รู้สึกสบายท้องขึ้นมาก 

 

 

“อิ่มแล้วเหรอ? กินอีกหน่อยสิจ๊ะ” เฉินหลานอีรู้สึกว่าหู่พั่วกินน้อยเกินไป น่าจะกินให้มากกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นจะแข็งแรงขึ้นเร็วๆ ได้อย่างไร 

 

 

พักฟื้นอยู่หนึ่งอาทิตย์ โอวหยางหงกับเฉินหลานอีก็พาหู่พั่วกับลูกกลับมายังปราสาท คราวนี้โอวหยางเลี่ยก็มาด้วย 

 

 

“ลุงโอวหยาง” 

 

 

“เร็วเข้า รีบขึ้นรถเถอะ” 

 

 

ขบวนรถแล่นเข้าไปในปราสาท บรรดาคนรับใช้ต่างรอรับคำสั่งกันอยู่ก่อนแล้ว หู่พั่วถูกตัวพากลับเข้าไปในห้อง ตอนนี้เธอยังตากลมมากไม่ได้ ลูกของเธอก็ยังเล็กอยู่มาก เกรงว่าจะถูกแช่แข็งอยู่ข้างนอก 

 

 

หนึ่งปีผ่านไป เป็นงานฉลองครบหนึ่งขวบของเด็กน้อย โอวหยางเลี่ยเพียงแต่เชิญคนสนิทมาไม่กี่คนเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่อยากจัดงานใหญ่ แต่เพราะหู่พั่วไม่อยากเจอคนแปลกหน้า สำหรับเด็กน้อยแล้วขอเพียงญาติๆ มาอวยพรให้ก็เพียงพอแล้ว 

 

 

… 

 

 

ถังโจวโจวหายไปจากชีวิตของลั่วเซ่าเซินสองปีแล้ว พ่อและแม่ของถังโจวโจวทำได้เพียงอวยพรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาว หวังว่าเธอจะมีชีวิตที่สงบสุขในอีกสถานที่หนึ่ง 

 

 

ตอนนี้ทุกๆ วันลั่วเซ่าเซินจะไปเพียงสามที่เท่านั้น บ้าน บริษัท แล้วก็โรงเรียนของลั่วอิง ลั่วอิงอายุเจ็ดขวบแล้ว เธอเข้าเรียนชั้นประถมอย่างเป็นทางการ 

 

 

ลั่วเซ่าเซินเชื่อว่าถังโจวโจวยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าผู้คนที่รายล้อมเขาต่างเกลี้ยกล่อมว่า อย่ารอเธออีกเลย ถังโจวโจวไม่มีวันกลับมาแล้ว 

 

 

แต่เขาไม่เชื่อ ถังโจวโจวรู้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่ ทำไมถึงได้ไม่กลับมา เขาจะรอเธออยู่ที่นี่ตลอดไป ที่นี่คือบ้านของพวกเขา เขาจะปกป้องมันเอาไว้ รอวันที่ถังโจวโจวกลับมา 

 

 

หู่พั่วรู้สึกว่าระยะนี้ใบหน้าของคนที่อยู่ในความฝันของเธอชัดเจนขึ้นทุกที บางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่า เธอใกล้จะเจอเขาในไม่ช้า 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 349 กลับประเทศ 

 

 

ที่สนามบิน เครื่องบินส่วนตัวเพิ่งลงจอดบนพื้น หู่พั่วสวมเสื้อโค้ทสีดำทั้งตัว อุ้มเด็กตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน โอวหยางหงรับเขามาอุ้มไว้ แล้วเดินออกมาจากทางออก VIP ของสนามบิน 

 

 

“ตอนนี้เราไปที่โรงแรมกันก่อน อีกเดี๋ยวผมจะให้พี่ไปเจอกับพวกเขา” โอวหยางหงให้หู่พั่วอุ้มลูกขึ้นรถไปก่อน จากนั้นถึงได้ขึ้นตามไป ให้คนขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรม 

 

 

“เสี่ยวอวี่ตื่นหรือยัง” เข้าถึงที่พักในระยะเวลาเพียงไม่นาน โอวหยางหงก็มาดูพวกเธอที่ห้องของหู่พั่วว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง 

 

 

“ยังเลย ยังหลับปุ๋ยอยู่เลย อาจเป็นเพราะว่าเดินทางมาเหนื่อยน่ะ” หู่พั่วมองเด็กตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียง ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเธอ 

 

 

หู่พั่วเพียงแต่ตั้งชื่อเล่นให้ลูกเท่านั้น ในใจเธออยากให้พ่อกับแม่เป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้ ถึงได้ถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน 

 

 

“พี่อยากไปบ้านถังไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นพวกเราออกเดินทางกันเถอะ!” 

 

 

“เสี่ยวอวี่ยังหลับอยู่เลย พี่ไม่วางใจให้ลูกอยู่ที่นี่คนเดียว” หู่พั่วลูบใบหน้าสีแดงระเรื่อของเสี่ยวอวี่ที่ยังคงหลับอยู่ เมื่อเห็นลูกหลับสบาย ในใจเธอก็พลันหวานชื่น 

 

 

“ใครบอกว่าจะให้หลานอยู่ที่นี่ละครับ ต้องพาหลานไปด้วยอยู่แล้วสิ!” โอวหยางหงไม่ได้มีความคิดว่าจะทิ้งหลานไว้ที่นี่โดยลำพัง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไรล่ะ 

 

 

หู่พั่วไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ของโอวหยางหงเท่าไรนัก เสี่ยวอวี่กำลังหลับสบาย ถ้าอุ้มขึ้นมา เกิดทำให้ลูกตื่นขึ้นมาจะทำอย่างไร? 

 

 

โอวหยางหงเห็นว่าหู่พั่วไม่ได้ขยับร่างกายมาครึ่งวันแล้ว เขารู้ซึ้งถึงความกังวลของเธอดี “วางใจเถอะครับพี่ ผมไม่ทำให้หลานตื่นหรอก หลานหลับสนิทขนาดนี้ พี่จะทำยังไงหลานก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก” 

 

 

โอวหยางหงเพิ่งจะพูดประโยคนี้จบ ก็มีเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังขึ้นจากจากเตียง หู่พั่วรู้สึกอย่างกับถูกเขาตบหน้า รีบอุ้มเสี่ยวอวี่ขึ้นมา “เสี่ยวอวี่เด็กดี แม่อยู่นี่แล้วนะ ไม่ต้องร้องนะ” 

 

 

เสี่ยวอวี่เพิ่งจะอายุครบหนึ่งขวบ ยังพูดไม่ค่อยได้ เรียกแม่เป็นอย่างเดียว พูดคำว่าแม่ได้ไม่ชัดนัก “หม่า ม้า ฮือ…” 

 

 

หู่พั่วปลอบใจเด็กชายอยู่สักครู่ เขาจึงค่อยๆ หยุดร้องไห้ “หงเอ๋อร์ ช่วยพี่ชงนมให้ขวดหนึ่งสิ ลูกพี่น่าจะหิวแล้ว” 

 

 

“โอ๋ ไม่ร้องนะคนดี เดี๋ยวก็ได้ดื่มนมแล้วนะ” หู่พั่วอุ้มเขาเดินไปทั่วห้อง ส่วนทางด้านโอวหยางหงก็ช่วยชงนมผงให้เสี่ยวอวี่อย่างคล่องแคล่ว สำหรับเขาเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องถนัดไปเสียแล้ว หลังจากที่เสี่ยวอวี่เกิด เขาก็รับหน้าที่นี้มาตลอด! 

 

 

เรื่องเปลี่ยนผ้าอ้อม เรื่องอาบน้ำให้เหล่านี้ผ่านมือโอวหยางหงมาแล้วทั้งนั้น ป้อนข้าว เล่นเป็นเพื่อน ขาดแค่ไม่ได้นอนด้วยเท่านั้นเอง 

 

 

“เสร็จแล้ว รีบเอานมให้หลานเถอะ” โอวหยางหงยื่นขวดนมให้ เสี่ยวอวี่เห็นขวดนมที่เขาคุ้นเคย ดวงตาก็จ้องเขม็งอยู่อย่างนั้น ขวดนมเคลื่อนย้ายไปทางไหน เขาก็มองตามไปทางนั้น 

 

 

หู่พั่วหยิบขวดนมใส่เข้าในปากของเด็กน้อย เขาดูดนมเอื้อกๆ เข้าไปทันที “แม่ดูแลหนูไม่ดีเหรอ? ทำไมทำอย่างกับว่าแม่ปล่อยให้หนูอดอยากอย่างนั้นล่ะ?” 

 

 

ตอนนี้เสี่ยวอวี่มีเวลาสนใจแม่ของตัวเองที่ไหนกัน เขาใช้มือกำขวดนมแน่น ถ้าเธอใช้มือดึงออกมา ก็จะพบว่าเขาแรงเยอะไม่ใช่เล่นเลย! เด็กคนนี้หวงแหนของกินจะตายไป 

 

 

ไม่ทันไร นมหลายร้อยมิลลิลิตรก็เข้าไปอยู่ในท้องของเขาจนหมด “เรียบร้อย ดื่มหมดแล้ว” หู่พั่วนำขวดนมว่างเปล่าส่งคืนให้โอวหยางหง 

 

 

“ตอนนี้เสี่ยวอวี่ก็ตื่นแล้ว งั้นเราก็ไปกันได้แล้วสิ?” 

 

 

“เมื่อกี้เธอบอกว่าไม่ว่าจะทำยังไงกับลูก ลูกก็จะไม่ตื่นไง” ตอนนี้เสี่ยวอวี่ไม่ร้องไห้งอแงแล้ว หู่พั่วเองก็นึกอยากหยอกล้อโอวหยางหงขึ้นมาบ้าง 

 

 

“ถือว่าเมื่อกี้ผมพูดผิดไปก็แล้วกัน ตกลงว่าพี่อยากไปเจอพวกเขาหรือเปล่า?” 

 

 

“อยากไปสิ ที่กลับมาคราวนี้ก็เพื่อมาหาพวกเขานี่นา ไหนๆ เสี่ยวอวี่ก็ตื่นแล้ว อย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” 

 

 

ทั้งสามคนมาถึงหน้าประตูบานสีแดง หู่พั่วอุ้มเสี่ยวอวี่เอาไว้ มองโอวหยางหงปราดหนึ่ง ถึงได้ใช้มือเคาะลงบนประตูเบาๆ ทั้งหมดสามครั้ง 

 

 

“มาแล้วจ้ะๆ!” มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างใน ประตูเปิดออก ทั้งสองฝ่ายต่างตกตะลึงอยู่ตรงนั้น 

 

 

แม่ของถังโจวโจวเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็ออกแรงหยิกตัวเองเข้าทีหนึ่ง อยากรู้ว่านี่เป็นความจริงใช่หรือเปล่า ปรากฏว่ามือของเธอเจ็บเอามากๆ 

 

 

เธอตะโกนเข้าไปในบ้าน “จิ่งฉิน โจวโจวกลับมาแล้ว!” ในสายตาแม่ของถังโจวโจวมีเพียงลูกสาวที่เธอหายตัวไปแล้วหวนกลับมา